วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"สนธิ" สาวไส้เน่า ตร. "เทพประทาน"ตัวทำลาย-แนะ รบ.คืนพระราชอำนาจ / สนธิ ลิ้มทองกุล 28 พฤษภาคม 2553

"สนธิ" สาวไส้ความชั่วร้ายตำรวจ ซัดเป็นวงการที่เต็มไปด้วยการเกี๊ยเซี๊ยะของนักการเมืองและบิ๊กกากี โดย "เทพอสูร" เป็นตัวการเดินเกมสั่งการ แฉ คน ปชป. รับ 500 ล้าน เปิดก๊อก "เอสซี" ท่อน้ำเลี้ยงแดงไหล อัดรัฐบาลเล่นไม่ซื่อ สั่งคนเนวินเล่นงานแกนนำพันธมิตรฯ ยัดข้อหาผู้ก่อการร้าย พร้อมทั้งแนะให้คืนพระราชอำนาจ "ในหลวง" ฝ่าทางตันการเมือง


วันนี้ (28 พ.ค.) รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.15 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง และร่วมชำแหละความเน่าเหม็นของวงการตำรวจไทย ที่วันนี้นับเป็นองค์กรรัฐที่บ่อนทำลายประเทศ

นายสนธิ กล่าวถึงประเด็นที่ ศอฉ. ระงับการทำธุรกรรมการเงินบริษัท เอสซีแอสเสท คอร์มูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หลังจากพบว่าเกี่ยวข้องกับท่อน้ำเลี้ยงคนเสื้อแดง และเป็นหนึ่งในเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ตนอยากให้ ศอฉ. โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ออกมาระบุว่ามีการระงับธุรกรรมการเงินบริษัท เอสซีฯ แต่ทำไมจู่ๆจึงยอมให้มีการเบิกถอนทำธุรกรรมได้ ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลมาว่ามีคนวิ่งเต้นอยู่เบื่องหลัง มีชื่อย่อว่า "นาย ธ." โดยผลจากการลงมือดังกล่าวมีเงินจำนวน 500 ล้านบาท ตกอยู่กับคนในพรรคประชาธิปัตย์บางคน

นายสนธิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ความชั่วร้ายของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่หมด มีการสั่งการให้นายตำรวจคนหนึ่งดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ ที่เกี่ยวกับการปิดสนามบิน ซึ่งข้อเท็จจริงก็ได้ระบุไปแล้วว่า คนที่สั่งปิดสนามบินไม่ใช่พันธมิตรฯ โดยถ้าหากคนเป็นถึงรองนายกฯ ยังไม่ทราบหรือไม่อาจแยกแยะว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯกับคนเสื้อแดงต่าง กีนอย่างไร ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นถึงตำแหน่งนั้นได้อย่างไร วันนี้การที่ตนออกมาพูดเช่นนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์หรือผู้ที่สนับสนุนจะโกรธเคือง ก็ขอให้ไปโทษนายสุเทพแทน ที่เป็นคนใช้ไม่ได้ จู่ๆมากล่าวหาพันธมิตรฯว่าเป็นผู้ก่อการร้าย หรือไม่รู้หรือไรว่าคำว่าผู้ก่อการร้ายต้องมีคุณสมบัติทำลายทรัพย์สิน แต่พันธมิตรฯไม่มี ไม่เหมือนกลุ่มคนเสื้อแดงที่เต็มไปด้วยอาวุธสงคราม พันธมิตรฯ ชุมนุมสงบ สันติ และอหิงสา แต่ยังมีพวกในสภาที่ชอบพูดว่าพันธมิตรฯเป็นผู้ก่อการร้าย ตนอยากให้คนพวกนั้นใช้เท้าตบปากตัวเอง

นายสนธิ กล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า อยากให้เลิกนิสัยเหยียบผู้อื่นเป็นใหญ่เสียที โดยเรื่องนี้จำเป็นต้องพูด เพราะนี่คือสาเหตุที่ทำไมตนต้องลาออกจากการเป็นพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตั้งแต่แรกตนได้เคยพูดไว้ว่า จะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค จนกว่าจะเดินหน้าต่อไปได้ และวันนี้ก็มาถึง เมื่อพรรคการเมืองอยู่ตัวแล้ว ตนก็ประกาศลาออกตามที่ลั่นวาจาไว้ วันนี้ตนกลับมาเป็นนายสนธิของพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ เหมือนเดิม

นายสนธิ กล่าวถึงวงการตำรวจไทย ว่า ที่กลุ่มคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ เหิมเกริมเช่นนี้ ก็เพราะมีตำรวจร่วมมือกันทำลายประเทศไทย โดยมีส่วนร่วมรู้เห็น ดูอย่างกรณีที่ตนโดนยิง 200 นัด บัดนี้ยังคงจับตัวไม่ได้ เดี่ยวนี้เมืองไทยซื้อขายอาวุธสงครามกันง่ายเหมือนซื้อบุหรี่ในร้านเซเว่น เราเคยหวังพึ่งพิงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เวลานี้กลับโดนสันติราษฏร์กระทืบ พี่น้องเห็นแล้วหรือไม่ว่า ชาติบ้านเมืองมันไปไม่รอดจริงๆ การที่นายกฯสั่งการตำรวจไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง ที่ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ โดยตนตั้งข้อสงสัยว่า การตั้งคณะกรรมการตำรวจ (กตร.) ทำไมต้องมีแต่ตำรวจเท่านั้น ทำไมไม่มีประชาชนเข้ามามีส่วนรวม เพราะดูจากรายชื่อ กตร.แต่ละคน ตนคิดว่ามันไม่โปร่งใส เพราะมีการแลกเปลี่ยนตำแหน่งกันเป็นว่าเล่น เสมือนนักการเมืองเข้ามามีส่วนได้เสียกับตำรวจ ซึ่งถ้าหากนักการเมืองดี บ้านเมืองก็ดีไป แต่ถ้าหากนักการเมืองไม่ดี บ้านเมืองก็แย่ เพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องบ้านเมืองอย่างแท้จริง หรืออาจเป็นเพราะคนในรัฐบาลมีส่วนได้ส่วนเสีย ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ทำตัวเป็นเทพ แต่ตัวเองกลับใช้อสูรคอยทำงานที่ชั่วร้ายตลอดเวลา ตอนนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าควรยืนอยู่ข้างไหน ยังคิดจะเป็นกลางอีกหรือ

"การที่ปล่อยให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งเป็นคนของนายเนวิน ชิดชอบ ให้สั่งดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ เรื่องข้อหาก่อการร้าย ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าคำนี้หมายถึงอะไร ช่วงหลังๆ พรรคประชาธิปัตย์ มีการจัดทีมเข้าไปสอดแนมในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ บางทีก็มาแอบอ้างเป็นพันธมิตรฯ ทำทีปกป้องนายกฯ แล้วหาว่าพันธมิตรฯแตกคอกับประชาธิปัตย์ เลยมาโจมตีนายอภิสิทธิ์ เรื่องนี้ตนอยากขอร้องว่าหากไม่ชอบก็อย่าหน้าด้านเข้ามา วันนี้ตนต้องขอพูดตรงๆ หากชื่นชอบนายอภิสิทธิ์มาก ก็ทำไมไม่ไปจัดตั้งสถานที่ของตัวเองแล้วไปชมเชยกันให้พอ" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวถึงคำถามจากทางบ้านที่เกี่ยวกับ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ว่า มีคนถามตนว่า เสธ.แดง คือสายลับที่ถูกส่งไปอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ ตนขอตอบว่า ไม่ใช่ เนื่องจาก เสธ.แดงเป็นหนี่งในกลไกในการฆ่าพันธมิตรฯ โดยที่ผ่านมาได้ลงมือยิงพันธมิตรฯตอนชุมนุม และยิงเอเอสทีวี เป็นฝีมือ เสธ.แดง ทั้งนั้น ก่อนที่เวรกรรมจะมาถึง ต้องตายโหง

นายสนธิ กล่าวต่อถึงคำถามกรณีหากได้เป็นนายกฯ จะจัดการกับกลุ่มเสื้อแดงและขบวนการล้มเจ้าอย่างไร ว่า การกระทำทุกวันนี้ รัฐบาลไม่จริงจังในการปราบปรามขบวนการล้มเจ้าหรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยก่อนสลายการชุมนุมได้มีการตกลงกับแกนนำคนเสื้อแดงไว้ล่วงหน้าให้มอบตัว และพากันไปเสวยสุขสบายที่หัวหิน ตนไม่ได้พูดว่านายอภิสิทธิ์รู้เรื่องด้วยหรือไม่ แต่มีกระบวนการเจรจา โดยใช้นายกอร์ปศักดิ์ เป็นตัวกลางประสาน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ถือว่ารัฐบาลมองแค่ระยะสั้นๆ เอาตัวให้รอดแล้วเรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง ไม่สนว่าประเทศชาติจะฉิบหายอย่างไร จะมาบอกว่าการเมืองต้องแก้กันในสภา ดูอย่างนายจตุพร หรือ ร.ต.อ.เฉลิม บัดนี้ยังเดินลอยหน้าเข้าสภาได้

"การที่รัฐบาลทำงานไม่เป็น และไม่เด็ดขาด เสมือนเป็นการรอระเบิดเวลาให้เกิดขึ้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศไว้แล้วว่าจะลงเกมใต้ดิน แต่วันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถสั่งการตำรวจได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณทำตำรวจให้กลายเป็นมะเขือเทศ โดยมีนายสุเทพเป็นคนบ่มให้มะเขือสุก ผมขอย้ำว่าชาติบ้านเมืองแก้ไม่ได้ที่ระบบรัฐสภา ถ้าผมเป็นนายกฯ จะนัดประธานสภา ให้เข้าเฝ้าในหลวง เพื่อถวายคืนพระราชอำนาจ แม้จะทำให้ประเทศกลายเป็นสูญญากาศ แต่มันจะเป็นแค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งถึงอย่างไร ผมคิดว่ารัฐบาลคงไม่เลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ดังนั้น สรุปผมขอย้ำว่าบ้านเมืองทุกวันนี้ มันฉิบหายเพราะนักการเมือง" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวปิดท้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องรอวันที่ตัดสินถูกยุบ แต่เมื่อหมดนายอภิสิทธิ์ เมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์ก็เท่ากับสูญสลาย เพราะถือเป็นความหวังสุดท้ายของพรรค ตนขอแนะนำให้นายอภิสิทธิ์เข้มแข็งจัดการปัญหาทุกอย่าง

คำต่อคำ : "สนธิ ลิ้มทองกุล"
ช่วงที่ 1

กราบสวัสดีท่านผู้ชมทางบ้านครับ ASTV News1 และท่านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ่อแม่พี่น้อง ที่รักชาติรักแผ่นดิน วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2553 วันนี้เป็นศุกร์ที่ 2 ที่หลังจากที่ผมลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่แล้ว ผมมาจัดรายการตามปกติ และจะพยายามจัดทุกๆ วันศุกร์ เพื่อเป็นการให้ความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ทางบ้าน วันนี้มีข่าวที่เป็นบุญเป็นกุศล อยากให้พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ทางบ้านช่วยกันอนุโมทานบุญ

ถ้าจำไม่ผิดเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เป็นผู้แถลงออกมาว่า อยากจะเชิญชวนพ่อแม่พี่น้อง มาร่วมซ่อมสร้างอุโบสถวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งคุณปานเทพ ท่านมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านเจ้าอาวาส เป็นพิเศษ ท่านเจ้าอาวาสท่านก็ขอร้องมาว่า ให้ช่วยจัดผ้าป่าให้สักกองได้ไหม เพื่อที่จะเอามาซ่อม สร้างอุโบสถที่ถูกไฟไหม้ไป ก็ประมาณ 2 อาทิตย์ที่แจ้งให้พ่อแม่พี่น้องทราบ ทางโทรทัศน์ ASTV วันนี้ก็มีพิธีทอดผ้าป่าอย่างเป็นทางการที่อาคารบ้านพระอาทิตย์ เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. โดยที่มีพี่น้องที่สามารถจะมาได้ก็มาร่วมกันเยอะ ส่วนที่มาไม่ได้นั้นก็ส่งกำลังใจมากันให้ และขอร่วมอนุโมทนาทำบุญกัน มีการโอนเงินเข้าบัญชีกันอย่างมากมายล้นหลาม ก็ปรากฏว่าเราได้เงินทอดผ้าป่าเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัดไทยกุสินาราเฉลิม ราษฎร์ ที่สาธารณรัฐอินเดีย ด้วยเป็นเงินทั้งสิ้น 6,621,779.11 บาท ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ขอบุญกุศลที่พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายได้ร่วมกันทำมาในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ที่อธิบายให้ฟังว่าเป็นเงิน 6 ล้านกว่า ไม่ได้แปลว่าใครคนใดคนหนึ่งให้มา แสน สองแสน เป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่พี่น้องส่งมาให้ทั้งสิ้น นี่แสดงว่าจิตใจของพี่น้องที่รักชาติรักแผ่นดิน และเอาธรรมนำหน้านั้น ยังมั่นคงแข็งแรง และพลังยังแกร่งกล้าอยู่ ไม่ได้ถดถอยเลยแม้แต่นิดเดียวนะครับ เห็นได้ชัดว่าการร่วมทำบุญครั้งนี้ นอกจากเป็นการร่วในเรื่องของการทำธรรมแล้ว เพื่อที่จะให้ตรงกับวันวิสาขบูชาแล้ว ยังเป็นการแสดงพลังที่แท้จริงว่าพี่น้องทั้งหมดยังร่วมมือร่วมใจรักกันอยู่ เหมือนเดิม และอุดมการณ์เดียวกัน ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

ค่าใช้จ่ายในการทำซ่อมแซมวัดนั้น เท่าที่ทราบมาก็ขาดเพียงล้านกว่าบาทนะครับ แต่ว่าได้มา 6 ล้านกว่านั้น ก็ถือว่าส่วนต่างนั้นก็ขอให้ท่านเจ้าอาวาสเอาไว้ทำนุบำรุงรักษาวัด อาจจะมีการสร้างอาคารเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ไปจาริกแสวงบุญที่อินเดีย แล้วก็อาจจะทำเป็นที่พักให้กับญาติโยมที่ต้องการจะไปปฏิบัติธรรมที่นั่น ก็ขอแสดงความยินดีกับพ่อแม่พี่น้องที่ได้ร่วมกันด้วยนะครับ

