ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ฟันธง 7อุปสรรคใหญ่ขวางรัฐบาลไทยลากคอ พ.ต.ท.ทักษิณ มาลงโทษในคดีก่อการร้าย ขณะที่ 'แม้ว' มีโอกาสพลิกเกมเป็นฝ่ายชนะสูง จากการต่อสู้ 3 ประเด็นใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนสู้อ้าง “ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง-กลัวถูกฆ่า-กลัวถูกทรมาน” อีกทั้งกฎหมายมอนเตรเนโกรเป็นเกราะปกป้องที่สำคัญ โดยเฉพาะประเด็นสัญชาติที่ท้ายสุดไทยจะต้องขึ้นสู้ในศาลมอนเตรเนโกรก่อน พร้อมแนะรัฐอย่าท้อเดินหน้าพิสูจน์หลักฐานโยง 'ทักษิณเป็นผู้ก่อการร้ายตัวพ่อ' ต่อ เชื่อหลักฐานท่อน้ำเลี้ยงสำคัญสุดในการชี้แจงต่างชาติ
แม้เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศไทยจะจบไปแล้ว แต่ภาพที่ติดตาคนไทยทุกคนคือภาพการเผาบ้านเผาเมือง ภาพการใช้อาวุธสงคราม ภาพการวางระเบิดตามบ้านคนสำคัญของประเทศไทย ภาพการก่อวินาศกรรมระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งบนดินและใต้ดิน กระทั่งประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องอยู่ในภาวะตื่นกลัว เกิดความไม่มั่นใจความไม่ปลอดภัย
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น รัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)สะท้อนให้เห็นว่ามีการเชื่อมโยงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง จึงเป็นที่มาให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เตรียมฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีก่อการร้ายดังกล่าว ด้วยความมั่นใจว่าหลักฐานในมือแน่นหนาสุดๆ และถ้ามีการดำเนินคดีอาญาฯในประเทศไทยโอกาสชนะก็มีสูง แต่ทว่าเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง และโอกาสเอาตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาลงโทษยังมีแค่ริบหรี่ ด้วยอุปสรรคที่เกิดจากปัจจัยภายในและภายนอกประกอบกัน
3 ปัจจัยภายใน
ขวางรัฐลากคอทักษิณ!
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ มี 3 ประเด็นสำคัญ คือ
ประเด็นแรก ขึ้นอยู่กับวินิจฉัยขององค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญา แม้ว่าขณะนี้ศาลอาญาฯจะอนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว แต่ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ยื่นอุทรณ์เพิกถอนหมายจับ ซึ่งศาลจะพิจารณาในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ และมีสิทธิที่ศาลจะพิจารณาเพิกถอนหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณได้เช่นกัน
ผศ.วิชัย ศรีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ศาลอาญาของไทยจะเป็นผู้พิจารณา ว่าจะเพิกถอนหมายจับหรือไม่ โดยการเพิกถอนหมายจับจะเกิดขึ้นเมื่อทนายฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ มีหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับการก่อการร้ายที่เกิดขึ้น ก็สามารถเพิกถอนได้ แต่แม้จะเพิกถอนก็ต้องยอมรับว่าคดีก่อการร้ายจะยังไม่จบ เนื่องจากมีความเสียหายเกิดขึ้นกับประเทศชาติ ฉะนั้นหากศาลเพิกถอนหมายจับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดีเอสไอหรือตำรวจก็สามารถหาพยานเพิ่มเติมมาเพื่อขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ อีกครั้งหนึ่งได้ ฉะนั้นดีเอสไอจะต้องมีหลักฐานที่แน่นหนาพอ
ประเด็นที่สอง หากมีปัญหาเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างประเทศ ศาลอาญามีสิทธิที่จะพิจารณาคดีลับหลังกับจำเลยไม่ได้
ผศ.วิชัย กล่าวว่าคดีอาญาทุกคดีจะไม่สามารถพิจารณาลับหลังได้ โดยเฉพาะกฎหมายอาญาของไทยที่มีข้อกฎหมายเรื่องของอายุความกำหนดไว้ กล่าวคือถ้าไม่ฟ้องจำเลยภายในอายุความ ใครจะฟ้องจำเลยในกรณีนี้อีกไม่ได้ จึงทำให้คดีอาญาฯในประเทศไทยต้องมีตัวจำเลย คือ พ.ต.ท.ทักษิณมาปรากฎตัวในการพิจารณาคดี จึงต้องอาศัยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และต้องดำเนินคดีตามอายุความตามคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาตรา 135 คือสิบปี ฉะนั้น หากไม่มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ศาลอาญาของไทยก็ไม่สามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
