วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หยุดหลงผิด! เผาแผ่นดินเกิด กับลมปาก "แม้ว" ผู้บงการใหญ่ยุยง / ทีมข่าวอาชญากรรม 21 พฤษภาคม 2553

การเผาบ้านเผาเมืองให้เป็นทะเลเพลิง ตามที่ “ไอ้กี้ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” ได้เคยประกาศบนเวทีการชุมนุมคนเสื้อแดงว่า “พี่ น้องนัดกันคราวหน้า ถ้ารู้ว่าเขาจะปราบปราม ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า บรรจุให้ได้ 75 ซีซี ถึง 1 ลิตร ถ้าเรามา 1 ล้านคน ใน กทม. มีน้ำมัน 1 ล้านลิตร รับรองว่า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน การสู้ของคนเสื้อแดงแบบง่าย ๆ อย่างนี้ บอกให้ทหารได้รับทราบ บอกให้ทหารสุนัขรับใช้อำมาตย์ได้รู้ว่า ถ้าคุณทำร้ายคนเสื้อแดงแม้เลือดหยดแต่หยดเดียว นั่นหมายความว่ากรุงเทพฯ จะเป็นทะเลเพลิงทันที

ทุกอย่างได้เป็นไปตามที่แกนนำ "กบฎแดง" ผู้ก้มหัวรับใช้ "นช.แม้ว" ตัวบงการใหญ่ก่อการร้ายได้เริ่มตั้งแต่เช้ามืด 19 พ.ค. กรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมร ที่คนไทยส่วนใหญ่ภูมิใจ และเป็นที่เลื่องลือถึงความงดงามเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถวิลที่ อยากจะเข้ามาเที่ยวชม แต่บัดนี้กรุงเทพมหานครเมืองสวรรค์กลับกลายเป็นทะเลเพลิง เป็นดินแดนมิคสัญญีที่มีทั้งการเผายางรถยนต์ก่อมลพิษไปทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ตามที่แกนนำ "โจรก่อการร้ายแดง" ได้ประกาศไว้

อาคารสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทั้งของทางราชการและเอกชน โดยเฉพาะศูนย์การค้าย่านสี่แยกราชประสงค์ และสยามสแควร์ที่เป็นหน้า เป็นตาของคนไทยต้องย่อยยับไปกับน้ำมือของกลุ่มก่อการร้าย ของกองกำลังติดอาวุธที่ลอบยิงทหารและประชาชนจากที่สูง ยิ่งรัฐบาลประกาศขีดเส้นตายให้ผู้ร่วมชุมนุมออกจากพื้นที่การชุมนุมที่สี่ แยกราชประสงค์ภายในวันที่ 17 พ.ค. เวลา 15.00 น. ดูเหมือนมวลชนคนเสื้อแดงไม่สนใจ แต่กลับบ้าเลือด บ้าคลั่งฝ่าฝืนคำสั่งของ ศอฉ. ด้วยการตั้งเวทีชุมนุมขึ้นอีกหลายจุดภายนอกแนวทหารที่กำลังกระชับวงล้อมเข้า ไปที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ และที่เลวที่สุดก็คือ การใช้เด็กเป็นโล่กำบัง ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอย่างรุนแรง

“ที่นี่คือแผ่นดินไทย แผ่นดินบ้านเกิดของพวกคุณเอง คุณเผาบ้านเกิดเมืองนอนของคุณเอง คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า” ไม่อยากจะนึกถึงภาพในอนาคตว่า หากพวก นปช. ที่มีแก้วครบ 3 ประการแล้วไม่ว่าจะเป็นแกนนำคนเสื้อแดง พรรคการเมืองเสื้อแดง และกองกำลังติดอาวุธของคนเสื้อแดง ได้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศชาติ แล้วบ้านเมืองและประชาชนจะเป็นอย่างไร หาก ประชาชนต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของคนเสื้อแดงที่สุดจะถ่อย เถื่อน เลวทราม และชั่วช้าสามานย์ ที่มีแต่การใช้ความรุนแรง การข่มขู่ คุกคาม ประทุษร้าย และขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายต่อประชาชนที่มีความเห็นต่าง นี่หรือคือ “ประชาธิปไตย” ที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง แต่มันกลับเป็นการกระทำที่เหมาะสมเป็น "ไพร่กลียุค” จริง ๆ

เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาของประชาชนเพียงพอแล้วว่า พฤติการณ์ของแกนนำและมวลชนคนเสื้อแดง รวมทั้งกองกำลังติดอาวุธของคนเสื้อแดง ซึ่งเชื่อว่ามีกองกำลังติดอาวุธต่างชาติร่วมด้วย เข้าข่ายเป็น “การก่อการร้าย” เต็มรูปแบบ นอกจากนั้น ยังร่วมกันกระทำความผิดอาญาอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน แผนประทุษกรรมต่าง ๆ ของพวก นปช.ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. ที่เริ่มด้วยก่อวินาศกรรมขว้างระเบิดเข้าไปยังธนาคารกรุงเทพถึง 3 แห่ง ในวันเดียวกัน การใช้จรวดอาร์พีจียิงไปตกที่ด้านหลังกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงวัดพระแก้ว และการบุกรุกที่เลวร้ายที่สุดไปที่ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ได้สร้างความเสียหายเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อย ๆ

คำปราศรัยของแกนนำ "ไพร่แดง" ล้วนเป็นการแสดงเจตนาข่มขู่รัฐบาล และสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน โดยหลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุมเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลุ่มมวลชนคนเถื่อนเสื้อแดงได้แสดงความไม่พอใจ ประกาศตัวเป็นอิสระว่า “การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด” ยังสร้างความพินาศสันตโรจุดเพลิงเผาไหม้ สถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านสะดวกซื้อ ไปทั่วกรุงเทพฯ รวม 36 จุด แม้โทษที่พวกผู้ก่อการร้ายเสื้อแดงสมควรได้รับจากการกระทำอันเลวร้าย จากความสะใจ จากการสร้างฉิบหายให้บังเกิดแก่แผ่นดินเกิด คือ “ประหารชีวิต” สถานเดียว

แม้จะเข้ามอบตัวไปแล้ว แต่แกนนำ "ไพร่กบฎ" ทุกคนคงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดในการเผาบ้านเผาเมืองครั้งนี้ได้ เช่นเดียวกับ "นช.แม้ว" ที่ได้รีบออกมาปฏิเสธทันทีว่า “ผมไม่ใช่ผู้นำคนเสื้อแดง การเจรจาต่อรองเพื่อยุติความขัดแย้งเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับแกนนำ นปช. ผมไม่มีอำนาจเข้าไปเจรจาต่อรอง” แต่ตอนท้าย นช.แม้ว กลับกล่าวว่า “ ขอให้หยุดยิง และเริ่มต้นการเจรจากับแกนนำ นปช. เพื่อมิให้มีการสูญเสียชีวิตมากยิ่งขึ้น” แม้วจะปฏิเสธความรับผิดเช่นนี้ได้หรือไม่

พฤติกรรมของ "นช.แม้ว" ที่เข้าไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง เริ่มจากการโฟนอินของ "นช.แม้ว" เข้าไปยังเวทีการชุมนุมคนเสื้อแดงหลายต่อหลายครั้งในลักษณะยุยง ปลุกปั่น ให้ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องทางการเมืองให้นายกรัฐมนตรี “ยุบสภา” และในช่วงของการเจรจาต่อรองระหว่างแกนนำ นปช.กับรัฐบาลก็ดูเหมือนแกนนำที่เป็นตัวแทนเข้าเจรจากับรัฐบาลไม่สามารถตกลง ใจหรือตัดสินใจได้ จนต้องยุติการเจรจาไปในที่สุด เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไม่ยินยอม “ยบุสภา” ทันทีตามที่แกนนำ นปช.ต้องการ และเชื่อว่า "นช.แม้ว" อยู่เบื้องหลังการสั่งให้ยุติการเจรจาในครั้งนั้น เช่นเดียวกับแผนปรองดองแห่งชาติของนายอภิสิทธิ์ฯ นายกรัฐมนตรี ที่ถูกปฏิเสธและประวิงเวลารวมทั้งการตั้งเงื่อนไขที่ไร้สาระขึ้นยื้อเวลา อย่างไม่มีความชัดเจนแน่นอน