วันนี้เป็นวันวิสาขบูชานะครับ วันวิสาขบูชาในทางพุทธนั้นถือว่าเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งองค์การยูเนสโกยังต้องกำหนดเลยว่า วันวิสาขบูชานั้นเป็นวันสำคัญของโลกวันหนึ่ง และวันนี้ก็เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ขึ้นมาด้วยธรรมอันบริสุทธิ์ ธรรมที่สามารถที่จะอธิบายเรื่องราวต่างๆ ในโลกนี้ได้ โดยที่มีคำตอบให้กับคำถามทุกๆ คำถาม อย่างที่ผมเคยเรียนให้พ่อแม่พี่น้องทราบมานานแล้วว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่สามารถจะอธิบายด้วยธรรมได้ ธรรม เช่น ความกตัญญูรู้คุณคนนั้น ก็คือธรรมอันหนึ่งที่สำคัญ ธรรมนี้ก็เป็นธรรมที่ท่านพุทธทาสท่านพูดอยู่ตลอดเวลา ทำไมเราต้องกตัญญู เราเกิดมาในแผ่นดินไทย หรือเรามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในแผ่นดินไทย เราต้องมีความกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน เราต้องทดแทนคุณแผ่นดิน เราเป็นลูกของพ่อหลวง คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นลูกของแม่หลวง ก็คือ แม่หลวง ก็คือ องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เราก็ต้องตอบแทนบุญคุณและพระคุณของท่าน นั่นคือธรรมในเรื่องความกตัญญูรู้คุณ เป็นหนี้แผ่นดินต้องใช้แผ่นดิน ไม่ใช่เป็นหนี้แผ่นดินแล้วมาทำลายแผ่นดิน เหมือนอย่างที่คุณทักษิณ ชินวัตร ทำทุกวันนี้ตลอดจนพลพรรคของท่าน และเครือข่ายของท่านทุกคน ที่มาทำลายแผ่นดิน คนประเภทนี้ต้องถือว่าเป็นคนทรยศ และเนรคุณต่อแผ่นดินไหทยนะครับเพราะฉะนั้นแล้ว บุญคุณ ความกตัญญู คนที่มีธรรมนำหน้า จะต้องมีอยู่ในจิตใจตลอดเวลา
ธรรมอีกอัน คือหน้าที่ หน้าที่สำคัญที่สุด ถ้าเราจำพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้ ว่าใครมีหน้าที่อะไรให้ทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด แล้วชาติบ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย ทุกวันนี้ชาติบ้านเมืองวุ่นวายเพราะคนไ ม่เข้าใจหน้าที่ของตัวเอง ทหารควรจะมีหน้าที่ที่ปกป้องประเทศชาติ ปกป้องราชบัลลังก์ ปกป้องสถาบัน ปกป้องศาสนา ปกป้องประชาชน ทหารบางคนไม่ได้ทำหน้าที่เช่นนี้

ตำรวจส่วนใหญ่ไม่ได้ทำหน้าที่นี้เลยที่จะเป็นตำรวจ แต่กลับเป็นตำรวจที่คอยปกป้องเครือข่ายของคนที่เนรคุณคน และไม่มีความกตัญญูรู้คุณต่อแผ่นดิน หน้าที่ของเราต้องเคารพสถาบัน หน้าที่ของเราต้องปกป้อง เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้หลักผู้ใหญ่ เช่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านถูกคนชั่วคนเลว คนระยำ ออกมาจาบจ้วงว่าท่าน ด่าท่าน ด้วยคำพูดที่หยาบคายมาตลอด ตั้งแต่ปี 2549 ไล่มา 3 ปี 4 ปีเต็มๆ โดยที่ไม่มีใครมาปกป้อง ท่านนายกฯ คนปัจจุบันก็ไม่เคยปกป้อง พล.อ.เปรม ทหารซึ่งเป็นลูกศิษย์ลูกหา ลูกน้องคนสนิท พล.อ.เปรม ก็ไม่ออกมาปกป้องท่าน ทั้งๆ ที่ท่านมีตำแหน่งเป็นองคมนตรี จะเห็นได้ชัดว่าหน้าที่ก็ไม่ทำ เมื่อเขาดำเนินคดีกับผู้ที่ไปบุกบ้าน พล.อ.เปรม หน้าที่ที่ตำรวจและอัยการจะต้องดำเนินเรื่องนี้ ก็ไม่ทำ หน้าที่ที่อัยการสั่งฟ้องบรรดาผู้ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกบ้าน พล.อ.เปรม วันนี้ก็ไม่สั่งให้ตำรวจออกไปดำเนินคดี และจับคนซึ่ง คนพวกนี้อยู่ในหมายจับอยู่แล้ว และถูกกักขังอยู่แล้ว ไม่ได้เพิ่มข้อหาเข้าไปอีก กลับนั่งเฉยๆ หรือกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งหมิ่นพระบรมเดชานุภาพชัดเจน 4 ปีแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว อัยการกลับกำลังหาเรื่องที่จะส่งฟ้องผม กรณีที่ผมเอาเรื่องยัยดา ตอร์ปิโด ออกมาเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟัง บอกว่ายัยดา ตอร์ปิโด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างไร หมิ่นสมเด็จพระนางเจ้าฯ อย่างไร ตำรวจแทนที่จะดูเจตนา กลับมาดำเนินคดีผม แล้วส่งให้อัยการ อัยการขณะซึ่งทิ้งกรณีของจักรภพ เพ็ญแข ถึง 4 ปีไม่ทำอะไร กลับมาสั่งฟ้องคดีผม เดือนหน้าก็ต้องไปขึ้นศาลเพื่อประกันตัว ผมไมได้ติดใจเรื่องนี้ แต่ผมกำลังชี้ให้เห็นว่าคนเราถ้าไม่ทำหน้าที่ คนๆ นั้นไม่สมควรเป็นคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รับราชการอยู่ กินเงินเดือนภาษีอากร ตำรวจส่วนใหญ่ อัยการส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่เป็นเครือข่ายคนเสื้อแดงทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าชาติบ้านเมืองวันนี้มันใกล้ล่มสลาย หรือว่ามันล่มสลายไปเรียบร้อยแล้วครับ ประเดี๋ยวผมจะพูดต่อ อีกหลายเรื่องครับ

ก่อนที่ผมจะมาออกรายการนี้ ก็ได้มีการขึ้นข่าวในเว็บไซต์ว่าผมจะออกรายการนี้ ก็บอกว่าให้พ่อแม่พี่น้องหลายๆ คนที่ต้องการจะส่งคำถามมาถามผม ให้ส่งมาได้ ก็ปรากฏว่ามีคนเข้ามาดูเว็บไซต์นี้ร่วม 5 หมื่นคน คำถามที่เราพิมพ์ออกมานะครับ พี่น้องครับ 1 พันกว่าคำถามที่ถามผม เยอะมากเหลือเกิน เรียกว่ามีสาระ มีเนื้อหาพอที่จะตอบไปได้ทั้งปี แต่ว่าผมก็มาสรุปว่าคำถามแต่ละคำถามจัดเป็นหมวดหมู่จะมีเรื่องอะไรบ้าง ก็แบ่งเป็นหลายหมวดหมู่นะครับ คำถามที่ถามมากที่สุด ก็มี 1. ถ้าคุณสนธิเป็นนายกฯ จะจัดการกับคนเสื้อแดงและขบวนการล้มเจ้าอย่างไร 2. ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรนับจากนี้ จะปฏิรูปหรือปฏิวัติประเทศ ตามที่คุณสนธิเสนออย่างไร 3. จะจัดการอย่างไรกับแกนนำเสื้อแดงและนำทักษิณมาลงโทษได้อย่างไร 4. จะปฏิรูปตำรวจอย่างไร 5. ควรจะยกเลิกเอกสิทธิ์ ส.ส.หรือไม่ 6. ASTV จะเป็นฟรีทีวีได้ไหม 7. กรณีตำรวจปิดวิหคเรดิโอ เชียงใหม่ ที่วิหคเรดิโอบอกว่า เสธ.แดง เป็นสายลับ จริงไหม นั่นคือข้อ 8 นะครับ

พี่น้องครับ คำถามมีเยอะ ประเดี๋ยวผมจะพูดถึงสถานการณ์ทางการเมืองทั่วๆ ไป แล้ววิเคราะห์ให้พ่อแม่พี่น้องฟัง ว่าเมืองไทยนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิวัติ ปฏิรูป ต้องพลิกแผ่นดิน เหมือนกับที่เสื้อแดงบอกว่าต้องการพลิกแผ่นดิน เราเองก็ต้องการจะพลิกแผ่นดินเหมือนกัน พลิกแผ่นดินอย่างไร เราจำเป็นที่จะต้องพลิกแผ่นดินแล้วชี้ให้เห็นว่า ความถูกอยู่ที่ไหน ความผิดอยู่ที่ไหน แล้วเราต้องมายืนข้างความถูกกันก่อน วันนี้พี่น้องครับ ใครก็ตามที่เสนอแผนปรองดอง คนนั้นเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ แผนปรองดองในลักษณะที่ยังไม่ชี้ผิดชี้ถูกนั้น ปรองดองไม่ได้ ผมพูดมาตลอดเวลา และวันนี้ผมจะพูดอธิบายความเพิ่มเติม

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมจะพูดวันนี้ก็คือเรื่องสื่อมวลชนต่างประเทศ CNN , BCC หลายๆ สื่อมวลชนต่างประเทศที่คนไทยพากันพะวงเป็นนักเป็นหนา เป็นห่วงเป็นใย ไม่ต้องเป็นห่วง ประเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเราไปให้ความสำคัญกับสื่อมวลชนต่างประเทศ มากเกินไป จนกระทั่งเราลืมนึกถึงตัวของเราเอง และความสำคัญของพวกเรา สำคัญมากนะครับ

หลายๆ ท่านนั้นโกรธนายแดน ริเวอร์ ผู้สื่อข่าว CNN ซึ่งเป็นคนซึ่งให้สัมภาษณ์ออกมา ออกข่าวที่ผิดพลาดหลายๆ อย่าง และเป็นข่าวซึ่งคนไทยที่รักความเป็นธรรม รักความเป็นจริง ทนไม่ได้ จนกระทั่งมีทนายความสาวคนหนึ่ง ชื่อคุณนภัส ณ ป้อมเพ็ชร ซึ่งจบเศรษฐศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาฯ แล้วไปต่อได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ทางกฎหมาย ที่อังกฤษ เขียนจดหมายไปต่อว่า CNN ผมไม่มีโอกาสที่จะเอาจดหมายนั้นมาให้อ่านหรืออธิบายความ แต่ว่าคุณนภัส ณ ป้อมเพ็ชร ได้ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์แบบของคนไทยคนหนึ่งที่รักชาติรักแผ่นดิน ใช้ความรู้ความสามารถที่เป็นนักกฎหมาย ใช้ความรู้ความสามารถในเรื่องภาษาที่เขียนได้สละสลวยคมเข้มไม่มีที่ติ เป็นตัวแทนของคนไทย ทำด้วยตัวเอง ไม่ต้องมีใครมาสั่ง แต่แสดงออกเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ณ วันนี้ ผมอยากจะประกาศเกียรติคุณให้กับคุณนภัส ณ ป้อมเพ็ชร ให้พวกเราได้รับทราบกันว่า ในแผ่นดินนี้ก็ยังมีคนที่ดีๆ อย่างนี้อยู่ ยังมีคนหนุ่มคนสาว คุณนภัสยังเป็นคนสาวอยู่ ยังไม่ได้อายุมาก เรียนจบมาจากต่างประเทศ กฎหมาย เกียรตินิยมอันดับ 1 เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่ว่ามีความรู้สึก มีความรู้สึกว่าประเทศไทยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน นายแดน ริวเวอร์

นายแดน ริเวอร์ นั้นมีภรรยาเป็นคนไทย เป็นคนขอนแก่น ผมไม่ทราบว่าภรรยาของนายแดน ริเวอร์ นั้นเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ แต่ผมก็จะไม่ประหลาดใจถ้าเป็น เพราะว่านายแดน ริเวอร์ นั้น แสดงความเป็นอคติและความไร้ภาวะของสื่อมวลชนมืออาชีพอย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้นแล้ว พี่น้องครับ ยังมีคนไทยที่ใจชั่ว อย่างเช่นนายใจ อึ๊งภากรณ์ ไปเที่ยวพูดจาในที่ต่างๆ ในที่สาธารณะ ในประเทศอังกฤษ นอกจากพูดจาที่จะทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว ยังเป็นการพูดจาที่จาบจ้วงอย่างสุดๆ ที่ผมไม่ต้องการมาเล่าให้ฟัง แต่เล่าให้ฟังได้ว่า นายใจ อึ๊งภากรณ์ นั้นจิตใจทุกอย่างเป็นคนที่บัดซบ เลวทราม ต่ำช้า นอกจากนั้นแล้ว ยังมี นายจักรภพ เพ็ญแข ขณะนี้กำลังเดินสายอยู่ในทางยุโรป เพื่อที่จะไปประชุมพบกับคนไทย ภรรยาของฝรั่งในเยอรมัน ไปพูดตามร้านอาหาร ไปใส่ร้ายประเทศไทย ไปใส่ร้ายสถาบัน ไปทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรพบุรุษของคนไทยได้สร้างขึ้นมา สิ่งต่างๆเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น และกำลังทวีคุณอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ

พี่น้องครับ ประเดี๋ยวเราพักกันสักครู่ เสร็จเรียบร้อย เดี๋ยวเราจะกลับมาในตอนต่อไป เชิญครับ

ช่วงที่ 2

ผม สนธิ ลิ้มทองกุล อีกครั้งหนึ่งนะครับ เมื่อสักครู่นี้ก่อนขึ้นรายการ ที่พวกเราได้ฟังเพลงประจำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพบก็เห็นภาพ ซึ่งเป็นเอ็มวี อยู่ในนั้น ผมยังพูดกับอาจารย์ปานเทพ ซึ่งนั่งในห้องส่ง ซึ่งดูผมอยู่ ผมบอกว่า ผมเห็นภาพต่างๆที่พวกเราเดินขบวนประท้วง และผมน้ำตาจะไหล เพราะว่ามันคือความสันติ อหิงสา ที่แท้จริง สามารถที่จะเอาภาพการเดินทางของคนเสื้อเหลือง เทียบกับคนเสื้อแดงได้ช็อตต่อช็อต เฟรมต่อเฟรม รูปต่อรูป ให้เห็นชัดถึงความแตกต่าง ให้เห็นชัดถึงความถ่อย กับความสุภาพ นอกนั้นแล้ว ที่บอกว่า คนเสื้อแดงประท้วงอย่างอหิงสานั้น อาวุธปืน ทั้งระเบิด เต็มไปหมดเลย ที่ถูกค้นเจอ แต่ในขณะซึ่ง เมื่อเราออกจากทำเนียบแล้ว ตำรวจพยายามที่จะหาอาวุธปืนของเรา หาไม่เจอ ไม่มี เพราะเราไม่ได้มีอาวุธ มีแต่เรานั้นโดนอาวุธของตำรวจทำร้าย และทำลาย จนกระทั่งเสียชีวิตในวันที่ 7 ตุลาคม เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อดูภาพเอ็มวีนี้ แล้วดูเพลงนี้ทีไรแล้วมันสะท้อนใจ น้ำตามันซึม ที่มันซึมเพราะว่า 2 ประการ ซึมเพราะว่าดีใจ ที่ได้พิสูจน์ให้ประชาชนที่เป็นกลางๆเห็นชัด ความจริงแล้วการประท้วงของคนเสื้อแดงนั้นมันมีข้อดีกับผม และพี่น้องประชาชนที่ยืนข้างเสื้อเหลือง ที่เป็นพวกเสื้อเหลือง เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นข้อเท็จจริง ว่าคนเสื้อเหลืองทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินจริงๆ
การไปประท้วงที่สนามบินดอนเมืองนั้น ก็เป็นการประท้วงที่หน้าสนามบิน ไมได้บุกเข้าไปข้างใน แล้วไปเผา ไปทำร้าย ไปทุบกระจก ไปทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ต่างกับเสื้อแดง ที่เมื่อออกจากราชประสงค์แล้ว ก็เผาโน้นเผานี่ ของเราพอออกจากสนามบินมือเปล่า นอกจากนั้นแล้วยังช่วยกันทำความสะอาด