ประเด็นที่สาม กระทรวงต่างประเทศ ทำงานตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณได้ยาก ขณะที่ดีเอสไอต้องรอการเดินหน้าประสานกับต่างประเทศของกระทรวงต่างประเทศ และอัยการต่างประเทศ
กรณีนี้ ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้ว่า ขั้นตอนตามที่กระทรวงการต่างประเทศสามารถกระทำได้นั้น คือ การรวบรวมข้อเท็จจริง และพิจารณาข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความแตกต่างในแต่ละรัฐ ซึ่งจำเป็นต้องทำหนังสือเพื่อประสานจับกุมตัวพ.ต.ท.ทักษิณชั่วคราวให้มีความ สอดคล้องทั้งกฎหมายของไทยและประเทศนั้นๆ ดังนั้น จึงค่อนข้างเป็นการยากและต้องใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควรในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ยังต้องขอความร่วมมือถึงการเดินทางและการพำนักในประเทศ ต่างๆเพื่อทำการศึกษาข้อกฎหมายของประเทศนั้นๆเพื่อนำไปสู่การดำเนินการจับ กุมตัวต่อไป รวมถึงการพิสูจน์ทราบถึงที่พำนักของพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อนำไปสู่การทำหนังสือ และการประสานการออกหมายจับดังกล่าวด้วย ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการที่อยู่ในลักษณะไล่จับและค่อนข้างช้าเพราะต้อง อาศัยการทำงานของสถานทูตในแต่ละประเทศเข้าช่วยด้วย ซึ่งหากได้รับการร่วมมือจากตำรวจสากลที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงจะสามารถ ดำเนินการได้รวดเร็วกว่ามาก
ขณะที่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ในส่วนของดีเอสไอท้ายที่สุดแล้วจะต้องรอการประสานขอให้มีการส่งตัวผู้ร้าย ข้ามแดนจากต่างประเทศ โดยกระทรวงต่างประเทศกับอัยการต่างประเทศก่อน ทั้งนี้ในการประสานงานระหว่างประเทศ หากกระทรวงต่างประเทศกับอัยการต่างประเทศได้ประสานงานกับประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปอาศัยอยู่เรียบร้อยแล้ว ดีเอสไอก็พร้อมที่จะนำหลักฐานที่ดีเอสไอมีอยู่ไปแสดงกับต่างประเทศ ซึ่งเชื่อมั่นว่าเป็นหลักฐานที่มัดตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีก่อการร้ายได้ เพราะกฎหมายความผิดฐานก่อการร้ายในไทย ได้มีการยกร่างในมาตรา 135/1 135/2 135/3 ตามหลักสากลมาก่อนหน้านี้ ทำให้พยานหลักฐานที่เก็บรวมรวมเป็นพยานหลักฐานที่มีมาตรฐานเดียวกันกับหลัก สากล ฉะนั้นมั่นใจว่าต่างชาติจะเชื่อในหลักฐานที่ดีเอสไอมีอยู่
3 ข้อต่อสู้ศาลนอกเห็นใจทักษิณ
ขณะที่ในส่วนของปัจจัยภายนอกประเทศไทย ดูเหมือนว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องทำงานหนักกว่าปกติ และการจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีในไทยนั้นยิ่งยากมากกว่าคดีปกติโดยทั่วไป โดยปัจจัยภายนอกจะประกอบด้วย
ประเด็นที่สี่ การต่อสู้ด้านการตีความเรื่องการเกี่ยวข้องกับการเมือง ระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุดและรัฐบาลไทย ให้ต่างประเทศเข้าใจ เป็นเรื่องยาก
ผศ.วิชัย มองว่า ขณะนี้สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังจะต่อสู้นั้นมีอยู่ 3 เรื่องคือ ต่อสู้ว่าคดีก่อการร้ายที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอยู่นั้นเป็นคดีทางการ เมือง มีเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่เป็นอันดับแรก
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะต่อสู้ในประเด็นที่ว่าตัวเขากลัวการถูกลงโทษประหารชีวิต โดยตามคดีก่อการร้ายนั้นได้ระบุไว้ชัดว่า แม้ดีเอสไอจะขอให้ศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดียุยงก็ตาม แต่โทษการกระทำผิดก็มีโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิด คือ มีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ซึ่งในประเทศยุโรปกับประเทศที่มีภาคีของพิธีเลือกรับ ฉบับที่ 2 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง (The Second Optional Protocol to the ICCPR) ซึ่งจะให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มาก และจะไม่ส่งตัวใครก็ตามที่เห็นว่าอาจถูกรัฐบาลนั้นๆ ลงโทษประหารชีวิต
