วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เซ็นทรัลเวิลด์ถล่ม! ผงะ!คลังแสงกระสุนM79-M16/'วีระ'พาพวกมอบตัวอ้างสันติ /

เถื่อน! เผาเมืองกว่า 40 จุด เซ็นทรัลเวิลด์ถล่มแล้ว ห้างเซ็นเตอร์วันวอดนับพันล้าน ธนาคารอีก 17 แห่งไฟลุกท่วม "ศอฉ." แฉปฏิบัติการอย่างเป็นระบบ เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมไม่ได้เพราะถูกยิงสกัด เปิดคลิป "ณัฐวุฒิ" สั่งเผา ประตูน้ำหวิดวินาศหลังซุกปุ๋ยยูเรียบรรจุถังดับเพลิง ต่อชนวนด้วยสายไฟพร้อมระเบิด โชคดีตำรวจกู้ได้ทัน ตะลึง! พบ 6 ศพถูกห่อด้วยเสื่อในวัดปทุมวนารามฯ แกนนำแดงทยอยมอบตัว "วีระ-เหวง-ก่อแก้ว" ซีดขาสั่นรับผิดชอบ แต่ยังไร้เงา "อริสมันต์-สุภรณ์-พายัพ"
ตั้งแต่ช่วงค่ำวันพุธ หลังทางการประกาศเคอร์ฟิวทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจากมีการยิงสกัดจากกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงตามจุดต่างๆ และมีการวางเพลิงเผาสถานที่ต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 จุด
บริเวณที่ถูกเพลิงลุกไหม้อย่างหนัก เช่นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง โดยเจ้าหน้าที่แจ้งเตือนไม่ให้ประชาชนเข้าไปในจุดดังกล่าว เพราะเกรงว่าซากตัวอาคารอาจจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ ต่อมาช่วงราวบ่ายสี่โมงเย็น ตึกเซ็นทรัลเวิลด์ก็ได้ถล่มลงมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันพฤหัสบดี บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์พลาซา มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรึงพื้นที่ได้เรียบร้อยแล้ว พร้อมกระจายกำลังดูแลความปลอดภัยทั่วบริเวณ ส่วนสภาพความเสียหายของห้างเซ็นทรัลเวิลด์พลาซาที่บริเวณฝั่งเซ็น ทรุดตัวลงมา 1 บล็อก และยังคงมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากตัวตึก
เช่นเดียวกับห้างบิ๊กซีราชดำริ ที่ยังคงพบเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งลอยออกมาจากตัวห้าง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงเตรียมความพร้อมในพื้นที่ ขณะที่ประชาชนที่อยู่ใน ละแวกนี้ต่างออกมาดูซากความเสียหายที่กลุ่มผู้ชุมนุมทำไว้และวิพากษ์วิจารณ์ ไปต่างๆ นานา

เซ็นเตอร์วันสูญพันล้าน
ขณะที่ห้างเซ็นเตอร์วัน ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายรัฐพล ไกรจิรโชติ กรรมการผู้จัดการศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน เผยว่า หลังจากการวางเพลิงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ล่าสุดจนถึงบ่ายวันพฤหัสบดียังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และยังลามไปถึงอาคาร 4 ชั้น บริเวณด้านหลัง ซึ่งเป็นอาคารของมูลนิธิผู้บริโภค โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคาร ประเมินความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากร้านค้าภายในส่วนของศูนย์การค้าประมาณ 300 ร้านค้า และคาดว่าจะมีพนักงานตกงานไม่ต่ำกว่า 1,000 คน
นายถนอม อ่อนเกตุพล ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ กทม. ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์เพลิงไหม้ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด ว่าตั้งแต่ช่วงเวลาตีหนึ่งของวันพุธเป็นต้นมา มีรายงานจุดที่เกิดเพลิงไหม้ ทั้งหมด 31 จุด โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทย สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมทั้งห้างเซ็นเตอร์วัน ที่ถูกไฟไหม้ไปแล้วทั้งหลัง รวมทั้งสยามสแควร์ และห้างเซ็นทรัลเวิลด์ก็ยังมีเปลวไฟอยู่ และห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ ก็ถูกเพลิงไหม้ด้วย แต่ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย
นายถนอมกล่าวต่อว่า เบื้องต้นพบว่ามีธนาคาร 17 สาขาถูกเผาได้รับความเสียหาย และโรงภาพยนตร์สยามสแควร์ ศูนย์การค้าสองแห่ง คือ เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นเตอร์วัน รวมทั้งร้านก๋วยเตี๋ยวอนุสาวรีย์ฯ รถยนต์ข่าวของช่อง 3 จำนวน 6 คัน ทั้งนี้จุดที่ยังดับไฟไม่ได้คือสยามสแควร์ ที่มีการปะทะกันอยู่ตลอด ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้
ส่วนสายด่วน กทม. 1555 ยังไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ เนื่องจากถูกกลุ่มบุคคลคุกคามบุกเข้าไป ทำลายอาคาร ซึ่งทางผู้ว่าฯ ต้องรักษาชีวิตของเจ้าหน้าที่เอาไว้ โดยประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือและแจ้งข่าว สามารถแจ้งได้ที่เบอร์ 199 หรือเบอร์ศูนย์เอราวัณ 1646 จส.100 เบอร์ 1137 และเบอร์ 0-2288-5050

ผวาเผาคุมเข้มศาลาฯ กทม.
ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นใน พื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงสำนักงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อหามาตรการเยียวยาและลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากการเผาทำลายสถานที่ ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ นอกจากนี้ได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 100 นาย ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากศาลาว่าการกรุงเทพฯ ถูกข่มขู่จะมีการวางเพลิงด้วยเช่นกัน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า หากมีการส่งมอบพื้นที่ใดเพิ่มเติม กทม.จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ทำความสะอาด ทันที เพราะไม่อยากให้มีพื้นที่ใดเป็นรอยแผลนานเกินควร เนื่องจากแผลในใจของประชาชนจะเป็นแผลเป็นไปอีกนาน และตนคิดว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ยังไม่สามารถเทียบได้กับเหตุการณ์ 19 พ.ค.53 เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้จะอยู่ในความทรงจำของประชาชนไปอีกนาน อาจถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของเรา และตั้งแต่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นมา ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นช่วงที่ทำให้ประชาชนคนกรุงเทพฯ เป็นอันตรายที่สุด
ก่อนหน้านี้ ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้เข้าตรวจค้นเต็นท์อำนวยการแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หน้าสถาบันสอนภาษาเอยูเอ ราชดำริ โดยพบเอกสารเครือข่าย นปช.ขอนแก่น ใช้ชื่อแกนนำว่า "ป๋าปรี" ปรี คำแหงพล แกนนำกลุ่มคนรักประชาธิปไตยขอนแก่น พร้อมกับเอกสารรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์
รวมถึงโครงสร้างที่ทำเป็นแผนผังเครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดงในภาคอีสานทั้งหมด และคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดตั้งเครือข่ายคนรักประชาธิปไตยขอนแก่น สมา พันธ์คนเสื้อแดงภาคอีสาน มีนายภานุพงษ์ ภัทรพงษ์งาม เป็นแกนนำ