พี่น้องครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เราต้องเข้าใจ ว่าคนที่ปิดสนามบินนั้น ไม่ใช่พวกเรา คนที่ปิดสนามบินนั้น คือ นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นผู้จัดการสนามบินดอนเมืองอยู่ หลักฐานมีอยู่ชัด ในการประชุมคณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่คุณวุฒิพันธ์ เป็นประธาน มีชัดเจนว่า มีการตำหนิว่า นายเสรีรัตน์ ซึ่งเป็นพี่ภรรยาของ นายวีระ มุสิกพงศ์ สั่งปิดสนามทบินโดยพลการ
พี่น้องครับ พี่น้องรู้ไหม ว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พยายามที่จะให้ตำรวจดำเนินคดี ตั้งข้อหาผู้ก่อการร้ายกับพันธมิตรฯ จำนวนหนึ่ง ซึ่งไปชุมนุมที่สนามบิน เพราะเขาต้องการที่จะให้ตำรวจไปขอหมายจับศาล แล้วถ้าศาลออกหมายจับเขาจะจับผู้นำ หรือคนซึ่งมีชื่อนั้น ไปขังเหมือนกับจับพวกเสื้อแดง นี่ครับพี่น้อง นี่คือพรรคประชาธิปัตย์ เป็นความคิดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ต้องการจะทำให้เห็น ว่าผมเป็นกลางนะ ผมไม่เกี่ยว ผมเล่นงานเสื้อแดง ผมเล่นงานเสื้อเหลือง เห็นหรือยังพี่น้อง ด้วยเหตุนี้ ความพินาศฉิบหาย ถึงมาที่พรรคประชาธิปัตย์อย่างรวดเร็วไง พี่น้องรู้หรือยัง เป็นคนที่เนรคุณคน ไม่เคยสำนึกถึงบุญคุณที่เขาต่อสู้มา ถ้าไม่ใช่พวกเราออกมาวันนั้น เขาก็แก้รัฐธรรมนูญไปเรียบร้อยแล้ว นายสุเทพ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่คนตายตั้ง 10 กว่าคน ไม่มีการต่อสู้กัน ต่อเนื่องกันไป พี่น้องเข้าใจหรือยัง

แล้วกำลังจะใช้วิชามารมากลั่นแกล้งพวกเรา พยายามอยู่ บีบตำรวจบางคนให้ทำ แต่ตำรวจท่านนั้นยังไม่ยอมทำ บอกเขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เขาจะเป็นก่อการร้ายได้ยังไง มันไม่มีองค์ประกอบของการก่อการร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ สันดานของพรรคประชาธิปัตย์ เลวที่สุด คิดอยู่ตลอดเวลา มีการพูดในที่ประชุม ศอฉ. มีการสั่งให้ พล.ต.อ.ปทีป ดำเนินการจับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เรื่องเกี่ยวกับสนามบินเพื่อที่จะให้เห็นว่า เขาไม่เกี่ยวนะ เขาเป็นกลาง ไม่เกี่ยวกับเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง แต่ในขณะเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่อธิบายความว่ายกเลิกการอายัด หรือจำกัดธุรกรรมการเงินของบริษัท เอสซี แอสเสท ได้ยังไง อธิบายความหน่อย มีคนเล่าให้ผมฟังว่ามันมีเงินตกอยู่ 500 ล้านบาท ไม่รู้เข้ากระเป๋าใคร ที่จะให้ยกเลิกครั้งนี้ ศอฉ.ต้องอธิบาย

จู่ๆ คุณไปอายัดไม่ให้เขาทำธุรกรรมทางการเงิน เอสซี แอสเสท คือหัวใจของเครือชินวัตร หัวใจของทักษิณ ชินวัตร เพราะทรัพย์สมบัติทุกอย่างเขาอยู่ที่เอสซี แอสเสท เมื่อสั่งห้ามทำธุรกรรมแล้วทำให้เขาขยับไม่ได้ แต่จู่ๆ ก็ปล่อยเขาออกไปทันทีเลย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้หลักฐานมา ธนาคารยังไม่ได้ส่งหลักฐานมาเลยแม้แต่นิดเดียว ปล่อยไป มีคนวิ่งเต้นอยู่เบื้องหลังคนหนึ่ง ชื่อย่อชื่อนาย ธ.ธง แล้วนาย ธ.ธง นี้จะเป็นนายหน้ารับเงินรับทองส่งไปให้คนบางคนในพรรคประชาธิปัตย์ งานนี้ว่ากันว่ารับกันเป็นร้อยๆ ล้านบาท พี่น้องครับ ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ ผมไม่พูดไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

นอกจากนั้นแล้วยังคิดชั่วช้าเลวทราม ที่จะพยายามให้ตำรวจไปขอหมายจับจากศาล เกี่ยวกับพันธมิตรฯ ข้อหาก่อการร้ายที่สนามบิน พี่น้องครับ องค์ประกอบการก่อการร้าย การกระทำของเสื้อแดงกับการกระทำของเสื้อเหลือง ถ้าคุณไม่สามารถแยกความดีความชั่วได้ออก อย่าว่าแต่คุณมาเป็นมนุษย์เลย อย่าว่าแต่คุณมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีเลย คุณเป็นมนุษย์คุณยังเป็นไม่ได้เลย แค่นี้
เพราะฉะนั้น พี่น้องพันธมิตรฯ ต้องระวัง เราไม่ได้กลัว แต่เรากำลังชี้ให้เห็นสันดานที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ ซึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะโกรธผม ไปโกรธนายสุเทพ เทือกสุบรรณ คนๆ นี้เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ และคนๆ นี้วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อแก่ตัวลง หรือเมื่อวันที่จะสิ้นลมหายใจ วันนั้นเขาก็จะไม่มีสำนึกอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียวนะครับ พี่น้อง

พี่น้องครับ ชีวิตพวกเราต่อสู้มากันตั้งแต่ปลายปี 48 , 49 , 50 , 51 ,52 , 53 พวกเราได้อะไร ไม่เคย มีแต่คดีความทั้งสิ้น ทำไมพันธมิตรฯ เข้าไปยึดทำเนียบ แล้วพอทำไมพันธมิตรฯ ออกมาถึงไม่ดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ ทำไมไม่ดำเนินคดีล่ะ คดีอยู่เต็มเลย พี่น้องครับ ที่ทำเนียบรัฐบาล ผมและแกนนำ และคนอีกประมาณ 10 กว่าคน โดนข้อหากบฏ ใช่ไหมพี่น้อง ข้อหากบฏ ข้อหากบฏนี้เป็นข้อหาที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อเล่นงาน และคนตั้งข้อหานี้คือ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ไปวิ่งเต้นกับศาลเพื่อที่จะออกข้อหากบฏขึ้นมา แล้วเงื่อนไขติดต่อมาทางเรา บอกว่าถ้าเรายอมมอบตัวข้อหากบฏ แล้วสลายการชุมนุม ศาลจะให้ประกันตัว ผมไม่อยากเอ่ยชื่อผู้พิพากษาคนนั้นหรอก แต่ผู้พิพากษาคนนั้นสมรู้ร่วมคิดกับนายจงรัก จุฑานนท์ นะครับ
เอาล่ะ เราไม่มอบตัว เราอุทธรณ์เรื่องไปที่ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์หลังจากเป็นเวลาเดือนกว่าๆ ศาลอุทธรณ์ใช้องค์คณะใหญ่พิจารณาว่าข้อหากบฏที่ตำรวจตั้งมาให้พวกเรานั้น มีเหตุผลหรือไม่ ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ตัดข้อหากบฏทิ้ง บอกว่าการชุมนุมนั้นไม่ใช่เป็นการกบฏ แต่ข้อหาการบุกรุกสถานที่ราชการยังคงอยู่
พี่น้องครับ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งโดนคดีทุกคน เมื่อศาลตัดข้อหากบฏออก ก็ไปมอบตัวที่โรงพักหมดทุกคน มีใครบ้างที่หนี ไม่มี เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า เราดำเนินการตามขั้นตอนตลอดเวลา ถ้าหากพวกเสื้อแดงที่ถูกจับข้อหาก่อการร้าย ถ้าไม่พอใจข้อหาก่อการร้าย ก็สามารถจะอุทธรณ์ได้ เหมือนอย่างที่เราอุทธรณ์เรื่องข้อหากบฏ ก็ถามว่า แล้วทำไมเขาไม่มาจับเรา ก็เพราะว่าเขาไม่กล้าเข้ามาจับเรา เพราะว่ามีพี่น้องพันธมิตรฯ ล้อมเราอยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะนั้นเราก็อุทธรณ์
เพราะฉะนั้นเสื้อแดงเมื่อถูกข้อหาก่อการร้าย ถ้าเสื้อแดงต้องการจะอุทธรณ์และรอผลของคำอุทธรณ์ ก็อย่าให้จับสิครับ ก็คุณก็ไม่เคยให้จับอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แต่จู่ๆ ที่คุณสลายแล้วคุณมามอบตัว เพราะว่าคุณไปแอบตกลงกันหรือเปล่า ระหว่างแกนนำเสื้อแดงกับผู้บริหารรัฐบาล ว่าคุณมามอบตัวเถอะ เมื่อมอบตัวแล้วจะส่งไปอยู่ที่หัวหิน ไปเดินเล่นริมทะเล กินอากาศ สูดโอโซน มีความสุข มีความสบาย ผมไม่รู้เป็นข้อตกลงกันหรือเปล่า แต่พฤติกรรมของเสื้อแดงกับพฤติกรรมของพวกเรามันต่างกับเขามาก

พี่น้องครับ เห็นหรือยัง ว่าเรื่องๆ เดียวกัน แต่ว่าสาระคนละสาระ สาระอันหนึ่ง จงรัก จุฑานนท์ ตั้งข้อหาเราว่ากบฏ ไปขอหมายจับที่ศาล แล้วก็รู้จักผู้พิพากษา แอบจับมือกัน กินกาแฟกันในห้อง ศาลออกหมายจับข้อหากบฏ ศาลชั้นต้น ศาลอาญา เราไม่ยอม เราบอกว่าไม่ยุติธรรม ศาลไม่ยุติธรรม เราขออุทธรณ์ ตำรวจก็ไม่มาจับ ปล่อยให้เราอุทธรณ์ พออุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ใช้องค์คณะทั้งองค์คณะเลยนะครับ ผู้พิพากษาอุทธรณ์ทุกคนเข้าประชุมหมด แล้วมีมติ 3 แนวทาง แนวทางแรกก็คือยกหมดทุกข้อหา ส่วนหนึ่ง ผู้พิพากษาส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็บอกว่า ให้คงข้อหากบฏเอาไว้ แต่เป็นส่วนน้อยมาก อีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนใหญ่ที่สุด ก็บอกว่าให้ตัดข้อหากบฏ เพราะว่าไม่เข้าองค์ประกอบ แต่ว่าข้อหาอื่น คือบุกรุกสถานที่ราชการ ก่อความวุ่นวาย ให้คงเอาไว้ ศาลก็เลยมีคำสั่งศาลอุทธรณ์ลงมา บอกให้ยกข้อหากบฏ ก็เลยทำให้เราหลุดจากข้อหากบฏ เห็นหรือยังพี่น้อง นี่คือความจริง
ฉะนั้นพี่น้องต้องจำเอาไว้ แล้วพวกเสื้อแดง แกนนำเสื้อแดง ก็ต้องจำเอาไว้ คุณเฉลิม อยู่บำรุง คุณก็ต้องจำเอาไว้ คุณต้องเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะว่าคุณเคยเป็นรัฐมนตรีฯ ยุติธรรมอยู่ คุณไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้ยังไง แล้วจู่ๆ คุณก็มากล่าวหาว่าพันธมิตรฯ เป็นผู้ก่อการร้าย

ผู้ก่อการร้ายมีองค์ประกอบอะไรบ้างล่ะ องค์ประกอบการทำลายทรัพย์สิน พวกเราอยู่สนามบิน เราทำลายทรัพย์สินอะไรบ้างไหม องค์ประกอบการมีอาวุธ เรามีไหม แต่องค์ประกอบพวกคุณมีทั้งปืน M79 มีทั้งปืนพก มีอาวุธ มีระเบิดวางเอาไว้ มีการยิงต่อสู้กันออกมา ยิงเหมือนสงครามยิง มีการจุดไฟเผา อย่างนี้ล่ะครับเขาเรียกว่าผู้ก่อการร้าย ของเราไม่มี ของเราไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว หลักฐานจะเอามา วิดีโอมา เอาอะไรมาถ่ายก็จะเห็นได้ชัดหมดทุกอย่าง ไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่นิดเดียว สงบ อหิงสา สันติ เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเฉาฉุ่ยที่อยู่ในสภาที่เป็นพรรคเพื่อไทย ที่ปากเสียพูดออกมานี้ สมควรจะเอาเท้าตัวเองตบปากตัวเองเสีย 10 ที ในฐานะที่ปากเน่า แล้วก็ไม่เคยสนใจว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ด้วยเหตุนี้พี่น้อง

พี่น้องเริ่มเห็นด้วยกับผมหรือยัง ว่าการเมืองเมืองไทยมันไม่ใช่ถึงทางตัน มันเน่าสนิท มันฉิบหายไปหมดแล้ว มีทางออกทางไหนพี่น้อง บอกผมซิ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ทำฟิต ทำย้ายผู้การขอนแก่น ทำย้ายผู้การอุดรฯ ทำย้ายผู้การคนโน้นคนนี้ในฐานะให้ก่อเหตุ พี่น้องรู้หรือเปล่า นี่คือการปะแป้ง ปะแป้งเฉยๆ พี่น้อง ย้ายไปทำอะไรรู้หรือเปล่า 30 วัน ย้ายประจำ อีกสักพักก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม ตำรวจ ไม่ใช่การย้าย ตำรวจต้องพลิกแผ่นดิน ต้องล้างบาง เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ เกิดขึ้นเพราะตำรวจเป็นตัวเริ่ม ทำไมตำรวจเป็นตัวเริ่ม เพราะว่านายทักษิณ ชินวัตร เป็นคนซึ่งดัดแปลง ขยับขยาย ทำให้เป้าหมายของตำรวจ ในฐานะที่เป็นผู้พิทักษฺ์สันติราษฎร์นั้นผิดไปหมดเลย จากตำรวจที่เคยรับใช้ประชาชน กลายเป็นตำรวจที่ไปรับใช้ นายทักษิณ ชินวัตร ตำรวจต้องรับใช้นักการเมือง ทักษิณเอาเงินหวย ที่ผิดกฎหมาย เอามาแจกตำรวจทุกโรงพัก แต่พี่น้องอย่าเพิ่งไปโกรธตำรวจ อย่าเพิ่งไปโกรธลูกเมียตำรวจชั้นผู้น้อยที่เป็นเสื้อแดง ที่เขาเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตำรวจชั้นผู้น้อยนั้น โดนตำรวจชั้นผู้ใหญ่รังแกตลอด รังแกในเรื่องผลประโยชน์ เรื่องใช้เขาไปทำมาหากิน ใช้เขาไปรีดไถ ส่งส่วย