ที่น่าเป็นห่วงคือกรณีของประเทศไทย ไทยไม่มีการลงโทษประหารชีวิตมาแล้วเป็น 10 ปี แต่ปีที่แล้วกลับมีการลงโทษประหารชีวิตนักโทษ 2 รายในคดียาเสพติด ซึ่งในต่างประเทศถือว่าคดียาเสพติดไม่จำเป็นต้องลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต หาก พ.ต.ท.ทักษิณต่อสู้ในวิธีนี้ โอกาสที่ประเทศทางยุโรปและภาคีพิธีเลือกรับจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณก็มีอยู่มาก
เว้นแต่ว่าประเทศนั้นๆ จะให้รัฐบาลไทยทำคำรับรองว่าจะไม่มีการประหารชีวิต ปัญหาคืออำนาจบริหารกับอำนาจตุลาการในประเทศไทยแยกกันอย่างชัดเจน หากรัฐบาลยอมทำคำรับรอง แต่กระบวนการยุติธรรมของไทยก็ต้องตัดสินตามความเป็นจริง ก็อาจตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิตอยู่ดี หากไม่ลงโทษประหารชีวิตก็จะเป็นการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรมกับคนที่โดนโทษ นี้เช่นกัน แต่หากลงโทษประหารชีวิต รัฐบาลไทยที่ไปทำคำรับรองไว้กับประเทศนั้นๆแล้วก็จะทำผิดกฎระเบียบสากล
อีกทั้งยังน่าจะต่อสู้ว่ามีความกลัวว่าจะถูกทรมานในรูปแบบการลด ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กรณีนี้ ราเกซ สักเสนา ได้มีการต่อสู้มาก่อน โดยมีการนำสภาพคุกในประเทศไทยให้ศาลต่างชาติดู ซึ่งกรณีนี้ทุกประเทศในโลกจะให้ความสำคัญ และจะไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้ประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้ ประเด็นนี้ไม่น่าห่วงเท่าความกลัวด้านการประหารชีวิต เพราะรัฐบาลไทยสามารถต่อสู้ว่า กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นคนดัง คงไม่มีใครทรมานได้ก็ได้เช่นกัน
เชื่อท่อน้ำเลี้ยงหลักฐานชัดสุด
ประเด็นที่ห้า เกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศต่างๆ และการขอความร่วมมือจากตำรวจสากล
ผศ.วิชัย กล่าวว่า รัฐบาลไทยมีหน้าที่ต้องทำให้ประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปอยู่ และตำรวจสากลเชื่อให้ได้ว่า คดีก่อการร้ายที่เชื่อมโยง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่คดีที่เกี่ยวข้องกับการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ซึ่งมีทางเป็นไปได้ เพราะมีการกระทำ และมีผลของความเสียหาย ซึ่งผลของความเสียหายนั้นมีความชัดเจนมาก เหลือแต่ต้องพิสูจน์ว่าใครมีส่วนในการกระทำให้ได้ ซึ่งเป็นคดีอาญาล้วนๆ ต่างกับคดีที่ดินรัชดา ซึ่งต่างชาติยังมองว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง 50:50%
ทั้งนี้ รัฐบาลโดยเฉพาะอัยการต่างประเทศจะต้องทำงานหนัก และพิสูจน์ให้ต่างชาติเห็นให้ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดจริงในฐานก่อการร้าย โดยเฉพาะเชื่อว่าหลักฐานท่อน้ำเลี้ยงจะเป็นหลักฐานที่มัดตัวพ.ต.ท.ทักษิณได้ มากที่สุดในต่างประเทศ เพราะต่างประเทศให้ความสำคัญ หลังจากนั้นถ้าตำรวจสากลให้ความร่วมมือก็จะสามารถจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในไทยได้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกจากประเทศมอนเตรเนโกไปประเทศอื่น ซึ่งแม้พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่ในประเทศมอนเตรเนโก แต่ตำรวจสากลก็สามารถเข้าไปจับได้เช่นกัน แต่กรณีจับได้ที่มอนเตรเนโกรจะต้องขึ้นศาลมอนเตรเนโกรให้ตัดสินในคดีนี้แทน
เช่นเดียวกับ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามที่ เห็นว่า กระทรวงต่างประเทศกับอัยการต่างประเทศไทยจะต้องทำให้ 3 ฝ่ายเชื่อให้ได้ก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีพฤติกรรมเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายในประเทศไทยจริง คือ 1.รัฐบาลต่างประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปอยู่พำนัก 2.ตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล และ3.สถานทูตต่างประเทศ จึงจะเป็นการปิดกั้นการตีปี๊ปของ พ.ต.ท.ทักษิณได้