นอกจากนั้น ยังมีเอกสารและรูปติดบัตร 1 นิ้ว ระบุว่าทำหน้าที่ การ์ด นปช. ซึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 10 นาย ยศสูงสุดคือพันตำรวจโท

ผงะ! ระเบิดปุ๋ยยูเรีย
มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่เก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร เข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดบริเวณด่านประตูน้ำ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำปุ๋ยยูเรียบรรจุในถังดับเพลิงและต่อชนวนด้วยสายไฟ
ราวบ่ายสอง ทหารและตำรวจรวมเกือบร้อยนายได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจพื้นที่บริเวณสี่แยกราช ประสงค์ และบริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีการนำสุนัขตำรวจดมกลิ่น 2 ตัวและเครื่องตรวจวัตถุระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่เป็นเวลานานนับชั่วโมง โดยจุดที่ทหารเข้าตรวจอย่างละเอียดคือบริเวณหลังเวทีราชประสงค์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของแกนนำ นปช. แต่จากการตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า บริเวณจุดศูนย์ช่วยเหลือส่งประชาชนกลับที่พัก ซึ่งเป็นศูนย์ที่ ศอฉ.ตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ซึ่งจะให้คนเสื้อแดงที่จะเดินทางกลับมาลงทะเบียนเพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา โดยพบว่าตลอดทั้งวันมีคนมาลงทะเบียนกลับเป็นจำนวนมาก
ที่น่าสนใจคือมีคนเสื้อแดงหลายคน เมื่อถูกตรวจค้นก็พบว่ามีสินค้ามีค่า สินค้าแบรนด์เนมส่วนหนึ่งติดอยู่กับตัว เช่น ชายคนหนึ่งทหารตรวจค้นเจอกระเป๋าถือผู้หญิงผ้าไหมยี่ห้อจิม ทอมป์สัน ราคาร่วมหมื่นบาท พอทหารถามว่าได้กระเป๋าราคาแพงนี้มาจากไหน ชายดังกล่าวตอบว่าแกนนำให้มาก่อนกลับ ทำให้ทหารสวนกลับไปว่า แกนนำต่างหนีเอาตัวรอดหมดแล้ว ใครจะมาเอากระเป๋ามาให้เป็นที่ระลึก จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงยึดกระเป๋าดังกล่าวไป

"แดง" ฉกสินค้าแบรนด์เนม
นอกจากนี้บริเวณหน้าสนามศุภชลาศัย ก็มีการตรวจพบถุงสีดำหนึ่งใบที่ภายในถุงพบนาฬิการาคาแพงรวม 22 เรือนอยู่ในถุง โดยคาดว่าคนเสื้อแดงได้หยิบฉวยมา แต่เกรงว่าจะถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ที่ด่านลงทะเบียนเลยทิ้งไว้กลางทาง
ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าไปพักอยู่ภายในวัดปทุมวนารามฯ นั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงได้เข้าไปเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมกลุ่มเด็กสตรีและคนชรา บางส่วน ที่อาศัยในเขตอภัยทาน วัดปทุมวนารามฯ โดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เข้าไปเจรจาและนำตำรวจหญิงเข้าไปเคลื่อนย้ายผู้ที่ประสงค์จะกลับบ้าน โดย จะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินคุ้มกัน ผู้ชุมนุมได้เดินยืนเรียงแถวเป็น บังเกอร์ให้ ซึ่งมีจำนวนผู้ชุมนุมทยอยเดินทางออกมาร่วม 2,000 คน โดยพักอยู่ข้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรอรถมารับ
เป็นที่น่าตกตะลึง เมื่อภายในวัดปทุมวนารามฯ พบศพผู้เสียชีวิต 6 ศพถูกห่อคุมตรวจเสื่อซึ่งทราบชื่อภายหลังคือ นายอัฐชัย คุ้มจันทร์, นายวิชัย จันแพร่ และนายมงคล เข็มทอง ส่วนหญิงที่สวมชุดหน่วยสภากาชาดนั้น ยังไม่สามารถระบุชื่อที่ชัดเจนได้ เนื่องจากพบบัตรประชาชนในกระเป๋า จำนวน 2 ใบ ส่วนชายไม่ทราบชื่ออีก 2 ราย ก็ยังไม่มีญาติหรือคนรู้จักมาแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกัน แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้เข้าชันสูตรศพผู้เสียชีวิต 6 ศพ ที่อยู่ภายในวัด ซึ่งแบ่งเป็นชาย 5 ศพ หญิง 1 ศพ โดยจากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่าทั้งหมดถูกยิงในขณะที่อยู่ภายในวัด เมื่อคืนวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ หนึ่งในแกนนำ นปช. ที่ถูกออกหมายจับกุมคดีก่อการร้ายและคดีอาญาอีกหลายคดี หลังจากเดินออกมาจากวัดปทุมวนารามฯ โดยนายวรวุฒินั้นหลบอาศัยในวัดตั้งแต่ ช่วงเช้า ที่เกิดการยิงปะทะกัน เมื่อเดินออกมาเจ้าหน้าที่ก็เข้าควบคุมตัวทันที โดยที่เจ้าตัวยังไม่ยอมให้การใดๆ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี

ตร.รับประกันกลับปลอดภัย
ต่อมารถเมล์ของ ขสมก.ได้เคลื่อนออกจากสนามศุภฯ เพื่อไปรับประชาชนภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยและประชาสัมพันธ์กับประชาชนถึงขั้นตอนการเดิน ทางกลับ
นอกจากนี้ยังมีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางมาร่วมส่งประชนกลับภูมิลำเนาและ สังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะเดินทางกลับอย่างไม่ปลอดภัย
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ขอให้มั่นใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ เราจะทำหน้าที่ตามหลักกฎหมาย ทั้งนี้จะส่งพี่น้องประชาชนทุกคนกลับอย่างปลอดภัย และยืนยันว่าไม่มีการลอบทำร้ายประชาชนที่เดินทางกลับแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ทยอยนำประชาชนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเดินทางกลับ ภูมิลำเนา โดยมี พล.ต.ท.พงศพัศ พงศ์เจริญ โฆษก สตช. ร่วมส่งพี่น้องประชาชนที่บริเวณหน้าประตู นอกจากนี้ ระหว่างที่รถเมล์ทยอยส่งผู้ประชาชน ยังมีรถของหน่วยกู้ชีพ และรถพยาบาลคอยดูแลประชาชนด้วย
ที่สมาคมนายทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล พร้อมด้วย พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงชี้แจงรายงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมาพร้อมกับแนวทาง การแก้ปัญหา
นายปณิธานกล่าวว่า เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่ามีการก่อความไม่สงบในหลาย พื้นที่ โดยเฉพาะความพยายามก่อกวนในการวางเพลิงก่อกวนประชาชนในแนวถนนพระราม 4 บริเวณคลองเตย ปากซอยไผ่สิงโต และในพื้นที่ที่มีความสำคัญของทางราชการ ศูนย์การค้าและบริเวณรอบ กทม. ความพยายามดังกล่าวทำให้มีการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งเบื้องต้นเฉพาะวันพุธที่ ผ่านมามีผู้บาดเจ็บ 88 ราย เสียชีวิต 7 ราย โดยนับรวมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 44 ราย

ศอฉ.ชี้เผาเมืองทำเป็นระบบ
"เหตุการณ์การก่อความวุ่นวาย มีการวางแผนเตรียมการอย่างเป็นระบบ ไม่เช่นนั้นคงไม่ก่อความวุ่นวายได้เกือบ 40 จุด" นายปณิธาณกล่าว และว่า ประชาชนจะได้เห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือใคร ต้องรับผิดชอบอย่างไร รัฐบาลเข้าใจดีว่ากลุ่มคนที่มาชุมนุมและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกาเดินทางกลับ ภูมิลำเนาปกติ
"แต่มีกลุ่มคนอีกกลุ่มที่มีความพยายามลดความน่าเชื่อถือในที่สุด ทำร้ายประเทศไทย และคนเหล่านี้เจ้าหน้าที่จะเข้าไประงับยับยั้ง ปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมตัวคนเหล่านี้"
