วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

"อย่าโทษชาวบ้านเสื้อแดงโง่ ผิด เขาไม่เกี่ยววางเกมซับซ้อน" / ประสิทธิ์ ไชยชมพู 7 มิถุนายน 2553

ญาติจะไม่โกรธหรือ เห็นพี่น้องล้มตายบาดเจ็บมากมายขนาดนั้น อย่ายกระดับถึงขั้นก่อการร้าย...รัฐต้องสมานฉันท์กับคนข้างล่าง ข้างบนให้แค่พิธีกรรม

น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงสงครามการเมือง ประวัติศาสตร์นองเลือดครั้งใหญ่พึ่งผ่านไปหมาดๆ สังเวยเสียชีวิตรวม 88 ศพ บาดเจ็บเกือบ 1,900 คน ตัวเลขผู้สูญหายยังไม่เปิดเผย

แม้จะสยบม็อบเสื้อแดง นปช.ได้ สกัดกั้นกองกำลังติดอาวุธ จับกุมแกนนำบางส่วนและแนวร่วมอีกจำนวนมาก ก็ยังไม่ใช่หลักประกันความสงบสุขจะยาวยืน ความรุนแรงยังกรุ่นในบรรยากาศ

มีข้อเสนอแนวทางออกจากวิกฤติจากนัก วิชาการ ปัญญาชน นักคิดผ่านสื่อมวลชนพรั่งพรู สำหรับ นายบำรุง บุญปัญญา นักพัฒนารุ่นแรกของเมืองไทย ยังคลุกคลีเคลื่อนไหวกับปัญหาชาวอีสาน มีทัศนะมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้

คาดคิดมาก่อนหรือไม่จะเกิดความ รุนแรงถึงขั้นนองเลือด วินาศกรรมเผากรุงขนาดนี้
เพราะระบบเลือก ตั้งตัวแทนของการเมืองไทยภายใต้ทุนธุรกิจมันแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็นำไปสู่การต่อสู้นอกสภา จากการชุมนุมธรรมดา กลายเป็นการปลุกระดมด้วยสื่อ มีการใช้อาวุธปะทะกัน ซึ่งสั่นสะเทือนสังคมอย่างมาก

มันเป็นขั้นตอนตามประวัติศาสตร์ คร่าว ๆ คือ ความล้มเหลวของระบอบรัฐสภาหรือประชาธิปไตยทางอ้อม เมื่อแก้ปัญหาประเทศไม่ได้ ก็ถูกรัฐประหาร ต่อเมื่อกำลังทหารใช้ไม่ได้ อำนาจไม่ยั่งยืน การสร้างมวลชนขึ้นมาล้มอำนาจรัฐ โดยมีทุนหนุนหลังอยู่เหมือนเดิม ความจริงมันคือทุนเก่ากับทุนใหม่สู้กัน ถ้าสู้สันติไม่ได้ ก็เป็นการเมืองแบบหลั่งเลือด

ระลอกแรก การเรียกร้องชุมนุมเป็นค่อยๆ เป็นค่อยไป เรียกร้องประชาธิปไตย ปัญญาชนฝ่ายซ้าย นักศึกษา มวลชนออกมาต่อต้านรัฐประหาร เผด็จการคณาธิปไตย พยายามไม่อิงทักษิณ แต่ในที่สุดก็ค่อยๆ เผยคนอยู่เบื้องหลัง แน่นอนยังต้องพึ่งทุน เป็นพันธมิตรกับทักษิณซึ่งเชื่อมลงถึงทุนท้องถิ่น ทักษิณเองก็คว่ำรัฐธรรมนูญ 2540 สร้างระบอบทักษิณหรือธนาธิปไตยขึ้น ซึ่งเป็นเผด็จการรัฐสภา