และในที่สุดแผนปรองดองของรัฐบาลก็ถูกปฏิเสธ โดย "เสธ.แดง" ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเสียชีวิตว่า “เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 เวลา 01.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตกลงใจทางโทรศัพท์กับผม สั่งการให้แต่งตั้งแกนนำ นปช.ชุดสองขึ้นมา และให้ใครที่ไม่สู้กลับบ้านไป ไม่ต้องเข้ามาขึ้นเวทีเสื้อแดงอีก” และประกาศไม่ยอมยุติการชุมนุม ซึ่ง "เสธ.แดง" ถือว่ามีความสนิทสนมกับ "นช.แม้ว" เป็นอย่างมาก ทันทีที่ "เสธ.แดง" ออกมาประกาศว่า "นช.แม้ว" สั่งตั้งแกนนำรุ่นที่ 2 จึงเชื่อว่า "นช.แม้ว" อยู่เบื้องหลังการล้มแผนปรองดองแห่งชาติด้วย เพราะ "นช.แม้ว" มิได้รับประโยชน์อันใดจากแผนปรองดองเลยแม้แต่น้อย

แม้ "นช.แม้ว" จะให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติแสร้งเรียกร้อง ขอให้หยุดยิง และเริ่มต้นการเจรจากับแกนนำ นปช. เพื่อมิให้มีการสูญเสียชีวิตมากยิ่งขึ้น แต่มันช่างสอดคล้องกับที่ "ไอ้ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ปราศรัยบนเวทีภายหลังที่ ศอฉ.ประกาศให้มวลชนคนเสื้อแดงออกจากพื้นที่การชุมนุมภายในวันที่ 17 พ.ค. เวลา 15.00 น. จากนั้นก็มีทั้งนักการเมืองพรรคเพื่อไทยและนักวิชาการออกมาเคลื่อนไหวเสนอ ตัวเป็นคนกลางขอเจรจาต่อรองให้หยุดยิงและเริ่มต้นการเจรจากันใหม่ ซึ่ง เห็นว่าเป็นการทำงานที่ประสานสอดคล้องกันทั้ง "นช.แม้ว -แกนนำ นปช. -นักการเมือง-นักวิชาการ" น่าสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมจึงสอดคล้องกันเช่นนั้น คำตอบคือ “นช.แม้ว บงการทุกอย่าง”

พฤติกรรมของ "นช.แม้ว" ตั้งแต่การโฟนอินเรื่อยมาจนถึงวันเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุก็ร้อนตัวและรีบออกมาแก้ตัวทันทีว่า “ผมไม่ใช่ผู้นำมวลชนคนเสื้อแดง” บวกกับพฤติกรรมการนิยมความรุนแรง การใช้ความรุนแรงของแกนนำ นปช. และมวลชนคนเสื้อแดง ที่ก่อการร้ายนับครั้งไม่ถ้วน "นช.แม้ว" ไม่เคยออกมาห้ามปราม มีแต่การพูดปลุกปั่นยุยงให้เดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมกดดันรัฐบาลให้ “ยุบสภา” และพยายามอ้างตลอดมาว่า ให้ยึดการชุมนุมโดยสงบ สันติ อหิงสา และเรียกร้องแต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ให้ใช้ความรุนแรง และหยุดฆ่าประชาชน การก่อการร้าย การก่อวินาศกรรมและเผาบ้านเผาเมืองที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมันฟ้องด้วยภาพ

การบงการของ "นช.แม้ว" อยู่ต่างประเทศจะเข้าข่ายเป็น “การก่อการร้ายสากล” หรือไม่ นักกฎหมายระหว่างประเทศ ได้ให้คำนิยามเกี่ยวกับ “การก่อการร้าย” และ “การก่อการร้ายสากล” ไว้ดังนี้ “การก่อการร้าย เป็นการกระทำที่ใช้กำลังบังคับ หรือการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ ซึ่งมุ่งกระทำโดยตรงต่อฝ่ายที่สาม ซึ่งเป็นฝ่ายที่บริสุทธิ์ หรือไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย เพื่อให้ได้รับผลตามอุดมคติที่ตั้งเป้าหมายไว้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเงินหรือการปฏิบัติการทางจิตวิทยา เมื่อการก่อการร้ายนั้นมีปัจจัยทางด้านต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเงิน กำลังคน หรือการให้ความช่วยเหลือในด้านใด