กรณีมีผู้เสียชีวิต 6 รายภายในวัดปทุมวนารามฯ โฆษกรัฐบาลบอกว่า เป็นเรื่องใหญ่และมีความสำคัญชัดเจนว่า มีทั้งคนไทยและต่างประเทศอาศัยที่ นั่น ชัดเจนว่ามีการปะทะกันรอบวัดปทุมวนารามฯ ซึ่งทาง ศอฉ.ได้รับการร้องขอให้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในบริเวณพื้นที่ ดังกล่าว ซึ่งได้ประสานส่งเจ้าหน้าที่พยาบาล แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปได้ โดนต่อต้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มคนที่ติดอาวุธ โดย ศอฉ.จะนำคนที่อยู่ในวัดมาเล่าให้ฟัง
"ชัดเจนว่า เหตุการณ์ในวัดปทุมวนารามฯ มีการวางแผน ดำเนินการ ซึ่งต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน ในช่วงเช้าที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักมีการเสนอข่าวตรงกันว่า กลุ่มคนเหล่านี้ที่วางเพลิง มีอาวุธยุทโธปกรณ์ดำเนินการอย่างชัดเจนเปิดเผย นำมาซึ่งความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้น
รัฐบาลยืนยันว่า จะดำเนินทุกวิถีทางเพื่อปกป้องชีวิตประชาชน รัฐบาลเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อย เสี่ยงต่อชีวิตและความปลอดภัย ซึ่งจะประกาศเพิ่มเติม" นายปณิธานกล่าว

แจงเหตุประกาศเคอร์ฟิว
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ยังมีความพยายามก่อการร้ายจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี โดยมีกองกำลังติดอาวุธให้การสนับสนุนและยิงใส่เจ้าหน้าที่และประชาชนอย่าง ต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องประกาศการเคอร์ฟิวเมื่อค่ำคืนวันพุธที่ผ่านมา
"เรื่องเคอร์ฟิว ต้องดูสถานการณ์คืนนี้ก่อนว่าจะสามารถยกเลิกได้หรือไม่ แต่ทหารยังเคลียร์ ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี เพราะการประกาศเคอร์ฟิวเมื่อคืนทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบพอสมควร"
พ.อ.สรรเสริญกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ใช้กำลังทั้งหมดถึง 112 กองร้อย ในการมากดดันพื้นที่การชุมนุม เพื่อให้ยุติการชุมนุมและเข้าควบคุมตัวแกนนำถ้าเรามีความตั้งใจทำร้ายพี่ น้องประชาชน จะทำให้ยอดผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจะสูงกว่านี้มาก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 7 คน แต่ก็ถือเป็นความสูญเสียที่มาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงได้นำคลิปการปราศรัยของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่พูดบนเวทีว่า "เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง" กับ "พวกคุณยึดอำนาจ พวกผมเผาทั่วประเทศ แล้วใครจะจับ ใครจะอะไรมาเอากับผมนี่ ถ้าคุณยึดอำนาจ เผา"
โฆษก ศอฉ.กล่าวต่อว่า ถ้าได้สังเกตจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ากดดันพื้นที่ โดยแกนนำยอมจำนนต่อสถานการณ์และการกดดันของเจ้าหน้าที่ จึงประกาศมอบตัว แต่ เป็นการพยายามมอบตัวก่อนที่จะมีการยุติการชุมนุมให้เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ โดยอาศัยอารมณ์ความโกรธแค้นของผู้ชุมนุมเป็นหลัก ในการขยายผล และมีคำพูดแกนนำ โดยมีการพูดในลักษณะในทำนองที่ว่า ต่อไปการเคลื่อนไหวก็ให้เป็นไปโดยอิสระ

ถูกยิงสกัดขณะเข้าควบคุมเพลิง