พี่น้องครับ ผมเคยพูดกี่ครั้งแล้ว ทำไมตำรวจถึงเป็นเช่นนี้ เพราะตำรวจระดับนายพลที่กินตำแหน่งผู้บัญชาการนั้น ส่วนใหญ่ถ้าไม่เสียเงินแล้วจะมานั่งตำแหน่งนี้ไม่ได้ เมื่อตัวเองมาต้องเสียเงินเป็นสิ 10 ล้าน 20 ล้าน 30 ล้าน บางคนกินตำแหน่งใหญ่ เสียถึง 80 ล้านบาท เมื่อมานั่งตรงนี้แล้ว ก็ต้องกอบโกยเอากลับ วิธีเอากลับมี 2 วิธี วิธีแรก คือ การแต่งตั้งลูกน้องระดับพลตำรวจตรี ผู้บังคับการจังหวัด หรือผู้บังคับการตามเขตต่างๆ เช่น น.1 , น.2 , น.3 , น.4 , น.5 , น.6 , น.7, น.8, น.9 นครบาล 1 , นครบาล 2 นี่ผมเพียงแต่ยกตัวอย่างให้ฟัง ใครอยากเป็นนายพล ใครอยากอยู่ต่อส่งมา 10 ล้าน 15 ล้าน นี่คือวิธีเรียกเงินคืน ผู้กำกับก็เรียกเงินด้วย เมือ่ผู้กำกับโรงพักถูกเรียกเงินมา ทั้งผู้การ และผู้กำกับ เอาเงินจากไหนมา 1 ถ้าไม่ใช่ในบ่อน หรือผู้ทำผิดกฎหมาย เป็นคนเอาเงินก้อนนี้ให้เขาไปให้เจ้านายเพื่อให้คนคนนี้อยู่ต่อ เพื่ออำนวยความสะดวกกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายเขา 2. เขาก็ต้องใช้อำนาจเขาไปรีดไถคนเพิ่ม เพื่อเรียกทุนคืน

มีใครบ้างในแผ่นดินไทยที่มันจะบ้าพอ ที่จะเอาทรัพย์สมบัติของพ่อแม่มา 10 ล้าน 15 ล้าน หรือไปขายบ้าน ขายที่ดิน เพียงเพื่อตัวเองจะได้เป็นนายพล แล้วก็ทำงานอย่างซื่อสัตย์ รับใช้ประชาชน ไม่มีหรอกครับ เพราะฉะนั้นแล้วตำรวจมันเน่าจากนักการเมือง เพราะนักการเมืองมันไปเรียกเงินจากตำรวจที่ต้องการจะขึ้นตำแหน่งใหญ่

พี่น้องไปคิดเอาเองว่า นักการเมืองระยำนั่นคือใคร ผมไม่จำเป็นต้องพูด พี่น้องครับ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัด ว่าเมื่อตำรวจเป็นเช่นนี้แล้ว ตำรวจไม่ใส่ใจอะไรเลย ตำรวจใส่ใจอยู่อย่างเดียวว่า จะต้องอยู่ต่อเพื่อเรียกทุนคืน เมื่อจะต้องอยู่ต่อเพื่อเรียกทุนคืนแล้ว ตำรวจจะทำหน้าที่จัดการกับพวกก่อความวุ่นวายไหม ไม่ใช่ เดี๋ยวเผลอโดนลูกหลง เฮ้ย เดี๋ยวเผลอๆรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่อยู่ คนใหม่ขึ้นมาผมโดนย้าย เพราะฉะนั้นแล้วผมใส่เกียร์ว่าง เกียร์ว่างไม่ได้ใส่ครับพี่น้อง เขาดับเครื่องทิ้งเลย
ตำรวจชั้นผู้น้อย ความอัดอั้นตันใจที่โดนตำรวจชั้นผู้ใหญ่รังแกมาตลอด เมื่อเห็นเสื้อแดงมาก็หวังว่า ถ้าเสื้อแดงชนะ ตัวเองจะได้มีสิทธิ์มีเสียงมีปากมีเสียง จะได้รับความเป็นธรรม เป็นครั้งแรก ตำรวจชั้นผู้น้อยจึงรีบใส่เกียร์ว่างมากขึ้น นอกจากนี้ แล้วยังแอบเข้าไปร่วมกับขบวนการ เหมือนกับประชาชนหลายฝ่ายที่ถูกหลอกมา เมื่อถูกต้อนจริงๆเขาก็เริ่มเห็นว่า ทำไมราคาพืชไร่ของฉันมันไม่ค่อยดีเลย ทำไมโรงสี พ่อค้าส่งออกรวยเอา ทำไมโรงเรียนใน อ.ป่าแดด จ.เชียงราย มันถึงสู้โรงเรียนอำเภอเมืองไม่ได้ นับประสาอะไรกับโรงเรียนในกรุงเทพฯ เห็นหรือยังพี่น้อง เอ๊ะ ทำไมลูกเราเวลาเรียนจบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน ไม่มีเงินจ่าย ทำไมคนอื่นเขามีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ตรงนี้ไงครับคือความไม่เป็นธรรม

เมื่อความไม่เป็นธรรมมันเกิดขึ้น คนมันก็ต้องสู้ คนมันก็ต้องเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นในส่วนหนึ่งของคนเสื้อแดงที่เขามาเรียกร้องความเป็นธรรมนั้น ก็มีเนื้อหาสาระที่เป็นไปอย่างเป็นความจริงพอสมควร แต่ว่าคนพวกนี้ถูกหลอกให้เข้าสู่ขบวนการล้มเจ้าไปด้วย โดยโยง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โยงอำมาตย์ทั้งหลาย อำมาตย์ตัวจริงครับพี่น้อง คือนายทักษิณ ชินวัตร แล้วอีกคนหนึ่งกำลังจะเป็นอำมาตย์ต่อไปเหมือนกัน คือคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านก็เริ่มเป็นอำมาตย์แล้วตอนนี้ เพราะท่านไม่ฟังใคร ท่านฟังแต่ตัวท่านเอง แต่เอาเถอะ ไม่เป็นไร

กลับมาเรื่องตำรวจ เมื่อนักการเมืองที่คุมตำรวจนั้นทำให้ตัวเองชั่ว เรียกเงินเรียกทองจากตำรวจที่จะมีตำแหน่งขึ้นมา ตำรวจก็เรียกกันต่อไป แล้วประชาชนได้อะไร พี่น้อง เกิดมาผมเพิ่งเคยเจอ เกิดมาผมเพิ่งเคยเจอ ป.ป.ช.สั่งให้ตำรวจ 3 นาย ออกจากราชการ เพราะว่าได้พิสูจน์ชัดแล้วว่าทำร้ายประชาชนในคดี 7 ตุลาฯ แต่ ก.ตร.กลับเอาเข้าบรรจุเหมือนเดิม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะที่เป็นประธาน ก.ตร.ไม่พูดอะไรสักคำ บอกว่า เป็นมติของ ก.ตร. ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ เอ้า แต่เวลาแต่งตั้งทำไมคุณยุ่งเกี่ยวได้ คุณจะเอาคนโน้นนั่งตรงนี้ คนนี้นั่งตรงนั้น เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัด ความแตกต่างในคำพูดของนายสุเทพ เวลาแต่งตั้งที่ตัวเองมีส่วนได้ประโยชน์ ตัวเองจะเข้าไปเกี่ยวข้องทันที แต่ว่าเวลา ก.ตร.จะเอาตำรวจ 3 คน กลับเข้ารับราชการ ตัวเองก็อ้างบอกว่าเป็นมติ ก.ตร. เห็นหรือยังพี่น้อง พี่น้องชาวใต้เห็นหรือยัง ผมไม่ได้ตำหนิคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ผมตำหนิพรรคประชาธิปัตย์ แล้ววันนี้ผมพูดได้เต็มปาก เพราะผมไม่ได้อยู่พรรคการเมืองใหม่ ผมต้องพูดชัดเลยว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องเลิกนิสัยแบบนี้ นิสัยเหยียบคนแล้วเป็นใหญ่ นิสัยเอาตัวรอด นิสัยเหยียบศพประชาชน ประชาชนต้องมาก่อน คือประชาชนต้องตายก่อนเพื่อพรรคประชาธิปัตย์จะได้ใหญ่ พันธมิตรฯ ต้องตายก่อนเพื่อพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นใหญ่ ต้องเลิกสันดานแบบนี้เสียที

ผมจำเป็นต้องพูด เพื่อนฝูงหลายคนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ รู้จักกันดี เคารพนับถือกันดี แต่วันนี้ไม่พูดไม่ได้แล้ว มันจำเป็นต้องพูด นี่คือเหตุผลที่ผมต้องลาออกจากพรรคการเมืองใหม่ ที่ผมต้องลาออก พี่น้องครับ ตอกย้ำความจำกันอีกทีหนึ่ง ผมมารับตำแหน่งนี้เพราะพี่น้องพันธมิตรฯ เลือกให้ผมมาเป็นหัวหน้าพรรค ถ้าผมไม่เป็นตอนนั้นพรรคก็ไม่เกิดขึ้น เพราะว่าหลายสาย สายหนึ่งก็จะเลือกคนโน้น สายนั้นก็จะเลือกคนนี้ อีกสายก็จะเลือกคนนั้น แต่ว่าทุกสายเห็นพ้องต้องกันว่าถ้าเป็นผมแล้วเขาจะเลือก ผมเลยจำเป็นต้องเข้ามา แต่ผมได้ประกาศเอาไว้ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าพี่น้องยังจำได้ ผมประกาศบอกว่า ผมจะอยู่ชั่วคราวจนพรรคตั้งได้ มีสถานที่ทำการ ทุกอย่างเริ่มเดินไปได้ ผมจะออกมา และผมทำตามสัจจะของผม ผมไม่เคยพลิก และผมไม่เคยเปลี่ยนตัวผมเอง ผมลั่นเอาไว้ยังไง ผมก็ทำเพียงแค่นั้น เพราะฉะนั้นแล้วผมก็ไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ผมมาเป็นแค่หัวหน้าพรรค ไม่ได้เป็นตำแหน่งการเมือง เป็นรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว วันนี้ผมกลับมาเป็นนายสนธิ ลิ้มทองกุล ของพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และของท่านผู้ชม

พี่น้องครับ ให้ผมพูดเรื่องตำรวจอีกสักนิดหนึ่ง คำถามถามว่าแล้วเราจะปฏิรูปตำรวจยังไง ตำรวจเราปฏิรูปไม่ได้หรอกพี่น้อง เราต้องปฏิวัติ เราต้องปฏิวัติตำรวจ พี่น้องครับ เราต้องแก้กฎหมาย ก.ตร. คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ พี่น้องรู้ไหม ก.ตร.คืออะไร คือคณะกรรมการซึ่งแต่งตั้งกันมา เลือกตั้งกันมา แล้วก็มาทอนสตางค์ พี่น้องเข้าใจคำว่าทอนสตางค์หรือเปล่า ทอนสตางค์ก็คือว่า ก.ตร.จะแพ็คกันเป็นพวก แล้วก็ กูจะเอาคนนี้ กูจะเอาบัญชีนี้ ถ้ามึงไม่ให้กู มึงส่งเรื่องเข้า ก.ตร.กูจะขวางมึง เพราะฉะนั้น มึงให้กู กูให้มึง นี่คือทอนสตางค์ เพราะฉะนั้นตำรวจยุคนี้สมัยนี้ถ้าไม่มีเส้น ไม่รู้จักใคร ตำรวจที่ซื่อสัตย์สุจริต มีความสามารถ อยู่ไปจนตายเถอะ ไม่ได้เจริญเติบโต

คนบางคน พี่น้อง วันนี้ยังมีเลย เป็นรองผู้กำกับมาเกิน 14-15 ปี ในขณะที่บางคนเป็นรองผู้กำกับแค่ไม่กี่ปี ขึ้นเป็นผู้กำกับแล้ว บางคนเป็นผู้การ ขึ้นมาเป็นรองผู้บัญชาการ ยังไม่ครบ 2 ปีเลย แค่ปีกว่าๆ เอง ถูกตั้งไปเป็นรักษาการผู้บัญชาการ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา คนสนิทของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ พี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้ว ตำรวจที่ตั้งใจทำงานมันจะทำได้ยังไง พี่น้อง มันก็ต้องช่างมันล่ะคราวนี้ กูก็เรียกตังค์กูแล้ว คราวนี้

พี่น้องครับ ตำรวจต้องปฏิวัติยังไง 1. ต้องแก้กฎหมาย ก.ตร. ทำไม ก.ตร.ต้องเอาอดีตตำรวจมาเป็น ไม่มีความจำเป็น เพราะตำรวจ คณะกรรมการตำรวจคือคณะกรรมการที่มาควบคุมการทำงานของตำรวจ ต้องเอาประชาชนเข้ามา ทำไมต้องเอาอดีตนายพลเข้ามาล่ะ จบแล้วจบเลย คุณเอาอดีตนายพลเข้ามา ประวัติคุณมี สายสัมพันธ์คุณมี รากเหง้าคุณมี คุณโยงใยไป ถ้าคุณเคยเป็นถึงระดับพลตำรวจเอก พลตำรวจโท ลูกน้องคุณเต็มไปหมด คุณต้องมาปกป้องลูกน้องคุณ คุณไม่ได้มาปกป้องประชาชน ถ้าคณะกรรมการ ก.ตร.เป็นประชาชน ภาคประชาชน การรับตำรวจ 3 คน กลับเข้ามารับราชการอีก ย่อมไม่เกิดขึ้น ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง

อ่ะ ก.ตร.ดูสิ มีใคร ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รัฐมนตรีฯ มหาดไทย ใจซื่อมือสะอาด แล้วเป็นยังไง ยืนข้างพัชรวาท วงษ์สุวรรณ เต็มตัว เป็นพวกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ เต็มตัว พิชิต ควรเตชะคุปต์ พวกเดียวกับพัชรวาท รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท เห็นด้วยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท คนซึ่งเป็นผู้ต้องหา เต็ม ก.ตร.ไปหมด เพราะฉะนั้นแล้วทุกคนก็เลยต้องทำงานเพื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พี่น้องเห็นหรือยัง ต้องแก้กฎหมาย ก.ตร. อย่าเอาพวกอดีตตำรวจมาเป็น เป็นอันขาด เอาภาคประชาชนเข้าไป แล้วทำไมจะต้องเอารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกคนมาเป็นกรรมการ ก.ตร. กรรมการ ก.ตร.ถ้าจะเอาคนซึ่งมาทำงาน ก็เอามาคนเดียวก็พอ หนึ่งรองเข้ามาเพื่อมานั่งเป็นตัวแทน เอารองใคร ตำแหน่งใครเป็นรอง ได้เข้ามาเป็นกรรมการ ก.ตร.หมด ทีนี้รองมันก็ต้องกลัวนักการเมือง ใช่ไหม เมื่อมันกลัวนักการเมือง เพราะมันกลัวไม่ได้ขึ้นนี่ มันก็ต้องบอกว่า แล้วแต่ท่านสั่ง ท่านสั่งยังไงผมก็เอาอย่างนั้น แล้วถ้าอย่างนั้นเราจะมีคณะกรรมการ ก.ตร.ไปทำไม พี่น้องเข้าใจหรือยัง