สัญชาติมอนเตรฯคุ้มกันแม้ว
ประเด็นที่หก กรณีสัญชาติ พ.ต.ท.ทักษิณ และกฎหมายของประเทศมอนเตรเนโกรที่เป็นเกราะกำบังให้ พ.ต.ท.ทักษิณในขณะนี้ถือเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุด
รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในประเด็นสัญชาติว่ากรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองของมอนเตรเนโกรจริงหรือไม่จะขึ้นอยู่กับกฎหมายสัญชาติของประเทศ มอนเตรเนโกรด้วย โดยจะเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ หรือพลเมืองตามกฎหมายก็ได้ ซึ่งปกติของไทยมักจะให้คำจำกัดความของพลเมืองกิตติมศักดิ์ว่าเป็นการให้ เกียรติบุคคลนั้นๆ มากกว่าเป็นพลเมืองที่แท้จริง แต่สำหรับประเทศมอนเตรเนโกรนั้นเป็นประเทศใหม่ ต้องไปดูว่ามีการระบุหรือไม่ว่าพลเมืองกิตติมศักดิ์เป็นพลเมืองตามกฎหมาย ด้วย หากเป็นเช่นนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็จะเป็นพลเมืองตามกฎหมายของมอนเตรเนโกร
ทั้งนี้ ประเด็นคือปัจจุบันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เสียสัญชาติไทยไปแล้วหรือไม่ โดยการเสียสัญชาติไทยนั้น จะเกิดขึ้นต่อเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณไปแปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติมอนเตรเนโกรจริง ก็มีผลทำให้เสียสัญชาติไทยตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 หรือไม่พ.ต.ท.ทักษิณก็สามารถสละสัญชาติไทยได้ด้วยเช่นกัน เรียกว่าการเสียสัญชาติไทยโดยเจตนาของเอกชน ซึ่งจะสละสัญชาติไทยหรือไม่ก็ได้ หากไม่สละสัญชาติไทย พ.ต.ท.ทักษิณก็จะมีสถานะเป็น “คนสองสัญชาติในสองทะเบียนราษฎร”จึงมีสิทธิในสัญชาติทั้งสอง แต่อาจไม่ได้แสดงตนเป็นสัญชาติไทย
อย่างไรก็ดีเรื่องสัญชาติเอาเข้าจริงแล้วจะไม่เกี่ยวกับคดีอาญา เพราะการติดตามผู้ร้ายในคดีอาญานั้นจะไม่เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติ แต่จะเกี่ยวข้องแค่ว่า รัฐธรรมนูญของมอนเตรเนโกรระบุว่าจะไม่ส่งตัวพลเมืองเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้ ประเทศอื่น ดังนั้นจึงต้องดำเนินคดีนี้ในศาลมอนเตรเนโกร ซึ่งก่อนจะถึงการพิจารณาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายจริงหรือไม่ จะต้องพิสูจน์ก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนชาติมอนเตรเนโกรจริงหรือไม่ ก่อนที่จะดำเนินคดีก่อการร้ายได้ ซึ่งต้องใช้เวลา
ประเด็นที่เจ็ด การใช้หลักต่างตอบแทนในการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ
อย่างไรก็ดี ความหวังสุดท้ายของคนไทยจึงไปอยู่ที่ หลักต่างตอบแทน โดยหากประเทศนั้นๆ ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลไทยสามารถใช้หลักต่างตอบแทนได้ด้วยเช่นกัน เพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในไทยได้ โดยรัฐบาลไทยจะต้องมีการเจรจากับประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณอาศัยอยู่ โดยมากมักจะเป็นคำสัญญาว่าหากภายหลังมีกรณีก่อการร้ายเกิดขึ้นกับประเทศ นั้นๆ และผู้ก่อการร้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย ประเทศไทยจะส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปให้ประเทศที่ตกลงด้วยทันที กรณีนี้จึงขึ้นอยู่กับต่างประเทศนั้นๆ ว่าจะยอมรับการเจรจานี้หรือไม่ด้วย
นั่นคืออุปสรรคชิ้นโตที่วันนี้คาดว่ารัฐโดย ดีเอสไอ อัยการต่างประเทศ และกระทรวงต่างประเทศเข้าใจปัจจัยเหล่านั้นดีที่สุด
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอุปสรรคการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีในไทยอาจจะเป็นเรื่องยากลำบากสักแค่ไหน โดยเฉพาะฝ่ายฟ้องร้องดำเนินคดีที่ท้ายที่สุดแล้ว อาจจะต้องไปดำเนินคดีนี้ในประเทศมอนเตรเนโกร ซึ่งมีสิทธิที่คดีจะพลิกได้ทุกเมื่อ แต่วันนี้ก็ต้องบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยก็ยังเอาใจช่วยรัฐบาลโดย เฉพาะผู้เกี่ยวข้องให้ดำเนินการเอาผิดกับคนที่ทำลายชาติบ้านเมืองให้ได้!