ระลอกที่สอง ความต้องการเพิ่มปริมาณมวลชนเพื่อกดดันรัฐบาล จึงต้องผ่านทุนท้องถิ่นในคราบส.ส.เกณฑ์มวลชนมา ปัญญาชน คอมมิวนิสต์ อยากจะเลยประเด็นทักษิณไป แต่ชาวบ้านไม่เชื่อยังอยู่กับทักษิณ ยิ่งแกนนำรุ่น 2 จัดตั้งมวลชนแบบนักเลงไร้ระเบียบ จากหัวคะแนนท้องถิ่น เปิดให้แนวทางรุนแรง สายเหยี่ยวกุมการนำม็อบ การปะทะจึงเกิดขึ้นตลอดมา

ดังนั้น ยุทธการราชประสงค์ล้มเหลว แม้พยายามจะชูว่าเลยประเด็นทักษิณไปแล้ว แต่จริงๆ ยังไม่เลย และปัจจัยชี้ขาดทำให้พ่ายแพ้ ก็คือในขบวนการขัดแย้งกันเอง หรือแพ้ภัยตัวเอง เมื่ออำนาจรัฐไม่ตอบสนอง สถานการณ์นี้จึงกดดันให้สายพิราบกลายเป็นสายเหยี่ยว จึงผสมวิธีการทั้งเคลื่อนไหวมวลชน ในสภา สื่อสารมวลชน และกองกำลังติดอาวุธ และขณะนี้กำลังนำไปสู่สถานการณ์ต่อสู้ใต้ดิน ซึ่งต่อสู้แบบเปิดเผยผ่านพรรคการเมือง มวลชน จะยังมีอยู่

รัฐบาล ศอฉ.ผิดผิดพลาดตรงไหน
ก็ น่าจะรู้ ความขัดแย้งของกลุ่มคนกับอำนาจรัฐมีมาเป็นพันปีแล้ว เช่น คาธอลิกเจ้าศาสนจักรกับคริสต์โปแตสแต็นท์ การสู้รบระหว่างชนเผ่ากับจักรวรรดินิยม สงครามกลางเมืองกัมพูชา หรือแม้แต่มาร์ติน ลูเธอร์ คิงกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ก็ล้วนต้องจบลงด้วยการเจรจา เพราะที่ผ่านมาต้องสูญเสียนองเลือด ในเมื่อรัฐบาลไทยเลือกวิธีการปราบ จึงถือว่าผิดธรรมชาติความเป็นรัฐ

ถ้าเป็นความผิดทางการเมืองไม่ถือว่า เป็นอาชญากร ก็ไม่ควรปฏิบัติกับพวกเขาแบบนักโทษรุนแรง แต่การตั้งข้อหาก่อการร้ายย่อมมีนัยสำคัญ หมายความว่าถ้าเคลื่อนไหวอีกไม่ว่าจะมีหรือไม่มีทักษิณก็ต้องถูกปราบ เท่ากับรัฐไปยกระดับให้ นปช.มีฐานะเท่ากับ กลุ่มอัลกออิดะฮ์ กบฏในอัฟกานิสถาน อาบูไซยัฟในฟิลิปปินส์ แต่สำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐยังเรียกเป็นแค่ ผู้ก่อความไม่สงบ

ข้อหาก่อการร้าย จึงเป็นเสมือนชี้เป้าศัตรู ข้อหาก่อการร้ายทำให้ลงใต้ดินโดยปริยาย จึงมีนัยอยากกำจัดกินรวบทั้งทักษิณ ทั้งซ้ายเก่า และทหารแตงโม ส่อถึงฝ่ายความมั่นคงต้องการใช้กำลังต่อไป และต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป

การปราบ การไล่ล่า จะทำให้สายพิราบกลายเป็นสายเหยี่ยว จากนี้ถ้าเสื้อแดงข้ามพ้นทักษิณได้ ตั้งหลักได้ จัดระเบียบได้ โรงเรียนการเมืองของพวกเสื้อแดงทำได้ แนวทางใต้ดินก็จะเป็นปึกแผ่น ก็จะคล้ายกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ยังต้องชูเรียกร้องประชาธิปไตย

ประชาชนที่ตาย บาดเจ็บ จะไปโทษเขาไม่ได้ว่าหลงผิด หรือสมควรกำจัด เพราะคนจนก็มีสิทธิความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน

ถ้ามีเลือกตั้งเกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องฟัดกับพรรคเพื่อไทยอย่างหนักแน่นอน อาจเกิดการยิงฆ่ากันนองเลือดเหมือนฟิลิปปินส์เพิ่งผ่านไปหยกๆ และแม้เลือกตั้งได้ แต่ตัวละครก็เหมือนเดิม สภาแบบเดิม จึงยังน่าสงสัยอยู่ นองเลือดราชประสงค์แล้วจะยังมีการเลือกตั้งได้จริงหรือ

โรดแม็ปปรองดอง รัฐบาลแห่งชาติ จะเกิดหรือไม่
รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์นอง เลือดได้จริงหรือ ตั้งแล้วจะได้รับความเชื่อถือหรือไม่ แผนปรองดองน่าจะเป็นแค่เป้าหลอก เพราะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบก็ไม่สำเร็จ แต่แผนที่แน่ชัดคือรัฐบาลต้องการผ่านงบประมาณปี 54 แล้วก็รอเลือกตั้งกันใหม่ ซึ่งปัญหาก็รออยู่แล้ว ความง่อนแง่นของรัฐบาล จะทำอย่างไรไปภาคเหนือ ภาคอีสานก็ลำบาก แม้แต่กทม.เอง ก็น่าเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เองจะไม่สามารถเพิ่มเก้าอี้ได้ อาจจะมีพรรคใหม่แทรกขึ้นมา คล้ายกับช่วงเกิดพรรคพลังธรรม

ส่วนรัฐบาลแห่งชาติในความหมายจากบุคคล อื่นที่ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่นักเลือกตั้งที่คุมเสียงพื้นที่แล้ว เป็นไปได้ยาก เพราะทุนท้องถิ่นจะไม่ยอมให้ใครชุบมือเปิบ ขณะที่ทักษิณยังทำตัวเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ เคลื่อนไหวระดับสากล

รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยังสามารถ อยู่ได้ แม้มีคนตายจำนวนมาก ผิดกับเหตุการณ์ในอดีต
ในอดีต รัฐบาลที่มีคนตายต้องรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ลาออก ยุบสภา แต่สำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่วนหนึ่งเพราะปมกองกำลังติดอาวุธ กับคนชั้นกลางผนึกกันต่อต้าน นปช. แต่ที่สำคัญคือกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล

ถ้าเลือกตั้งใหม่เชื่อว่าทักษิณจะกลับ มามีอำนาจ และถ้ารัฐบาลไม่ยกเลิกข้อหาก่อการร้าย จะเป็นเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง ซึ่งก็เป็นการเลือกตั้งแบบล้มเหลวอีกอย่างแน่นอน ปัญหายุ่งยากรออยู่และม็อบจะเกิดอีก ถ้าม็อบไม่เข้าลักษณะก่อความรุนแรงก็จะดี สังคมจะได้ตื่นรู้ประชาธิปไตยทางตรง ตื่นจากการแยกขั้ว คนจะมาสมานฉันท์กัน และต้องมาสมานฉันท์กับคนจนเท่านั้น ในการแก้ปัญหาของพวกเขาจึงจะตรงจุดที่สุด การสมานฉันท์กับข้างบนขอให้เป็นแค่พิธีกรรมก็พอ เช่น นำสวดมนต์กันทั่วประเทศ สำหรับสื่อมวลชนถ้ายังมองคนจน มองคนเสื้อแดงแบบศัตรู ก็จะกดดันไปสู่กองเพลิงอีก

คุณบำรุงเห็นกลุ่มมวลชนเสื้อ แดงคนอีสานเป็นอย่างไร
ต้องเข้าใจว่าคนอีสานผ่านกระบวนการ ต่อสู้กับอำนาจรัฐเผด็จการมาหลายยุค ทั้งในขบวนการเสรีไทย หลังขบวนการเสรีไทยก็สูญเสีย 4 รัฐมนตรีภาคอีสาน ต่อสู้ผ่านพรรคสังคมนิยม และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รวมทั้งขบวนการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)