การก่อการร้ายนั้นก็จะเป็น “การก่อการร้ายระหว่างประเทศ” หรือ “การก่อการร้ายสากล” คงจำกันได้ว่า "นช.แม้ว" เคยหลุดคำพูดระหว่างการโฟนอินในเรื่องที่ประชาชนต้องเข้าแถวรอรับค่าจ้างคน ละ 500 บาท เพื่อไปเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพ ท่อน้ำเลี้ยงที่ส่งมายังแกนนำ นปช. เพื่อว่าจ้างมวลชนคนเสื้อแดงเข้าร่วมชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 2 เดือน ทั้ง ๆ ที่พวกแกนนำ นปช. โดยไม่ได้ทำงานอะไร แล้วนำเงินมาจากไหน หากมิใช่เป็นท่อน้ำเลี้ยงที่มาจาก "นช.แม้ว" ซึ่งอยู่นอกประเทศ หากมีหลักฐานดังกล่าวจริง ก็อยู่ในความหมายของ การก่อการร้ายที่มีปัจจัยทางด้านต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เชื่อว่า "นช.แม้ว" ได้ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินเพื่อสนับสนุนการชุมนุมเรียกร้องทางการ เมืองด้วยการกดดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้ยุบสภาทันที และเมื่อเกิดการก่อการร้ายขึ้นในประเทศไทยแล้ว พฤติการณ์ของ "นช.แม้ว" น่าจะเข้าข่ายเป็น “การก่อการร้ายระหว่างประเทศ” หรือ “การก่อการร้ายสากล” ด้วย ดังนั้น หากรัฐบาลไทยมีหลักฐานชัดเจนต้องรวบรวมหลักฐานแจ้งไปยัง UN เพื่อขอให้ขึ้นบัญชี "นช.แม้ว" เป็นผู้ก่อการร้ายสากล และขอความร่วมมือจากตำรวจสากล (INTERPOL) ของทุกประเทศให้ช่วยกันจับกุม "นช.แม้ว" ส่งมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยทันที

ขอตั้งคำถามไปยังพี่น้องมวลชนคนเสื้อแดงว่า “นช.แม้ว" ยังสมควรเป็นบุคคลที่มวลชนคนเสื้อแดงจะต้องทุ่มเทเสียสละชีวิตให้อีกต่อไปหรือไม่” พี่น้องมวลชนคนเสื้อแดงคงยังจำกันได้ที่ "พ่อแม้ว" โฟน อินเข้าไปยังมวลชนคนเสื้อแดงว่า “ถ้าเมื่อไหร่เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินทางเข้ากรุงเทพทันที” ปรากฏว่าเสียงปืนแตกไม่รู้กี่ครั้ง ก็ยังไม่เคยเห็นแม้แต่เงา เท่าที่พบเห็นตามสื่อมวลชนก็มีแต่ "นช.แม้ว" พาลูกไปเดินช็อปปิ้งอยู่ที่ฝรั่งเศสบ้าง พาลูกไปดูเกาะที่จะซื้อในมอนเตเนโกรบ้าง แต่หลังเกิดเหตุเผาบ้านเผาเมือง "นช.แม้ว" รีบออกมาปฏิเสธทันทีว่า “ผมไม่ใช่ผู้นำคนเสื้อแดง” ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า มวลชนคนเสื้อแดงไปหลงเชื่อคารม "นช.แม้ว" กันได้ยังไง ไม่ช้าเกินไปที่พี่น้องมวลชนคนเสื้อแดงจะกลับตัวกลับใจ และหันหน้าเข้าหากันเพื่อมาร่วมกันสร้างกรุงเทพมหานครขึ้นใหม่ และร่วมกันสร้างประเทศไทยให้เป็นที่เชื่อมั่นของนานาอารยประเทศให้ได้โดย เร็วที่สุด “ความเห็นต่างเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่ความแตกแยก คือความพินาศของชาติ”

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000070173

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น