เพราะฉะนั้นคณะกรรมการ กฎหมาย ก.ตร.ต้องเปลี่ยน อดีตตำรวจเก่าไม่เอา ภาคประชาชน ไปคัดสรรมา ภาคประชาชนที่ไหนบ้าง เอาอาจารย์ เอาองค์กรเอกชน เอาคนที่มีชื่อเสียง มีความซื่อสัตย์ เป็นที่พิสูจน์ได้แล้วว่าคนพวกนี้ใช้ได้ เอาเข้ามานั่ง
2. ต้องออกพระราชกฤษฎีการ่างกฎหมายใหม่ ตัดตำรวจนครบาลให้มาอยู่ กทม.ทันที ให้ขึ้นกับผู้ว่าฯ กทม. แล้วโอนงบประมาณส่วนหนึ่งที่ตำรวจนครบาลนั้นใช้อยู่ ให้มาอยู่ กทม. หรือไม่โอนก็ได้ แต่เก็บภาษีความปลอดภัยจากประชาชนชาว กทม.ให้ประชาชนชาว กทม.เขามีความรู้สึกว่าเขาต้องเสียเงินจ้างตำรวจพวกนี้ ฉะนั้นถ้าเขาต้องเสียเงินจ้างตำรวจพวกนี้ เขาจะไปกดดันผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับเลือกตั้งมาเป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจนครบาลให้ทำงาน ผู้ว่าฯ กทม.อยากได้รับการเลือกตั้ง ก็ต้องดูแลความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ให้ตำรวจเป็นตำรวจที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ทำงานไม่ได้ผล เขาจะไม่ได้รับเลือก ถ้าก่อนที่เขาจะไม่ได้รับเลือก เขาต้องไล่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลออกไปก่อน ใช่ไหมพี่น้อง ถูกไหมพี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้วผู้บังคับการตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นเขตไหนก็ตาม ถ้ามีบ่อนมาก ประชาชนที่อยู่แถวนั้นเขาก็รวมตัวกันไปร้องเรียนผู้ว่าฯ ได้ ผู้ว่าฯ เนื่องจากว่ามาจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ ก็ต้องจัดการตามความต้องการของประชาชน นั่นคือวิธีการแรกที่เขาต้องจัดการตำรวจออกไปเสียก่อน

เมื่อเราแยกตำรวจนครบาลออกไปแล้ว ความชั่วจะลดน้อยลงทันที เพราะว่าจะมีการตรวจสอบจากสื่อมวลชน จะมีการตรวจสอบจากประชาชนกันเองที่อยู่ตามท้องถิ่น เพราะประชาชนอยู่ประตูน้ำก็ต้องรู้ว่าบ่อน ปอ ประตูน้ำ อยู่ที่ไหน ประชาชนที่อยู่แถวเตาปูน ก็ต้องรู้ว่าบ่อนชัจจ์ เตาปูน อยู่ที่ไหน ประชาชนที่อยู่ตรงนั้น ต้องรู้ว่าไนท์คลับตรงนี้ บาร์ตรงนี้ เปิด 24 ชั่วโมง ขายยาอี ยาไอซ์ ประชาชนคนพวกนี้จะกดดันผ่าน ส.ก. ส.ข.แล้วก็จะไปกดดันต่อที่ผู้ว่าฯ กทม. ผู้ว่าฯ กทม.ก็ต้องเรียกผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเข้ามา บอกว่าถ้าคุณไม่แก้ปัญหาตรงนี้ ผมเปลี่ยนคุณ
วันนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลขึ้นกับใคร ขึ้นอยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นอยู่กับใคร ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่วันนี้นายกรัฐมนตรีมอบให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นคนมาดูแล เพราะฉะนั้นแล้วใครวิ่งเข้านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ ปัญหาก็ไม่มี ประชาชนจะเป็นจะตายกันก็ไม่มี คลองเตยมีโจรมีตั้งเท่าไหร่ ยิงกันตายเท่าไหร่ ไม่สนใจ พี่น้องเห็นหรือยัง

นี่ล่ะ คือการให้ท้องถิ่นมาดูแลตำรวจ ส่วนตำรวจภาคนั้น ลดอำนาจตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติลงไป ให้กลายเป็นสำนักงานปลัดตำรวจแห่งชาติ ตั้งเป็นกระทรวงตำรวจ ทบวงตำรวจแห่งชาติ ไปเลย แล้วปลัดคนนี้ไม่ได้มีหน้าที่แต่งตั้งใครทั้งสิ้น ภาคนั้นแบ่งออกไปให้ชัดเจน ภาค 3 ภาค 4 ตำรวจที่ไหนอยู่ภาค 3 ก็คืออีสานใต้ ภาค 4 ก็คืออีสานเหนือ ตำรวจที่ไหน เกิดที่อุดรฯ อยู่ที่อุดรฯ ก็ตายที่อุดรฯ ไปเลย เป็นตำรวจท้องถิ่นเไป เราปฏิเสธอิทธิพลท้องถิ่นไม่ได้ แต่เราต้องดึงตำรวจกองปราบออกมา ดึง DSI ออกมา แล้วมารวม 2 อันนี้เข้าไป ตั้งเป็นองค์กรอิสระ ไม่ให้ขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรม ไม่ให้ขึ้นอยู่กับสำนักนายกฯ แต่เป็นองค์กรอิสระขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนทั้งสองสภา คือทั้งรัฐสภา และวุฒิสภา ใครจะเป็นผู้อำนวยการองค์กรนี้ ผู้อำนวยการองค์กรนี้จะต้องได้รับเลือกจากวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ด้วยคะแนนเสียง 3 ใน 4 ทำไมต้อง 3 ใน 4 เพราะว่าคนที่ขึ้นมาต้องดำรงความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ต้องกล้าพอที่จะทำงาน ตัดสินใจได้ ที่แม้กระทั่งฝ่ายค้านก็ต้องยอมรับว่า เฮ้ย คนนี้มันซื่อสัตย์นะ ถ้ามันเป็นผู้อำนวยการองค์กรที่ดูแลเรื่องตำรวจส่วนกลาง ผมไว้ใจมันได้ เพราะว่ามันจะไม่รังแกผม เพราะฉะนั้นคะแนน 3 ใน 4 สำคัญมาก เมื่อ 3 ใน 4 ได้แล้ว เราก็จะได้ผู้อำนวยการตรงนี้ ส่วนกลางตรงนี้ คือ ส่วนกลางที่ไปตรวจสอบตำรวจท้องถิ่น ประชาชนที่ได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะว่า นักการเมืองท้องถิ่น ไปแอบตั้งตำรวจของตัวเองขึ้นมา และไปรังแกประชาชน เขาสามารถร้องเรียนมาได้ที่ตำรวจส่วนกลางนี้ ตำรวจส่วนกลางนี้ก็ไปจับตำรวจภาค ซึ่งรังแกคนท้องถิ่น แล้วก็มาดำเนินคดีซะ

นี่คือภาพคร่าวๆ ของการปฏิวัติตำรวจ และผมจะบอกให้ ถ้าผมเสกได้ผมจะให้ตำรวจออกให้หมดเลย แล้วให้สอบเข้ามากันใหม่ แล้วก็คัดกันใหม่ ต้องดูแลตำรวจชั้นผู้น้อย เดี๋ยวนี้ตำรวจชั้นผู้น้อยส่วนใหญ่จะเรียนจบปริญญาตรีกันทั้งสิ้น และต้องเลิกยศกันได้แล้ว เรามีนายพลตำรวจมากเหลือเกิน มากกว่าวนิพกซะอีก ตลกมา เมืองไทยนายพลมันเยอะจริงๆ ไม่รู้มันมีไปทำไม คำว่า นายพล มีแล้วไม่มีประโยชน์ ต่างประเทศเขามีแค่ Captain จบ เลิกเสียทีเรื่องโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เลิกเสียทีว่า สีนั้น เหล่านั้น ทั้งหมด ให้มหาวิทยาลัยเอกชน หรือ รัฐ ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ หรือ ม.รังสิต ม.กรุงเทพ เขา Offer หลักสูตร ของการอาชญวิทยา และกำหนดเลยว่า คนที่เป็นตำรวจไปจำเป็นต้องจบกฎหมาย หรือรัฐศาสตร์ จบอาชญวิทยาก็เป็นตำรวจได้ เปิดสอบเท่าเทียมกันหมด ไม่มีแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่มีว่าพอเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานแล้ว จบแล้วต้องเป็นตำรวจสามพราน ไม่มี และตำรวจต้องรับจากท้องถิ่น ใน กทม.จบปริญญาตรีที่ไหนก็ได้สอบเข้าตำรวจได้หมดเลย ไม่จำเป็นจะต้องให้ตำรวจจากสามพรานมาแห่งแรก

พี่น้องครับ ปัญหาตำรวจนั้น เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในประเทศ วันนี้ถ้าแก้ปัญหาตำรวจได้ ปัญหาชาติบ้านเมืองแก้ได้หมด ที่เสื้อแดง ที่ทักษิณ ชินวัตร ฮึกเฮิม ทำร้ายทำลายประเทศไทยได้มากถึงขนาดนี้ เพราะว่าตำรวจให้ความร่วมมือด้วย เพราะฉะนั้นคนที่ทำลายชาติ ทำลายบ้านเมือง ทำลายแผ่นดิน เนรคุณทรยศต่อบ้านเมืองนั้น ตำรวจบางส่วนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเป็นอย่างยิ่ง ใครจะไปนึกครับพี่น้อง คนที่เป็นตำรวจที่เราหลังพึ่งในชีวิต และทรัพย์สิน ทำอะไรไม่ได้ นี่ไงพี่น้องดูซิ เกือบ 200 ร้อยนัด ตำรวจทำอะไรอยู่ คุณสุเทพ ทำอะไรอยู่ คุณอภิสิทธิ์ ทำอะไรอยู่ คนที่ยิงผมหายไปไหน ไม่มีการขยับ ไม่สนใจไอ้คนที่ยิงสนธิ สนธิมันตายซิดี ให้มันตายไปเลย เพราะว่ามันคือตัวขวางการทำลายชาติ บ้านเมืองของฉัน

พี่น้องเข้าใจหรือยัง ไม่ต้องดูไกล นอกจากผมแล้ว ยังมี พ.อ.ร่มเกล้า มีอีกตั้งกี่คน เดี๋ยวนี้เมืองไทยหาซื้อ เข้าไปตรวจดูซิ เต็นท์เสื้อแดงมีแต่ระเบิดทั้งนั้นเลย มี M-79 มันเหมือนซื้อบุหรี่ในเซเว่นฯ ไปแล้ว ชาติบ้านเมืองอยู่อย่างนี้ได้ไงพี่น้อง ไม่ได้แล้ว มันฉิบหายหมดแล้ว ตอนนี้คนที่เราหวังพึ่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กลับเป็นผู้ที่กระะทืบสันติ ราษฎร์ แล้วเราจะพึ่งใครได้ แม้กระทั่งคนอย่างผมซึ่งถูกยิงแบบนี้ยังไม่มีใครตามเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว ไอ้ 2 คนที่ถูกหมายจับก็หลบอยู่ คดีผมจบเพียงแค่นี้ ไม่มีการดำเนินการต่อไปเลย
พี่น้องครับ เห็นหรือยัง ชาติบ้านเมืองมันไปไม่รอดจริงๆ ตำรวจที่เป็นเช่นนี้ได้ เพราะนายกฯ อภิสิทธิ์ ปล่อยให้ตำรวจเป็นเช่นนี้ ทำไม นายกฯอภิสิทธิ์ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เพราะนายกฯอภิสิทธิ์ ปล่อยให้นายสุเทพ ดูแลตำรวจแบบนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ นายกฯ อภิสิทธิ์ พูดไม่ได้เด็ดขาดว่า สั่งตำรวจไม่ได้ เพราะความผิดอยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่ได้อยู่ที่ใครเลย การขึ้นมาเป็นนายกฯ เป็นหนี้บุญคุณคน ไม่เสียหาย แต่หนี้บุญคุณประชาชนสำคัญกว่า เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องตำรวจเอาแค่นี้ก่อน เพราะว่าเราต้องพักสักครู่ หนึ่งแล้วเดี๋ยวเรามาช่วงสุดท้าย ซึ่งมีเรื่องจะต้องคุยอีกหลายเรื่อง แล้วก็มีคำถามจะต้องตอบอีก พักกันสักครู่ครับ

ช่วงที่ 3

ท่านผู้ชมครับกลับมาถึงช่วงสุดท้ายกับรายการของผม สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นรายการพิเศษ ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อสักครู่ผมได้อธิบายถึงการปฏิวัติโครงสร้างตำรวจ ปัญหาตรำวจที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นปัญหาของนักการเมืองสร้างทั้งสิ้น สร้างมาจากทักษิณ ชินวัตร ไล่มาเรื่อย ไม่ได้รับการแก้ไข มีแต่ซ้ำเติมลงไป มาถึงยุครัฐบาลชุดนี้ก็ซ้ำเติมเหมือนเดิม การตั้งตำรวจคราวที่แล้วเป็นการแลกเปลี่ยนตำแหน่งกัน เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ต้องการผู้ว่าฯ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยที่คุณเนวิน ชิดชอบ อยู่เบื้องหลังจากตำแหน่งไหน ภูมิใจไทยก็จะขอแลกตำแหน่งตำรวจบ้าง มันก็เลยแลกกันไปแลกกันมา ก็กลายเป็นทั้งผู้ว่าฯ ทั้งตำรวจก็กลายเป็นคนที่ขึ้นอยู่กับนักการเมืองทั้งสิ้น การเมืองก็สั่งผู้ว่าฯ สั่งตำรวจ ซึ่งเป็นฝ่ายปกครอง และฝ่ายรักษากฎหมาย ที่ดูแลในเรื่อง ของการใช้ ป.วิอาญา กฎหมายอาญา ชาติบ้านเมืองก็เลยอยู่ในกำมือนักการเมือง ได้นักการเมืองดี ชาติบ้านเมืองก็ดี ได้นักการเมืองเลว ก็เห็นความเลวเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอครับท่านผู้ชม

รัฐบาลชุดนี้แต่งตั้งตำรวจมา 2 ครั้ง ตั้งแต่อยู่มา ทำไมถึงไม่ดีขึ้นละ ที่ไม่ดีขึ้นเพราะว่าดันไปตั้งตำรวจที่ตัวเองต้องการใช้ในทางด้านการเมือง แต่ไม่ได้คำนึงถึงประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว เอาแค่ที่ผมชี้เรื่องที่ผมถูกยิงแค่นี้ก็รู้อยู่แล้ว สิ่งแวดล้อม องค์ประกอบหลักฐานทุกอย่างมันพิสูจน์ชัด มันำพาไปสู่ตรงไหนก็ไม่ทำกัน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าคนในรัฐบาลเองเป็นคนสั่งยิงผม ใช่ไหมท่านผู้ชม เพราะถ้าสนธิ ลิ้มทองกุล มันมีชีวิตอยู่ มันจะขวางความชั่วที่พวกรัฐบาลกำลังทำอยู่ใช่หรือเปล่า