มวลชนคนยากจนด้อยโอกาสต่อต้านสังคม ในรูปเดินขบวนชุมนุมประท้วง แม้แต่นอนหลับทับสิทธิ์ไม่ไปเลือกตั้ง หรือกาโนโหวตก็ทำมาแล้ว นี่คือช่องทางพวกเขาจะทำได้ ขอให้มีพื้นที่จะทำได้ ดังนั้น เมื่อเกิดความรุนแรง แล้วรัฐบาลใช้วิธีการรุนแรงตอบโต้ ก็เท่ากับเป็นคนร้ายเสียเอง เมื่อมีคนตายบาดเจ็บจากการกระทำของรัฐ ปัญหาตอนนี้จึงไม่ใช่แดงไม่ใช่เหลือง แต่เป็นปัญหาประชาชนกับรัฐ

ทุกคนที่ถูกตัดชีวิตก็เป็นคนเท่ากัน รัฐหรือใครจะมาตราหน้าว่าคนจนที่เข้าร่วมกับขบวนการ นปช.โง่ ผิด อยู่ร่ำไปไม่ได้ เพราะเหตุผลพวกกุมยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีการต่อสู้อย่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนต่าง ๆ พวกผู้ชุมนุมชาวบ้านไม่ได้รู้เห็นด้วย จะอ้างกองกำลังติดอาวุธในกลุ่มผู้ชุมนุม ชาวบ้านเขาก็ไม่รู้ด้วย มันเป็นแค่ช่องทางแสดงออกไม่พอใจต่ออำนาจรัฐ จุดยืนของชาวบ้านก็มีเท่านั้น เรียกร้องให้รัฐบาลมาแก้ปัญหาของพวกเขา

คิดดูสิชาวบ้านโดนรีดไถ ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้ แล้วเรื่องกองกำลังอะไรนั้น พวกกูจะไปรู้ได้อย่างไง (เสียงเริ่มเคร่งเครียดจริงจัง) ทีนี้สื่อมวลชนก็ยังไม่มีสติปัญญาพอ ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์การต่อสู้กับอำนาจรัฐที่มีมาตลอดทุกชนชาติอยู่แล้ว จนมีข้อสรุปว่าการฆ่าทำลายล้างผู้ต่อต้านไม่ใช่ทางออก การทำลายล้างละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมา ในสงครามเวียดนาม สงครามอีรัก หรือในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ก็สื่อมวลชนก็มีส่วนเช่นกัน

นี่เป็นการมองจากข้างล่าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับแบบมองจากข้างบน ที่ออกแบบซ้อนแผน วางกลไกเพื่อทำลายล้างกัน พวกข้างล่างนี่ไม่รู้ไม่เกี่ยว ดังนั้น จะไปตัดสินพวกเขาเป็นศัตรูก็จะเป็นอันตราย

อุดมการณ์ของเสื้อแดง นปช. คืออะไรกันแน่
อุดมการณ์แดงนปช. ซึ่งก่อรูปมาหลายสมัยแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์ก็อุดมการณ์เดียวกัน ถ้าถึงขั้นสูงเลยตัวบุคคลทักษิณไปแล้ว ก็จะไปหารัฐไทยใหม่ รัฐของไพร่ สถาบันสำคัญที่เป็นอุปสรรคต้องสิ้นสุด ทหารกองทัพต้องอยู่ภายใต้ประชาชนปฏิวัติ ชัดเจนอยู่แล้ว

ระหว่างชุมนุมก่อนถูกปราบ พวกชุมนุมด้วยกันเองก็ถามตัวเองอยู่บ้างว่าที่พวกเขาทำไปนี่มันรุนแรงไปหรือ เปล่า แต่หลังจากถูกปราบปรามแล้ว คำคอบก็ชัด คือไม่ใช่แล้ว ให้คิดดูญาติเขาเห็นพี่น้องต้องมาตาย ต้องบาดเจ็บถึงขนาดนี้ เขาจะไม่โกรธแค้นหรือ ส่วนจะแสดงออกช่องทางไหน ถ้าเขาทำได้ก็คงทำ ตอนนี้สถานการณ์เป็นสามกลุ่ม คือ รัฐ กับ กลุ่มต่อต้านรัฐ และกลุ่มพลังเงียบ ซึ่งกลุ่มพลังเงียบนี่แหละกำลังถูกช่วงชิงจากสองกลุ่มด้วยเครื่องมือสื่อสาร