**************
พลิกฟ้าล่า'หัวโจก-สมุน'แก๊งค์ก่อการร้าย
เปิดรายชื่อ 20 โจกแดง ดีเอสไอ ป้ายหัว มือก่อการร้ายทั้งใน-นอก ประเทศพร้อมทำหนังสือ ล่า ก่อการร้ายตัวพ่อ ใน 187 สมาชิกของตำรวจโลก
วีรกรรมเผาเมืองจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงนอกจากจะส่งผลกระทบต่อ สังคม แล้วบรรดาตัวผู้นำต่างก็ได้รับผลตอบแทนที่สาหัสไม่แพ้กันโดยเฉพาะข้อหาการ ก่อการร้าย ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติและออกหมายจับดังรายชื่อต่อไปนี้
ชุดแรก) 1.วีระ มุสิกพงศ์ 2.จตุพร พรหมพันธุ์ 3.ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ 4.น.พ.เหวง โตจิราการ5.สุภรณ์ อัตถาวงศ์ 6.อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง 7.ขวัญชัย ไพรพนา 8.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 9.พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสียชีวิต)
ชุดที่ 2) 10.พ.ต .ท.ทักษิณ ชินวัตร 11.อดิศร เพียงเกษ 12.วิภูแถลง พัฒนภูมิไท 13.พายัพ ปั้นเกตุ 14.เจ๋ง ดอกจิก15.วิเชียร ขาวขำ 16.อารี ไกรนรา 17.สุขเสก พลซื่อ 18.สุรชัย เทวรัตน์ 19.รชต วงศ์ยอด
ชุดที่ 3) 20.ก่อแก้ว พิกุลทอง21.การุณ โหสกุล 22.นิสิต สินธุไพร 23.ชินวัฒน์ หาบุญพาด 24.ศิริวรรณ นิมิตรศิลป25.พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง 26.เจ็มส์ สิงห์สิทธิ์ 27.อรรณพ แซ่ตัน28.จักรชลัช คงสุวรรณ 29.ศักดา แก้วผูกนาค 30.ยงยุทธ ท้วมมี 31.จรัญ ลอยพูล32.มงคล สารพันธ์ 33.สมบัติ มากทอง34.อร่าม แสงอรุณ 35.ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ กันทิมา 36.อำนาจ อินทรโชติ 37.อัครพล ขันทกาญจน์ 38.สมพงษ์ บัวชม39.มานพ ชาญช่างทอง รวมทั้งสิ้น 39 ราย พร้อมเตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับในชุดที่ 4 ในเร็วๆนี้
รวมถึง การที่ดีเอสไอได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังตำรวจสากล เพื่อจับกุมตัวพ.ต.ท.ทักษิณไปยังสมาชิกกว่า 187 ประเทศ ดังนี้
1.อัฟกานิสถาน 2.อัลบาเนีย 3.แอลจีเรีย 4.อันดอร์รา 5.แองโกลา 6.แอนติกาและบาร์บูดา 7.อาร์เจนตินา 8.อาร์เมเนีย 9.อาลูบาร์10.ออสเตรเลีย 11.ออสเตรีย 12.อาเซอร์ไบจัน 13.บาฮามาส14.บาห์เรน15.บังคลาเทศ16.บาร์เบโดส17.เบลารุส18.เบลเยียม 19.เบลีซ20.เบนิน21.ภูฎาน22.โบลิเวีย23.บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา24.บอตสวา นา25.บราซิล26.บรูไนดารุสซาลาม27.บัลแกเรีย28.บูร์กินาฟาโซ 29.บุรุนดี 30.กัมพูชา31.แคเมอรูน32.แคนาดา33.เคปเวิร์ด34.สาธารณรัฐแอฟริกากลาง35. ชาด36.ชิลี37.จีน38.โคลัมเบีย39.คอโมโรส40.คองโก 41.สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก42.คอสตาริกา43.ไอเวอร์รี่โคสต์44. โครเอเชีย45.คิวบา46.ไซปรัส47.สาธารณรัฐเช็ก48.เดนมาร์ก49.สาธารณรัฐจีบูติ 50.เครือรัฐโดมินิกา