พี่น้องเห็นหรือยัง ว่าการเมืองมันไม่ได้ถึงแค่ทางตัน การเมืองมันพินาศฉิบหายเพราะนักการเมือง และพินาศฉิบหายต่อ ทั้งๆที่เราก็หวังว่านักการเมืองชุดนี้จะทำให้การเมืองดีขึ้น การเมืองกลับไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ในขณะซึ่งอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำตัวเป็นเทพลอยเหลืออยู่บนฟ้า ใสสะอาด บริสุทธิ์ ซื่อ แต่ตัวเองกลับใช้อสูรคอยทำงานชั่วร้ายตลอดเวลา มาจนวันนี้ ยังไม่เข้าใจอีกหรือ ว่าคุณควรจะยืนอยู่ข้างไหน มาจนวันนี้ คุณยังพยายาม ที่จะปรองดอง ยังพยายามที่จะยืนอยู่ตรงกลางอีกหรือ ลำพังที่ความคิดที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ดำเนินการให้ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งเป็นคนของ นายเนวิน ชิดชอบ พยายามดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ ด้วยกรณีสนามบินว่า เป็นผู้ก่อการร้ายนั้น แค่นี้ คุณเจอแค่ปัญหาเสื้อแดง คุณยังจะมาแกล้งพวกผมอีกหรือ ทั้งๆที่ข้อเท็จจริง คุณก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าองค์ประกอบผู้ก่อการร้ายไม่มีใดๆทั้งสิ้น

เห็นหรือยัง พี่น้องเห็นการเมืองเมืองไทยหรือยัง บรรดาแม่ยกทั้งหลายเห็นหรือยัง จนวันนี้ยังหลับหูหลับตา เชียร์กันอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลยหรือ

อีกประการหนึ่งเว็บไซต์ Manager online ผู้จัดการออนไลน์ เป็นเว็บไซต์ที่มีอุดมการณ์ จุดยืนที่ชัดเจน เราไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เรายืนอยู่บนความถูกต้อง เรากล้าพูด เรากล้าชี้ ว่าใครทำดี หรือทำไม่ได้ ใครสร้างภาพ หรือไม่ ช่วงหลังๆ ได้มีการจัดตั้งทีมของพรรคประชาธิปัตย์ออกมา เพื่อเข้ามาที่เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ทำไมต้องเข้ามาที่นี่ เพราะเว็บไซต์นี้วันหนึ่งมีคนเข้าประมาณ 2 ล้านคน จำนวนหน้าที่คนดู เดือนละประมาณเกือบ 200 ล้านหน้า เป็นเว็บไซต์ข่าวอันดับ 1 ของประเทศไทย ติดต่อมา 6 ปี ก็เลยเข้ามากระแหนะกระแหนข่าว ข้อคิดเห็นตลอดเวลา และบอกว่า ของเราไม่แฟร์อย่างโน้นอย่างนี้ ผมจะกราบเรียนอย่างนี้ครับ ไหว้อีกที

ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับพวกเรา คุณอย่าเข้ามาอ่านเลย อย่าหน้าด้านเข้ามา ขอร้อง บางทีแอบอ้างว่าเป็นพันธมิตรฯ แล้วหน้าด้านเข้ามาเพื่อที่จะมาด่าเรา หรือว่ามาปกป้องนายกรัฐมนตรี หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วมากล่าวหาเราต่างๆนานา กรุณาอย่าเข้ามา ทำไมคุณไม่ไปเชิญชวนพรรคพวกคุณ แล้วสร้างชุมชนอินเตอร์เน็ตของพวกคุณเอง และไปเชียร์กันให้เต็มที่เลยในเว็บไซต์คุณ เว็บไซต์พันธ์ทิพย์ ห้องราชดำเนิน เขามีพวกเสื้อแดงคุมอยู่ เว็บไซต์ผู้จัดการคนที่เข้าส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อเหลืองทั้งสิ้น คุณไม่พอใจข่าวเรา ความเห็นเรา คุณอย่าเข้ามา กรุณาอย่าหน้าด้านเข้ามา ขอเถอะครับ พูดตรงๆแบบนี้ครับ ผมตรงไปตรงมา

พี่น้องครับ วันนี้จะมีการตอบคำถามท่านผู้ชม คำถามแรกที่อยากจะตอบ คือ ท่านผู้ชมหลายคนได้รับฟังวิหคเรดิโอ บอกว่า เสธ.แดงเป็นสายลับจริงหรือไม่

ผมเล่าประวัติให้ฟังนิดหนึ่ง คุณเทิดศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของวิหคเรดิโอ ที่คุณพ่อโดนพวกเสื้อแดงฆ่าตายนั้น ส่งข่าวออกมาว่า เสธแดง หรือ พล.ต.ขัตติยะ เป็นสายลับให้กับชาติบ้านเมือง ไปอยู่กับทักษิณ เพื่อเปิดโปง ใช่หรือไม่ ผมขอตอบตรงนี้ครับว่า ไม่ใช่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล นั้นซึ่งสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่ข้อเท็จจริงยังปรากฏ พล.ต.ขัตติยะ คือหนึ่งในกลไกสำคัญในการฆ่าพันธมิตรฯ อยู่เบื้องหลังการยิง M-79 รับงานมาจากผู้ใหญ่ ระดับพลเอก 2 คน เพื่อยิงพันธมิตรฯ ยิง ASTV และยิงพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล จนทำให้พันธมิตรฯ ตายไปหลายศพ ฝีมือของเสธ.แดง เพราะฉะนั้นแล้วบอกว่า เสธ.แดง เป็นสายลับไม่ใช่ครับ เข้าใจผิด เสธ.แดง ไม่ใช่สายลับ เสธ.แดงเป็นทหารกระเรวกระราด ที่เวรกรรมมาถึงตัวเอง ทำให้ตัวเองต้องตายก่อนกำหนด แล้วต้องตายแบบ ภาษาพุทธ เขาเรียกว่า ตายโหง ฉะนั้นแล้วอย่าไปเข้าใจผิด ว่า เสธ.แดง เป็นสายลับ ไม่ใช่

คำถามที่ถามมาที่เป็นปึกตรงนี้ครับพี่น้อง พันกว่าคำถาม ถ้าผมเป็นนายกฯ จะจัดการกับเสื้อแดง ขบวนการล้มเจ้าอย่างไร พี่น้องครับ แทนที่จะตอบว่าผมจะจัดการอย่างไร ผมจะตอบว่า การกระทำทุกวันนี้ เป็นการลูบหน้าปะจมูก ไม่ได้จริงใจในการที่จะปราบขบวนการล้มเจ้าจริงๆ และไม่ได้จริงใจเลยที่ปราบคนที่อยู่ในวงการเสื้อแดง เพราะพิสูจน์เห็นได้ชัด ว่ามีการเกี้ยเซี้ย สมยอมกัน มีการตกลงกันก่อนล่วงหน้าเพื่อให้แกนนำเสื้อแดง ตอนสลายนั้น รีบมอบตัวเสีย เมื่อมอบตัวเสร็จแล้วก็ส่งไปอยู่ที่หัวหิน ค่าย ตชด. ค่ายนเรศวร ไปอยู่อย่างมีความสุขสบาย หลักฐานพิสูจน์ชัดเจน ที่ผมพูดนี่ไม่ได้อธิบายว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้เรื่องนะครับ นายอภิสิทธิ์อาจจะไม่รู้เรื่อง แต่ว่ามีการตกลงเกี้ยเซียะกันตลอด และในกระบวนการที่ต่อสู้กันมาตลอดนั้น เป็นกระบวนการของการเจรจากันมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งสู้ ไม่ใช่สู้อย่างเดียว แอบเจรจากันโดยใช้คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เจรจากันหาทางออก รัฐบาลเพียงแต่ต้องการให้เสื้อแดงสลาย เพื่อไม่มีเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความรุนแรง แต่ว่าในขณะเดียวกัน รัฐบาลคิดว่ามองระยะสั้นๆ หรือถ้ามองภาษานักเลง เขาเรียกว่ามองแค่หัวแม่ตีนตัวเอง เอาตัวเองให้รอดพ้นก็พอ เรื่องอื่นไม่อยากยุ่ง ส่วนข้างหน้าประเทศชาติจะฉิบหายยังไง ช่างหัวประเทศชาติไป เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้ยังมีความบริสุทธิ์ใจ ไร้เดียงสา ว่าการเมืองเสื้อแดงแก้ในสภาได้ แก้ได้หรือเปล่าล่ะครับวันนี้ วันนี้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ต้องหาก่อการร้าย ยังเดินบนถนนตามสบาย เข้าไปในสภา นายเฉลิม อยู่บำรุง ยังโกหกหน้าด้านๆ ว่าเสื้อแดงไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่จับอาวุธได้

พี่น้องครับ การขอหมายจับผู้ก่อการร้ายนั้น ศาลอาญา ท่านอธิบดีศาลอาญาท่านมีความระวัง การไปยื่นขอครั้งแรก ท่านบอกว่า ท่านเรียกหมายคืนมาก่อน หลังจากท่านออกไปแล้ว เพื่อขอพิจารณาใหม่ แล้วท่านก็เรียกท่านอธิบดีดีเอสไอเข้าไป เพื่อเสนอ ว่าหลักฐานมียังไง ไหนมาสู้กันใหม่ซิ มาเล่าให้ฟังหน่อยซิ อธิบดีดีเอสไอก็ไป ขนหลักฐานมาให้ดู ยืนยันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาหลักฐานทั้งหมดแล้ว ท่านอธิบดีศาลอาญา ถึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับได้ ซึ่งผมเข้าใจว่ายังมีอยู่ ในการอุทธรณ์อยู่ ทางฝ่ายเสื้อแดงก็อุทธรณ์อยู่ เขาอุทธรณ์เหมือนที่เราอุทธรณ์ในกรณีกบฏ ไม่เป็นไร ก็อุทธรณ์กัน เพราะฉะนั้นแล้ว สิทธิทางกฎหมายทุกคนมีหมด เมื่อสิทธิทางกฎหมายทุกคนมีหมดแล้ว ผมถามต่อ

วันนี้เราต้องให้กำลังใจท่านอธิบดีดีเอสไอ เพราะท่านตั้งใจทำงานเหลือเกิน แต่ผมจะทายไว้ล่วงหน้า สิ่งที่ท่านอธิบดีดีเอสไอทำนั้น ไม่เป็นที่พอใจของผู้บริหารประเทศบางคน เหมือนกับว่าทำเกินไป เพราะว่าผู้บริหารประเทศวันนี้ไม่ได้กะที่จะสู้กับเสื้อแดงหรือพวกกบฏอย่าง จริงจัง ต้องการเพียงแต่ผลัดตัวเอง เอาผ้าเอาหน้ารอด จบ แล้วก็ไปยืนโต้เถียงกันในสภา ให้อีกฝ่ายหนึ่งโกหกในสภา แล้วตัวเองก็มายันในสภา แล้วเอาตัวรอดด้วยการตั้งกรรมการอิสระเพื่อพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั้นใครผิด ทั้งๆ ที่ตัวเองมีอำนาจใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว

สรุปง่ายๆ ทหารเตรียมตัวเจ็บตัว ทหารทั้งหลาย ทหารหาญทั้งหลาย หลังจากตายไปแล้วสิบกว่าคน เพราะความโง่เง่า และความไม่เอาไหนของผู้บริหารศูนย์ ศอฉ.ในขณะนั้น ยังจะต้องตายเพิ่มอีกหลายจากที่ปราบปรามครั้งใหญ่นี้ และทหารจะต้องถูกสอบโดยคณะกรรมการอิสระ ผมจะบอกให้รู้ ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ต้องการที่จะทำอะไร ดำเนินคดีอะไรกับเสื้อแดงให้ถึงที่สุด ที่ทำอยู่ทุกวันนี้เป็นการทำแบบลูบหน้าปะจมูกเท่านั้นเอง การย้ายตำรวจโดยไม่พิจารณาว่าตำรวจปัญหารากฐานอยู่ที่ไหน ก็ไม่กล้าแก้ เหตุผลทำไมถึงไม่กล้าแก้ เพราะถ้าแก้ก็ต้องย้ายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ให้ดูแลตำรวจ ซึ่งนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ไม่กล้าทำ ก็จะปล่อยให้ปัญหาเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วในที่สุดก็ไปต่อปากต่อคำกันในสภา แล้วในที่สุดก็จะไปให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไปโกหกในสภา ให้นายเฉลิม อยู่บำรุง ไปโกหกในสภา ให้พรรคเพื่อไทย ไปโกหกในสภา แล้วก็ให้คนเสื้อแดงที่เดินทางกลับบ้านเปิดทีวีดู แล้วก็ฟัง แล้วก็บอกว่าใช่ๆ นายจตุพรพูดความจริง ใช่ๆ นายเฉลิมพูดความจริง ไม่ใช่ๆ นายอภิสิทธิ์โกหก ไม่ใช่ๆ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โกหก มันก็จะถูกปลูกฝังลงไปลึกมากขึ้นๆ

ไม่ต้องไปดูอะไรไกล มีคนตั้งหลายคนที่จะต้องถูกห้ามทำธุรกรรมทางการเงิน และเป็นพวกฝ่ายซ้ายหลายๆ คน ทำไมไม่มีชื่อ เพราะเบื้องหลังมันมีคนบางคนซึ่งอยู่เบื้องหลัง ศอฉ. วิ่งเต้นให้คนพวกนี้ไม่ต้องโดนยุติเรื่องธุรกรรมการเงิน ผมก็เลยถาม ว่าสรุปแล้วมันเป็นการทำงานเพื่อป้องกันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือทำงานปาหี่เพื่อเอาตัวรอดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าขบวนการเสื้อแดงนั้นมันเป็นขบวนการที่ในทางเปิดใช้ความ รุนแรงปะทะ ในทางปิดลงใต้ดิน ในทางต่างประเทศ ใช้นายใจ อึ๊งภากรณ์ ออกมาด่าสถาบันตลอดเวลา ใช้นายจักรภพ เพ็ญแข เดินสายอยู่เมืองนอกตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันปัญหาพื้นฐานที่ทำให้คนเข้าไปร่วมกับเสื้อแดง รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แก้ไขอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

ปัญหาราคาพืชไร่ ปัญหาทำยังไงที่จะให้ชาวไร่ชาวนา เขาลงแรงลงทุนในไร่นาแล้ว เขาขายออกไปแล้ว หักค่าใช้จ่ายแล้ว หักเงินกู้เขาแล้ว เขามีเงินเหลือที่เขาอยู่ได้ทั้งปี เมื่อได้รับการแก้ น้ำมันที่แพง เพราะว่ามีการขูดรีดกันเป็นขั้นตอน ตั้งแต่โรงกลั่นน้ำมัน มาจนกระทั่งถึงบริษัท ปตท. ก็ยังปล่อยให้มีการโกงกินกันตลอดเวลาโดยนักการเมืองเข้าไปร่วมมีส่วนการโกง กิน น้ำมันก็ยังแพงตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ควรจะลดได้ลิตรละ 2-3 บาทสบายๆ หากไปขจัดขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ รัฐบาลก็ไม่ได้ทำ