ภาคประชาชนภาคอีสาน จะเสนอแนวทางออกอย่างไร
เราย้ำเสมอ ภาคประชาชนเสนอมาตลอด เราปฏิเสธการเมืองสามานย์ที่เป็นอยู่ ธุรกิจนำการเมือง พรรคของทักษิณชินวัตร จึงถูกต่อต้านจากภาคประชาชน เพราะนำโครงสร้างธุรกิจมาครอบงำการเมือง เพราะต้องการความรวดเร็ว มือเติบ พลิกแพลง ควบรวม ฮุบกิจการรัฐวิสาหกิจ เกิดผลประโยชน์กลับเข้ากระเป๋าทุนการเมืองอย่างมหาศาล ซึ่งก่อผลสะเทือนทั้งสังคม ใช้ทุนสู้ทุน เพื่อล้มอำนาจการเมืองของทุนเก่า

ทุนนิยมสุดขั้วแบบทักษิณ คือไม่รับกติกา แก้กติกาเพื่อตัวเอง ฮุบ ข่มขู่ เลี่ยงหลบกฎหมาย ส่วนที่อ้างสร้างรัฐสวัสดิการในรูปโครงการประชานิยมต่างๆ แต่เป็นการสร้างภาระหนี้สินให้สังคม เพราะไปกู้ต่างประเทศมา หรือออกพันธบัตรกู้ในประเทศ แต่สิ่งที่ควรต้องทำกลับไม่ทำ นั่นคือ แก้ไขกฎหมายภาษีก้างหน้า กฎหมายมรดก ซึ่งนำมูลค่าส่วนเกินสะสมในกลุ่มมั่งคั่งร่ำรวยนำมาเฉลี่ยแก่คนในสังคม กลุ่มทุนธุรกิจการเมืองไม่มีใครอยากทำ หากเป็นสวัสดิการแบบลวงๆ แบบนี้ก็จะลงเอยแบบละตินอเมริกาอย่างแน่นอน รวมทั้งล่าสุด กรีซ ในกลุ่มยุโรปกำลังเจอ

ข้อเสนอของภาคประชาชนคือ 1.สร้างประชาธิปไตยทางตรงนำ ประชาธิปไตยตัวแทนตามหลัง 2.ส่งเสริมพหุสังคม หรือเอกภาพบนความหลากหลา คนทุกชาติพันธุ์ในประเทศไทยได้รับสิทธิ เสรีภาพเสมอหน้ากัน ซึ่งสอดคล้องกับชีวนิเวศ หรือทางสังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา เรียกนิเวศวัฒนธรรม ซึ่งกินความหมายลึกซึ้ง กว้างไกลกว่า เอกภาพดินแดน

เราเสนอสิทธิตามธรรมชาติที่ติดตัวมาแต่ กำเนิด ซึ่งใช้โต้แย้งรัฐธรรมนูญที่ละเมิดสิทธิเราได้ เพราะรัฐธรรมนูญก็มีโรคแทรกซ้อนเยอะ เฉพาะคนภาคอีสานโดยรวมเราเรียกว่า ธรรมนูญอีสาน ที่ประกอบจากธรรมประเพณี จารีต นิเวศน์ ประวัติศาสตร์ เช่นที่เราเสนอให้ทุกรัฐบาลไปแล้ว คือต้องปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ กฎหมายป่าชุมชนคนอยู่กับป่า กฎหมายภาษีอัตราก้าวหน้า กฎหมายที่ดิน แต่รัฐบาลไม่ยอมทำ หรือทำทีไม่เข้าใจ


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/news-maker/20100607/119590/news.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น