พ.อ.สรรเสริญกล่าวต่อไปว่า พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผบ.ตร. ได้รายงานกับที่ประชุม ศอฉ.เมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา เข้าไปในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อไปอำนวยความสะดวกให้เจ้า หน้าที่ชุดดับเพลิง ก็ได้ถูกยิงต่อต้านจากชายชุดดำที่มีอาวุธสงคราม และสามารถบุกเข้าจับตัวได้จำนวนหนึ่ง 2 ครั้ง เป็นการปะทะกัน 2 ครั้ง ได้ครั้งละประมาณ 4-5 คน
ศอฉ.เชื่อว่าขณะนี้ยังมีกองกำลังติดอาวุธหลงเหลืออยู่ตามตึกและอาคารสูงหลาย พื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่มีความเสี่ยงในราชประสงค์ ประตูน้ำ เซ็นทรัลเวิลด์ เพลินจิต และแยกพระราม 4 บ่อนไก่ ซึ่งมีความพยายามสร้างสถานการณ์ตลอดทั้งคืน ซึ่งไม่มีตัวเลขชัดเจน เพราะส่วนหนึ่งปะปนในที่ชุมนุม แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากลุ่มติดอาวุธได้รับบาดเจ็บหรือควบคุมตัวไปเท่า ไหร่
ทั้งนี้ พื้นที่สุ่มเสี่ยงขณะนี้คือ บ่อนไก่ และพื้นที่กรอบสี่เหลี่ยม เพลินจิต เซ็นทรัลเวิลด์ ประตูน้ำ สารสิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการเร็วที่สุด
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มแกนนำ นปช.ว่า แกนนำที่เข้ามอบตัวทุกคนยังอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ และมีความปลอดภัย ยกเว้นนายจตุพร ที่ใช้สิทธิ์ ส.ส.ไม่ต้องถูกคุมขัง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาให้รับทราบแล้ว โดยมีทั้งคดีอาญา คดีก่อการร้าย คดีหมิ่นสถาบัน โดยได้แยกเป็น 2 ส่วน
ส่วนคดีก่อการร้ายนั้น มีแกนนำถูกออกหมายจับทั้งสิ้นจำนวน 30 ราย แต่มามอบตัวเพียง 5 ราย ขณะที่นายอริสมันต์ยังไม่ได้มีการควบคุมตัวมายังค่ายนเรศวร ซึ่งไม่มีรายงานจากหน่วยใดยืนยันว่าจับนายอริสมันต์ได้จริง แต่หากจับได้จริง ก็ส่งตัวมาดำเนินคดี เพราะนายอริสมันต์และแกนนำบางส่วนต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรัฐสภาด้วย

คุมเข้มแกนนำที่เข้ามอบตัว
สำหรับแกนนำ นปช.ที่เข้ามอบตัวแล้วตั้งแต่วันพุธ ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท, นายนิสิต สินธุไพร, นายเจ๋ง ดอกจิก นอกจากนี้ ยังมีนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ ที่ถูกจับกุมตัวได้ถภายในวัดปทุมวรารามฯ ซึ่งทั้งหมดถูกควบคุมตัวเพื่อรอการสอบสวนอยู่ที่ค่ายนเรศวร จังหวัดเพชรบุรี
บริเวณบ้านพักร่มใจ ซึ่งเป็นบ้านพักรับรองสำหรับผู้บังคับบัญชาชั้น ผู้ใหญ่ ที่ใช้ควบคุมตัวแกนนำ นปช.นั้น มีการล้อมรั้วลวดหนามหนาแน่น โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารคอยเดินดูแลรอบนอก ประกอบกันรถวิ่งเข้า-ออกบริเวณบ้านพักร่มเย็นตลอดทั้งวัน พร้อมกันนี้ได้ ห้ามสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าใกล้พื้นที่เพื่อทำข่าวอย่างเด็ดขาด
ขณะที่นายวีระ มุกสิกพงศ์, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำเสื้อแดง ได้เดินทางเข้ามอบตัวที่กองปราบปรามในเวลา 13.00 น. ทั้งนี้ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. ได้มารอรับตัวที่บริเวณบันไดทางขึ้นอาคารสำนักงานผู้บังคับบัญชา บก.ป. ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่ห้องประชุมสุรสีหนาท โดย พล.ต.ท.ไถงเป็นผู้กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง
นายก่อแก้วได้มอบหมายให้ผู้ติดตามนำเอกสารที่พิมพ์ขึ้นในช่วงที่ตัดสินใจ เข้ามอบตัวพร้อมกับนายวีระแจกให้กับสื่อมวลชน ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปว่า ตนใคร่กราบวิงวอนให้ทุกฝ่ายยุติการกระทำใดๆ ที่เพิ่มความเสียหายและขยายความขัดแย้งในสังคมไทยให้ลุกลามเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการจลาจลใดๆ
"แต่ในฐานะแกนนำคนหนึ่ง จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบใดๆ จึงขอกราบขอโทษผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์จลาจลทั้งทางตรงและทาง อ้อม โดยเฉพาะเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกเผาทำลายและพนักงานที่ต้องตกงาน ตนไม่อาจจะแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายทางการเงินได้ แต่ยินดีแสดงความรับผิดชอบทางกฎหมายทุกประการ" หนังสือชี้แจงระบุ

"วีระ"อ้างสันติขอรับผิดชอบ
นายวีระกล่าวว่า ต้องขอฝากพี่น้องสื่อมวลชนทุกคนทุกแขนง ที่จะนำข่าวสารไปสู่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเสื้อแดง ตนร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงมา ยืนยันว่าไม่มีใครที่เป็นภัยแก่ประเทศนี้ เราคือคนไทยที่รักชาติ รักสถาบัน เราต่อต้านเผด็จการ และสร้างสรรค์ประชาธิปไตย
"แต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2-3 วันมานี้ ตลอดถึงวันนี้เป็นโศกนาฏกรรมที่ทำให้พวกตนมีความทุกข์ใจ และใคร่จะขอกราบเรียนไปยังพี่น้องเสื้อแดง ถ้าหากว่าเป็นเสื้อแดงแท้จริง ขอให้ยึดมั่นแนวทางสันติ อหิงสา ที่เราเคยร่วมกันมา" นายวีระกล่าว
นายวีระกล่าวต่อว่า ได้พยายามเป็นตัวแทนพี่น้อง นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เจรจาปรองดองกับรัฐบาลมาตลอด ต้องเก็บไว้เป็นความลับ เพราะจะเปิดเผยในขณะที่กำลังเจรจาไม่ได้ และหลักใหญ่ยังคงอยู่ แต่น่าเสียดายที่มีข้อปลีกย่อยบางประการที่ตกลงในเงื่อนไขไม่ได้ แต่จะเปิดเผยได้ภายหลังที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันแล้ว ซึ่งการที่ตกลงกันใน เงื่อนไขไม่ได้ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมต่างๆ เกิดขึ้น ซึ่งตนรู้สึกผิดและมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบและไม่ปฏิเสธความรับ ผิดชอบ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการกับแกน นำ นปช. ที่ประกาศยุติการชุมนุมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ว่า ขณะนี้ดีเอสไอแจ้งข้อหาก่อการร้ายกับ 3 แกนนำหลักแล้ว คือ นายจตุพร, นายณัฐวุฒิ และนายขวัญชัย จากนั้นศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 10 คน ซึ่ง 1 ใน 10 คนนั้น คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ไต่สวนเพิ่ม"แม้ว"ก่อการร้าย
"แต่ผมไม่เข้าใจว่าหลังศาลอนุมัติหมายจับได้เพียง 2 ชั่วโมง ศาลอาญาได้ชะลอหมายจับของ พ.ต.ท.ทักษิณในคดีก่อการร้ายไว้ก่อน โดยได้เรียกกลับและสั่งว่าจะนัดไต่สวนเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 24 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. ซึ่งผมไม่เข้าใจเรื่องการชะลอหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณดังกล่าว เพราะไม่เคยมีวิธีปฏิบัติแบบนี้" นายธาริตกล่าว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าการยื่นข้อหา พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติต่อทางสหประชาชาตินั้น ไม่มีปัญหา แต่ต้องดูในส่วนของขั้นตอนของการปฏิบัติมีความเป็นไปได้ เข้าข่ายหรือไม่ ส่วนทางสหประชาชาติจะมีแถลงการณ์ออกมาอย่างไรนั้น ตนถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเรื่องการแทรกแซงไม่มีใครสามารถทำได้