พี่น้องครับ ตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้น มันเป็นตัวเลขที่เป็นมายาภาพ ทุกวันนี้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ประชาชนยังจนลง ผมจะพิจารณาให้ดูว่า การแก้ปัญหาของผู้ที่เดือดร้อนจากการชุมนุม เพียงแต่แนวความคิดการแก้ปัญหาก็ผิดแล้ว ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ หรือราชประสงค์ที่ถูกเผา หรือสยามสแควร์ที่ถูกเผา ถามว่าคนเดือดร้อนมี 2 ระดับ ระดับหนึ่งคือชาวบ้าน หาเช้ากินค่ำ ระดับหนึ่ง คือคนชนชั้นกลางที่มีเงินอยู่ทั้งเนื้อทั้งตัว เอาไปเซ้งห้องๆ หนึ่ง เอาเงินไปซื้อของออกมาทั้งชีวิต แล้วของถูกเผาไหม้ไปหมดเลย คนพวกนี้ไม่ได้รับการเยียวยา ได้รับการเยียวยาแค่ 50,000 บาท ไม่ได้รับการเยียวยา คือพูดง่ายๆ ว่ามีปัญหาขึ้นมาก็จ่ายไป 50,000 บาท ทั้งๆ ที่ปัญหาถ้ารัฐบาลกล้าตัดสินใจตั้งแต่ต้น ขบวนการเผาจะไม่เกิดขึ้น แต่เพราะว่าไปยืดเวลามัน ทำให้มีการเตรียมตัวในการเผาได้ รัฐบาลทำตัวเหมือนคนไร้เดียงสา เชื่อว่าฝ่ายเสื้อแดงจะเจรจาด้วยสันติวิธี แต่ปรากฏว่าโดนเสื้อแดงหลอกให้เจรจา เพื่อซื้อเวลาในการสั่งสมขึ้นมา เพราะฉะนั้นการเผาเซ็นทรัลฯ การเผาสยามสแควร์ การเผาโน่นเผานี่ เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจตั้งแต่ต้น ถ้ากล้าตัดสินใจตั้งแต่ต้นแล้ว จะไม่มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

คือถ้าคนจะต้องตาย 88 คนแล้ว ถ้าขยับเสียตั้งแต่ต้น ผมเชื่อว่าคนตายอย่างมากก็ 10-20 คน การเผาบ้านเผาเมืองก็ไม่เกิดขึ้น แต่ทำไม แต่เพราะว่ารัฐบาลไปเชื่อว่าการเมืองต้องไปแก้กันในสภา แล้ววันนี้รัฐบาลเห็นหรือยัง แก้ในสภาแก้ยังไง ลำพังแค่ตำรวจรัฐบาลยังแก้ไม่ได้ อาวุธสงคราม ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ไม่มี วันนี้ใครจะยิงใคร ใครจะเอาระเบิดขว้างใคร กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เดี๋ยวนี้การข่าวที่ยิงผมด้วยปืนประมาณเกือบ 200 นัด กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะมันยิง M79 ทุกวัน ในช่วงประท้วง คำถามมีอยู่ว่า รัฐบาลไม่เคยตั้งคำถาม คือ แล้วอาวุธสงครามพวกนี้มันมาจากไหน อาวุธสงครามพวกนี้มันมาได้ 2 ทาง ทางหนึ่งก็คือว่ามันหลุดออกมาจาก ไม่ทหารก็ตำรวจ แล้วมันหลุดออกมาได้ยังไง คนที่ดูแลทหาร คนที่ดูแลตำรวจ ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ มันหลุดได้ยังไง หัวกระสุน M79 เป็นร้อยๆ หัว มันเหมือนกับสรรพาวุธของคนเสื้อแดง เหมือนกับยกคลังสรรพาวุธหนึ่งคลังย่อยๆ มาวาง ทางที่สองก็คือหลุดมาจากพรมแดน ซื้อขายกัน ทั้งสองทางนี้มันผิดด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองนี้มันต้องปราบ มันต้องเช็ก มันต้องตรวจสอบ

วันนี้อาวุธสงครามที่โผล่มาอย่างนี้ รัฐบาลยังไม่ใส่ใจที่จะมาตอบคำถามประชาชนเลยว่า อาวุธสงครามพวกนี้มาได้ยังไง เห็นหรือยังพี่น้อง พี่น้องต้องรู้นะครับ บ้านเมืองเราวันนี้เหตุการณ์ยังไม่สงบนะ มันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เพราะนายทักษิณพูดชัดเจนเลยว่าพวกเขาลงใต้ดิน จะทำสงครามกองโจร วันนี้เรามีความรู้สึกว่ามันยัง เอ๊ะ มันเงียบนะ มันหยุด มันไม่ได้มีการชุมนุม แต่คุณไม่รู้ว่าระเบิดเวลาอีกหลายลูกกำลังจะเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลทำงานไม่เป็นและไม่เด็ดขาด เพราะรัฐบาลไม่สามารถที่จะจัดการกับกระบวนการตำรวจได้ เพราะตำรวจคือผู้ถือกฎหมาย ถ้าตำรวจเป็นพวกรัฐบาล ถ้าตำรวจทำงานจริง พวกนี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนที่สุด

นายขวัญชัย ไพรพนา นายขวัญชัย สาระคำ คือใคร คือคนซึ่งตำรวจแถวขอนแก่นรู้จักหมด แถวอุดรฯ รู้จักหมด มันมาจากไหน สมัยก่อนเป็นลูกน้องนายธีระชัย แสนแก้ว เป็นคนสุพรรณ ฯไปทำมาหากินทางอีสาน กระจอกงอกง่อย ตำรวจรู้เช่นเห็นชาติ รู้สันดานมันหมดทุกอย่าง แต่วันนี้ตำรวจไมได้เป็นพวกรัฐบาล ถ้าตำรวจเป็นพวกรัฐบาล นายขวัญชัยจะไม่มีวันเจริญเติบโตมาจนถึงวันนี้ ทักษิณ ทำตำรวจให้กลายเป็นตำรวจมะเขือเทศ ย้ายมาจนถึงรัฐบาลชุดพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทำตำรวจมะเขือเทศ บ่มให้มะเขือเทศสุก พอตกมาบนพื้นแตกแดงเถือกไปทั้งถนนเลย

พี่น้องครับ ชาติบ้านเมืองแก้ไม่ได้ด้วยระบบรัฐสภา รัฐสภาแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองไม่ได้ ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะนัดหมายท่านประธานวุฒิฯ ท่านประธานศาลรัฐธรรมนูญ ท่านประธานศาลฎีกา ท่านประธานศาลปกครอง เข้ากราบบังคมทูลรายงานเหตุการณ์ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และขอลาออก มอบอำนาจคืนให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประกาศยุบสภา แล้วลาออก มันจะเกิดสุญญากาศช่องว่าง และไม่มีสภา ไม่มี ส.ส.และมอบอำนาจคืนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อให้ตัดสินใจว่าใครควรจะเข้ามาจัดการเรื่องราวพวกนี้ ทอดเวลาสัก 3 ปี ปล่อยให้ประเทศปฏิรูปทางการเมือง ปฏิรูปตำรวจ ทุกอย่างให้เรียบร้อย นั่นแหละครับ สิ่งที่ควรจะทำ

แต่เชื่อผมเถอะครับเขาไม่ทำหรอก เพราะอะไรรู้ไหม อัตตาสูง อยากจะเป็นนายกฯ อยากจะเป็นรัฐบาลต่อไป ยังไม่ทันไรเลย แค่นายกฯ รัฐมนตรีบอกว่า จะมีการปรับ ครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคภูมิใจไทยออกหลายแล้วบอกโควต้าผมไม่ยุ่ง อย่ามาแตะผม เห็นไหม ผลประโยชน์ใช่ไหมพี่น้อง นักการเมืองทุกวันนี้เป็นผลประโยชน์ทั้งหมด ถ้านักการเมืองยังไม่เลิกทำตัวเป็นแมลงสาบ ชาติบ้านเมืองจะพินาศฉิบหายรู้ไป

ผมเคยพูดคราวที่แล้ว ว่าประเทศนี้ บ้านนี้เมืองนี้มันฉิบหายทุกวันนี้ เพราะนักการเมืองเท่านั้น ไม่รู้หน้าที่ของการเมือง เอาเงินซื้อตำแหน่งหน้าที่มา แล้วกอบโกยผลกระโยชน์ของตัวเองหมด

พี่น้องครับ ลำพังแค่การย้ายสนามบินดอนเมือง นายกรัฐมนตรีท่านยังไม่กล้าตัดสินใจเลย นับประสาอะไรกับการแก้ปัญหาใหญ่ๆ อย่างปัญหาตำรวจพวกนี้ นายกฯ จะกล้าตัดสินใจ นายกฯ เพียงแต่บอกว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการย้ายดอนเมืองกลับไปที่สุวรรณภูมิ เมืองไทยควรจะมี 2 สนามบิน พูดแค่นี้ โดน นายเนวิน โดนพรรคภูมิใจไทยตวาดเเว้ดเท่านั้น เงียบสนิทเลย แล้วการเมืองมันแก้ได้ด้วยการเมืองหรือเปล่าแบบนี้ มันแก้ไม่ได้พี่น้อง

ประชาชนลำบากมากขึ้นในการเดินทาง ต้นทุนของการเดินทางสูงขึ้น สายการบินก็ไม่สะดวก เพียงเพราะว่านักการเมืองบางคนมีผลประโยชน์กับสนามบินสุวรรณภูมิ กับคนซึ่งทำธุรกิจในสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วบังเอิญนักการเมืองคนนี้ กลายเป็นคนซึ่งนายสุเทพ บอกว่า ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเรา นั่นคือ ถ้าไม่มีเนวิน ชิดชอบ ไม่มีพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีรัฐบาลวันนี้ กลายเป็นว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นหนี้บุญคุณพรรคภูมิใจไทยและนายเนวิน ชิดชอบ แต่ไม่เคยเป็นหนี้บุณคุณประชาชน ไม่เคย เห็นหรือยังครับพี่น้อง ชัดเจนไหม ผมนึกว่าผมมองข้ามทักษิณ ชินวัตร ไปแล้ว ผมมองข้ามคุณอภิสิทธิ์ เรียบร้อยแล้ว

คุณอภิสิทธิ์ ในภาษา มันมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งพี่น้อง ในวงการมวย สมัยก่อนคนผิวขาวเก่งร็อกกี้ ราเซียโน แต่ตอนหลังคนผิวดำขึ้นมาต่อยชนะคนผิวขาวเลยกลายเป็นกว่าคนผิวขาวตกไปหมดไม่ มีสิทธิ์ที่จะขึ้นมาชกชิงแชมป์ตำแหน่งเฮฟวี่เวทได้ ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีคนผิวขาวคนสุดท้ายที่เกิดฟิตขึ้นมา แล้วเป็นความหวังของคนผิวขาว ออกมาเต้นฟุตเวิร์กแล้วสู้ ภาพยนตร์เรื่องนี้คือเรื่อง The Last White Hope ก็คือว่าความหวังของคนผิวขาวคนสุดท้าย คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือความหวังของพรรคประชาธิปัตย์คนสุดท้าย หมดจากนี้ไปแล้ว พรรคประชาธิปัตย์มีแต่ล่มสลาย และจะไม่มีเหลืออีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องยุบพรรคหรอกครับ อีกหน่อยก็จะไม่เหลือแล้ว ผมพูดในฐานะที่ผมเป็น นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผมไมได้พูดในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ หรือใครๆทั้งสิ้น

คุณอภิสิทธิ์ คือ The Last White Hope ,The Last ประชาธิปัตย์ Hope ความหวังครั้งสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ ผมยังอยากเห็นคุณอภิสิทธิ์ ลุกขึ้นมากล้าเสนอปรับ ครม. เปลี่ยนคุณสุเทพ และตัวเอง เอารองณ ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ มาเป็นรองนายกณ ดูแลตำรวจ มาสังคยานาตำรวจ ถ้าอย่างนั้นแล้ว แสดงว่าคุณอภิสิทธิ์ ยังมีความกล้าหาญอยู่ แต่ถ้าคุณอภิสิทธิ์ ยังใช้เหมือนเดิมๆเเสดงว่าคุณอภิสิทธิ์ ก็คือนักการเมืองรุ่นเก่านั่นเอง ไม่ได้มีอะไรใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว ดีอยู่อย่างเดียวคือพูดเก่ง หน้าตาดี มีเสน่ห์

ขอบพระคุณครับพ่อแม่พี่น้อง แล้วเจอกันวันศุกร์หน้า


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000073858
read more ""สนธิ" สาวไส้เน่า ตร. "เทพประทาน"ตัวทำลาย-แนะ รบ.คืนพระราชอำนาจ / สนธิ ลิ้มทองกุล 28 พฤษภาคม 2553"

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พี่ครับ ผมรู้... / ความคิดเห็นที่ 28 - 27 พฤษภาคม 2553 -

1. พี่เห็นพี่มาร์คเขาแก้ไขปัญหาได้ พี่ป่วนยังไงก็ไม่สำเร็จ คะแนนนิยมเขากลับมา พี่อิจฉาจนไข่บวม ผมรู้....

2. พี่เห็นภาพคนกรุงออกมาทำความสะอาด เก็บขี้ควายที่พรรคพวกพี่ถ่ายกันเอาไว้ เห็นความสามัคคีของคนในชาติ เห็นฟ้าหลังฝน พี่ไม่ต้องการ ผมรู้....

3. พี่ด่าทหาร เพราะทหารเขาเอาจริงกับพี่ ทหารเป็นทหารของพระราชา ทหารของพี่เจอสกัดทำอะไรไม่ได้ พี่โกรธแค้น ผมรู้...

4. พี่จ้าง lobbyist จ่ายตังค์ columnist สำนักข่าว ตปท กะเล่นงานรัฐบาลและประเทศให้ล่มจม แต่ทหารเขาแก้เกมเป็น เขาเอาทูตทหารและจนท สื่อ ตปท มาดูหลักฐาน แถลงการณ์ของเขาเข้าท่า PowerPoint เขาทำมาดี แถมมีล่ามแปลทุกภาษา ทั่วโลกก็เลยเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น พี่งุนงง นึกว่าประเทศนี้มีคนเก่งแค่ตัวพี่ พี่รับไม่ได้เสียตังค์ไปแล้ว ข่าวของพี่โดนคนไทย comment ถล่ม จนต้อง remove ออกจากหน้าเว็บ เสียทั้งใจ เสียทั้งตังค์ พี่เก็บกด ผมรู้...

5. พี่ไม่พอใจ DSI เพราะเขาเล่นงานพี่จริง เพราะหน่วยงานนี้ไม่มีตำรวย มะเขือเทศแดงทั้งแผ่นดินของพี่ เข้าไปซ่อกแซกได้ พี่ทำอะไรไม่ได้ ดูเขาเก็บหลักฐานเล่นงานตัวพี่กับสมุนปัญญานิ่มของพี่ทุกวัน พี่ทำปากดีไปด่าเขา จริงๆกลัวเขาจนไข่สั่นอะดิ ผมรู้...

6. พี่เคียดแค้น รมต กษิต เพราะเขาเล่นตามพี่ทุกฝีก้าว พี่ไปอยู่ไหน เขาก็ทำหนังสือให้ไปไล่พี่ออกนอกประเทศนั้นๆ ไม่มีที่จะอยู่ กลายเป็นรายการ reality สัมภะเวสี พี่เจ็บใจ ไปด่าเขาว่า วันๆไม่ทำอะไร ตามดมตูดพี่อย่างเดียว ไม่แก้ปัญหาอื่นๆของประเทศ แต่จริงๆปัญหาอื่นเป็นเรื่องขี้มด เมื่อเทียบกับปัญหาที่พี่สร้างไว้ พี่หนะไม่รู้ตัวเลย แต่ผมรู้...