51.สาธารณรัฐโดมินิกัน 52.เอกวาดอร์ 53.อียิปต์ 54.เอลซาวาดอร์ 55.สาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินี 56.รัฐเอริเทรีย 57.เอสโทเนีย58.เอธิโอเปีย 59.ฟิจิ 60.ฟินแลนด์ 61.อดีตสาธารณรัฐยูดกสลาฟมาซิโดเนีย 62.ฝรั่งเศส 63.กาบอน 64.แกมเบีย 65.จอร์เจีย 66.เยอรมัน 67.การ์นา 68.เกรเนดา 69.กัวเตมาลา 70.กีนี 71.กีนี-บิสเซา 72.กูยานา 73.เฮติ 74.ฮอนดูรัส 75.ฮังการี 76.ไอซ์แลนด์ 78.อินเดีย 79.อินโดนีเซีย 80.อิหร่าน 81.อิรัก 82.ไอร์แลนด์ 83.อิสราเอล 84.อิตาลี 85.จาไมกา 86.ญี่ปุ่น 87.จอร์แดน 88.คาซัคสถาน 89.เคนย่า 90.เกาหลีใต้ 91.คูเวต 92.คีกิซสถาน 93.ลาว 94.ลัตเวีย 95.เลบานอน 96.เลอโซโท97.ไลบีเรีย 98.ลิเบีย 99.ลิกเตนสไตน์ 100.ลิทัวเนีย 101.ลักเซมเบิร์ก 102.มาดาร์กัสการ์
103.มาลาวี 104.มาเลเซีย 105.มัลดีฟท์ 106.มาลี 107.มอลตา 108.หมู่เกาะมาร์แชล 109.มอริเตเนีย 110.มอริเชียส 111.เม็กซิโก 112.มอลโดวา 113.โมนาโก 114.มองโกเลีย 115.มอนเตเนโกร 116.โมร็อคโค 117.โมซัมบิค 118.พม่า 119.นามิเบีย 120.นารูอู 121.เนปาล 122.เนเธอร์แลนด์
123.เนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส 124.นิวซีแลนด์ 125.นิคารากัว 126.ไนเจอร์ 127.ไนจีเรีย 128.นอร์เวย์ 129.โอมาน 130.ปากีสถาน 131.ปานามา 132.ปาปัวนิวกีนี 133.ปารากวัย 134.เปรู 135.ฟิลิปปินส์ 136.โปแลนด์ 137.โปรตุเกส 138.การ์ตาร์ 139.โรมาเนีย 140.รัสเซีย 141.รวันดา 142.สหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิสวิส143.เซนต์ลูเซีย 144.เซนต์ วินเซนต์และแกรนเนดีนส์ 145.ซามัว 146.ซานมาริโน 147.เซาโตเมและปรินซิเป 148.ซาอุดิอาระเบีย 149.เซเนกัล 150.เซอร์เบีย 151.เซเชลส์
152. เซียร์รา ลีโอน 153.สิงคโปร์154.สโลวาเกีย 155.สโลเวเนีย 156.โซมาเลีย 157.แอฟริกาใต้ 158.สเปน159.ศรีลังกา 160.ซูดาน 161.ซูรินาเม 162.สวาซิแลนด์ 163.สวีเดน 164.สวิตเซอร์แลนด์ 165.ซีเรีย 166.ทาจิกิสถาน 167.ทานซาเนีย 168.ติมอร์-เลสเต้ 169.โตโก 170.ตองก้า 171.ตรินิแดด และโตเบโก 172.ตูนีเซีย 173.ตุรกี 174.เติร์กเมนิสถาน 175อูกานดา 176.ยูเครน 177.สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 178.สหราชอาณาจักร 79.สหรัฐอเมริกา 180.อุรุกวัย 181..อุซเบกิสถาน 182.รัฐวิติกัน183..เวนเซูเอลา184.เวียดนาม 185.เยเมน 186.แซมเบีย 187.ซิมบับเว...
http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9530000076346
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น