"หากมีการตั้งข้อหาการก่อการร้าย และมีการส่งให้ทางอัยการสั่งฟ้อง หากศาลมีความเห็นว่าผิด กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้ คือส่งไปเปรียบเทียบกับข้อมติของสหประชาชาติว่าด้วยการก่อการร้ายว่ามี ประเด็นที่ตรงกันหรือไม่ หากตรงกันบุคคลนั้นจะต้องข้อหาเหมือนกันในอีก 190 ประเทศ และทุกประเทศก็มีหน้าที่ในการส่งตัวผู้ร้ายกลับมาให้ประเทศในการดำเนินคดี" นายชวนนท์กล่าว
เวลา 16.00 น. พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนชัย รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และรองโฆษก บช.น. แถลงผลการปฏิบัติงานของตำรวจภายหลังเข้าปฏิบัติการขอพื้นที่คืนบริเวณสวน ลุมพินี ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีว่า เมื่อเข้าเคลียร์ พื้นที่-ตรวจค้นก็พบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ประกอบด้วย หัวกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงจำนวน 18 ลูก, เอ็ม 79 18 นัด, เครื่องกระสุนปืน เอ็ม 16 250 นัด, เครื่องกระสุนปืนที่ใช้ยิง HK47 2 นัด ซึ่งทั้งหมดนำส่ง สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินการต่อไป
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า บริเวณถนนสารสิน เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ตรวจพบที่ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุพลาสบอมบ์ เป็นอุปกรณ์ระเบิดทุกรูป แบบโดยประกอบเอง มีสารเคมี 3 แกลลอนใหญ่ ผสมน้ำมันตกผลึกและพบอาวุธก่อเหตุจำนวนหนึ่ง
ส่วนภารกิจของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นบริเวณเต็นท์ที่การ์ดเสื้อแดงพัก พบระเบิดเพลิงที่ผสมตะปูเรือใบซึ่งมีความรุนแรงมากขึ้น พร้อมทั้งผสมสะเก็ด ระเบิด กระสุนปืนเอ็ม 16 นอกจากนั้นมีการชันสูตร 6 ศพภายในวัดปทุมวนารามฯ ชัดเจนว่าผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในเต็นท์พยาบาลในวัดปทุมวนารามฯ ด้านหน้าประตูทางเข้าถูกยิงจากกลุ่มไม่ทราบฝ่ายเสียชีวิตพร้อมกลุ่มที่อยู่ ใกล้ทั้งหมด 6 คน
พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 ได้กำชับและสั่งการตำรวจในพื้นที่ทั้ง 9 จังหวัดโดยเฉพาะในเขตปริมณฑลให้เพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจสกัด และออกไป ตรวจตราดูแลประชาชนในพื้นที่ เพราะมีความห่วงใยว่าเหตุสงบแล้วจะมีเหตุเกิด ขึ้นในปริมณฑลที่มีพื้นที่ต่อเนื่องจาก กทม.
การปฏิบัติหน้าที่รอบวันที่ผ่านมามีผลการปฏิบัติหลายคดี อาทิ ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจสกัดที่ถนนรัตนาธิเบศร์ ฝั่งขาเข้าช่วงตำบลเสาธงหิน ซึ่งผู้ต้องหา 3 คนโดยสารรถแท็กซี่เข้ามาที่ด่านมีพิรุธจึงได้ตรวจค้น พบวัตถุที่เป็นของกลาง มีทั้งระเบิดรวม 19 ลูก ผ้าพันคอสีแดง ผ้าโพกศีรษะสีแดงข้อความ "รัฐบาลโจรอภิสิทธิ์ออกไป" ผ้าพันคอสีดำข้อความ "นักรบ PUCHIDO การ์ด นปช.53"
ทั้งยังพบหน้าไม้ ลูกดอก มีดพับ กล้องส่องทางไกลและอื่นๆ รวม 17 รายการ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในถุงผ้าที่ซุกซ่อนอยู่ด้านหลังของรถ ซึ่งได้มีการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเพื่อขยายผลและแจ้งข้อหาต่อไป

ที่มา :: http://www.thaipost.net/news/210510/22380

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น