7. พี่โจมตีประเทศ ทำลายภาพลักษณ์สาระพัด เพื่อให้เศรษฐกิจมันย่อยยับ คนหนีไปลงทุนที่อื่น กะดูความพินาศฉิบหายของบ้านเมือง ใช่...นักลงทุนก็กำลังหนีไปที่อื่นกัน แต่ รมต กรณ์ เขาแก้เกมเป็น เขาส่งสัญญาณ ลดกำแพงภาษี แบบ Thailand grand sale ให้นักลงทุนต่างขาติ มีเหรอมันจะไม่สนใจ พี่ก็นักลงทุนนี่ พี่น่าจะเข้าใจ เรื่องแปลงวิกฤตเป็นโอกาส ตอนนี้ก็เริ่มกลับหลังหันยืนยิ้มเตรียมจูบปาก นักลงทุนมันบอกว่า ถ้าตัวพี่มีอันเป็นไป หรือไปนอนในคุกได้วันไหน มันจะไปชวนเพื่อนๆแห่กันมาทั้งโลกเลยด้วยซ้ำ เพราะ zone นี้ ไม่มีประเทศไหนน่าลงทุนเท่าประเทศไทยแล้ว พี่จะรู้ไหมผมไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ผมรู้...

8. พี่เอาสมัครมาอ้าง ตอนเขาจะตายไม่เคยดูดำดูดี เสร็จงานพี่ก็ฆ่าโคสึก พี่หมักเขาปากร้าย ใจเขาไม่เท่าไหร่ ที่สำคัญเขารัก... เขาไม่เล่นด้วยหลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบัน ผมรู้นะข้อหลังพี่ไม่พอใจเขา พี่ก็เลยเอาน้องเขยมาเสียบแทน แหม....ทำกับเขาไว้เยอะ ยังจะเอาชื่อเขามาอ้างโจมตีคนอื่นอีก พี่หมักเขารอพี่อยู่ หมดบุญเมื่อไหร่ ได้ไปเคลียร์กันต่อแน่ ผมรู้...

dvvb

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000073262
read more "พี่ครับ ผมรู้... / ความคิดเห็นที่ 28 - 27 พฤษภาคม 2553 -"

แฉเส้นทางทนายโจร โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2553

ชื่อของ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ปรากฏต่อสังคมไทยหลังจากที่ ปีศาจทักษิณ ออกมาเปิดเผยถึงการว่าจ้าง บริษัทอัมสเตอร์ดัม แอนด์ พีรอฟฟ์ เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายในต่างประเทศ โดยระบุวัตถุประสงค์เสียสวยหรูว่า มีหน้าที่ช่วยฟื้นฟูประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมในประเทศไทย

แต่แท้จริงแล้วเป้าหมายในการจ่ายครั้งนี้ ก็เพียงเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยในทุกวิถีทาง ให้ต่างประเทศเกิดความเข้าใจผิดต่อสถานการณ์การเมืองในไทย พลิกสถานการณ์จากผู้ต้องโทษคดีทุจริตในไทยกลายเป็นนักต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตย

และเมื่อ ปีศาจทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหาฐานก่อการร้าย บริษัทนี้ก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มข้นในการกล่าวหารัฐบาลไทยว่า ยัดเยียดข้อหาให้กับ ปีศาจทักษิณ แถมยังข่มขู่อย่างมีนัยยะสำคัญด้วยว่า

ข้อหาผู้ก่อการร้ายจะทำให้ความปรองดองในไทยไม่สัมฤทธิ์ผล!!!

นั่นเท่ากับว่า อัมสเตอร์ดัม ยอมรับอย่างเป็นทางการว่า สถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศไทยเชื่อมโยงกับ ปีศาจทักษิณ และความปรองดองในประเทศไทยจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับ ปีศาจทักษิณ มิใช่การเคลื่อนไหวโดยลำพังของมวลชนอย่างที่มีความพยายามกล่าวอ้าง

ถ้อยแถลงรีบด่วนที่ออกมาล่าสุดของ อัมสเตอร์ดัม จึงน่าจะมีผลในทางลบมากกว่าในเชิงบวก ตามที่ ปีศาจทักษิณ มุ่งหวัง แม้ว่าบริษัทนี้จะทำงานได้อย่างน่าพอใจ ที่ทำให้ ปีศาจทักษิณ กลับมาเคลื่อนไหวในประเทศอารยะได้มากขึ้น โดยล่าสุดไปทำให้ฝรั่งเศสแผ่นดินทรุด ก่อนจะเผ่นป่าราบกลับไปเป็นพลเมืองมอนเตนิโก หลังจากที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับในข้อหาผู้ก่อการร้าย

น่าติดตามว่า ปีศาจทักษิณ จะได้รับผลตอบแทนจากการจ่ายราคาแพงให้กับ อัมสเตอร์ดัม ได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ เพราะข้อหาอุกฉกรรจ์ฐานก่อการร้ายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพลิกสถานการณ์ให้ปีศาจทักษิณให้เป็นผู้เบริสุทธิ์ใน สายตาของชาวโลก
เพราะ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมเอง ก็เคยประสบความล้มเหลวในการทำหน้าที่ที่ปรึกษากฎหมายมาแล้ว และการทำหน้าที่ทนายความเช่นจะเล่าต่อจากนี้ เมืองไทยเรียกทนายความแบบนี้ว่า “ทนายโจร”

เช่นคดีของ นายมิคาอิล โคดอร์ฟสกี้ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย อดีตเจ้าของยูคอส บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ที่ถูกกล่าวหาฐานฉ้อโกง เลี่ยงภาษีในปี 2546 ในสมัยที่ นายวลาดิมีร์ ปูติน เป็นประธานาธิบดี โดยในขณะนั้น นอกจาก อัมสเตอร์ดัม จะล้มเหลวในการแก้ต่างให้ลูกความของตัวเอง จน นายโคดอร์ฟสกี้ ถูกพิพากษาจำคุกที่เรือนจำในไซบีเรียนานถึง 8 ปีแล้ว ตัวของอัมสเตอร์ดัม ยังติดร่างแหถูกรัฐบาลรัสเซียยกเลิกวีซ่าและขับเขาออกนอกประเทศอีกด้วย ส่วนบริษัทยูคอส ก็ถูกยึดทรัพย์จนอยู่ในฐานะล้มละลาย

หากพิจารณาถึงประวัติการทำงานของ อัมสเตอร์ดัม จะพบว่า การทำหน้าที่ในฐานะทนายความให้กับ โคดอร์ฟสกี้ กลับไม่พบว่าเขามีบทบาทในการแก้ต่างให้กับลูกความในศาลรัสเซียอย่างที่ควรจะ เป็น แต่สิ่งที่เขาทำอย่างเป็นระบบคือ การสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับ โคดอร์ฟสกี้ในเวทีระหว่างประเทศเสียมากกว่า ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า อัมสเตอร์ดัม ทำหน้าที่ล็อบบี้ยิสต์มากกว่าการเป็นทนายความให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย

อัมสเตอร์ดัม ใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อทำให้คดีของอดีตมหาเศรษฐีน้ำมันรัสเซียรายนี้เป็นที่ สนใจของคนทั้งโลก ด้วยการสร้างภาพว่าลูกความของเขาตกเป็นเหยื่อของอำนาจรัฐ โดยแปรสภาพคดีฉ้อโกง เลี่ยงภาษีให้กลายเป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับเสรีภาพของประชาชน ป้ายสีให้รัฐบาลรัสเซียอยู่ในสภาพของรัฐที่กดขี่ใช้อำนาจเอาเปรียบประชาชน ผ่านการใช้สายสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ซีเอ็นเอ็น หนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัล ไฟแนลเชียลไทม์ วอชิงตันโพสต์ และ ฟอกซ์ นิวส์

เป็นกลยุทธเดียวกับที่นำมาต่อสู้ให้ ปีศาจทักษิณ ไม่มีผิด โดยเราจะเห็นได้จากความผิดปกติในการเสนอข่าวสารของสื่อต่างประเทศหลายแขนงใน การให้ร้ายประเทศไทย ยกย่องการต่อสู้ของกบฏแม้วแดง บิดเบือนข้อเท็จจริงให้ผู้ก่อการร้ายเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งดูจะได้ผลในการสร้างความสับสนต่อนานาชาติถึงสถานการณ์ในไทยได้ในระดับ หนึ่ง

แต่สุดท้ายความจริงที่ปรากฏชัดเจนว่า ผู้ชุมนุมกระทำผิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชนของเพื่อนร่วมชาติอย่างกว้างขวาง แถมยังมีกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธโจมตีทหารอย่างเป็นระบบ ก็เป็นหลักฐานชิ้นดีหักล้างคำโกหกและภาพลวงตาที่ อัมสเตอร์ดัม และปีศาจทักษิณ พยายามสร้างขึ้น ทำให้ภารกิจในการดึงสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยล้มเหลว

มาวันนี้ ปีศาจทักษิณ สะสมแต้มการก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้น ก้าวเทียบชั้นบิลลาเดนในฐานะผู้ก่อการร้าย ยิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่ อัมสเตอร์ดัม จะพลิกสถานการณ์ให้กับ ปีศาจทักษิณ กลับมาเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกรัฐบาลกระทำการกลั่นแกล้ง เพราะความจริงมันแจ่มชัดว่า

ปีศาจทักษิณผู้ก่อการร้าย คือคนที่เผาบ้าน เผาเมือง ทำลายแผ่นดินเกิดของตัวเองอย่างเลือดเย็น

ว่ากันว่า ตัวเลขที่ปีศาจทักษิณ ทุ่มจ่ายให้กับ อัมสเตอร์ดัม อาจสูงถึง 50 ล้านบาทต่อปี โดยก่อนหน้านี้ ปีศาจทักษิณเคยว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 บริษัท เริ่มจากการว่าจ้าง บริษัท บาร์บูร์ กริฟฟิธ แอลด์ โจเจอร์ หรือ บีจีอาร์ ปลายปี 2549 หลังจากที่เขาถูกโค้นอำนาจจากการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน

จากนั้น ปีศาจทักษิณ ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ บริษัท เบเกอร์ บ็อตตส์ และ บริษัท EDELMAN ซึ่งมีการเปิดเผยถึงตัวเลขค่าใช้จ่ายที่มีการรายงานต่อวุฒิสภาสหรัฐตาม กฎหมายการเปิดเผยข้อมูลการล็อบบี้ คศ.1995 เฉพาะในส่วนของ บริษัท บีจีอาร์ ในปี 2550 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 920,000 ดอลลาร์ หรือ เกือบ 35 ล้านบาท โดยหากใช้ตัวเลขนี้เป็นฐานคิดก็เท่ากับว่า ปีศาจทักษิณใช้ 3 บริษัท สร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเองในปี 2550 ปีเดียว ต้องสูญเงินไปแล้วเกือบ 100 ล้านบาท ยังไม่นับรวมกับที่กำลังจ่ายเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างภาพลวงตาให้ปีศาจ ทักษิณกลายเป็นมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง

บ่วงกรรมที่บีบรัด ปีศาจทักษิณ ในวันนี้ คงไม่มีใครไปช่วยตัดกรรมให้กับปีศาจตนนี้ได้ เพราะสำนึกผิดสักนิดก็ยังไม่เคยปรากฏ มีแต่จะสร้างกรรมชั่วทำร้ายแผ่นดินเกิดของตัวเองอย่างโหดเหี้ยม จุดจบของปีศาจทักษิณคงจะเป็นไปตามคำเทศก์ของหลวงตามหาบัวตั้งแต่ปี 2548 ที่ว่า

เราสลดสังเวชนะรัฐบาลชุดนี้ เฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี (ปีศาจทักษิณ) เราช่วยเต็มเหนี่ยว ครั้นเป็นนายกขึ้นมานี้แล้ว มันไม่ได้หันหน้ามามองดูอาจารย์มันเลย อาจารย์มันอีตาบัว หลวงตาบัว มันมองหาตั้งแต่ก๊กแต่เหล่าแต่พรรคแต่พวกที่จะยึดอำนาจ กวาดเอาสมบัติเงินทองมาเป็นเศรษฐี เลยมหาเศรษฐีเข้าไปอีก แล้วมันก็ตายกองกันอยู่ในสมบัตินั่นแหละไม่เกิดประโยชน์อะไร

เพราะฉะนั้นเราสลดสังเวช เวลานี้ก็เตือนรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะพาคนทั้งประเทศนี้ผิด เพราะอาจเอื้อมเอาเหลือเกินจะเป็นประธานาธิบดี รัฐบาลนี้ไม่มีป่าช้าเหรอ ถามดูซิน่ะ เวลาตายแล้วก็จะถูกเผาไฟเหมือนกัน

ทักษิณ จะไม่มีแผ่นดินอยู่ สมบัติก็จะรักษาไว้ไม่ได้ แม้กระทั่งชีวิต ของมันด้วย

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072909
read more "แฉเส้นทางทนายโจร โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2553"

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คำแนะนำ ที่สำคัญ น่าสนใจ ถึง ศอฉ กับทุกท่าน (Updated Version 1.3 -26 May 10) เพิ่มข้อ 9-11 ครับ สำคัญด้วย !! / ความคิดเห็นที่ 87 - 26 พ.ค. 2553

……………………………………………………………..

1.- อยากเห็นลิสต์รายชื่อ ของอาวุธทั้งหมด ของกลุ่มก่อการร้าย

จำนวน และลักษณะ สถานที่พบ ผู้พบ

ถ้าให้ดี ทำเป็นภาษาอังกฤษและ ภาษาอื่น ๆ ด้วย ส่งให้สื่อทั้งโลกเลย

2.- เอาคำสารภาพของ เมธี แกนนำระดับล่างบางส่วน และเสื้อดำบางส่วนที่ยอมสารภาพ

เอาเน้น ๆ เรื่องอาวุธ กับผู้บงการเป็นพิเศษ

เปิดออกมาบ้างครับ ทำเป็นเอกสารทางการ เพื่อที่จะให้สื่อมวลชน
และ ประชาชนทั่วไปได้เข้าใจมากขึ้น

เช่นเดียวกัน คือเอาภาษาอังกฤษและ ภาษาอื่น ๆ ด้วยครับ

3.- ศอฉ ควรจะขอความร่วมมือของสื่อมวลชน ตปท ที่มาทำข่าว ขอรูปต่าง ๆ

และภาพเคลื่อนไหว ที่มีอาวุธ การใช้อาวุธ ผู้ใช้อาวุธทั้งใน และนอกราชประสงค์
เพื่อค้นหา เชื่อมโยงการกระทำผิด ผู้กระทำผิด ให้ดีขึ้นด้วย

อาจจะให้มีการ ถกปัญหา แลกเปลี่ยนทัศนะกันไปมา

4.- ก่อนที่จะลืม การขอความร่วมมือทุกรัฐบาล ในการต้อนแม้วเข้าคอกนั้น

รัฐบาลเปิดเผยทุกชื่อที่แม้วใช้ในทุกพาสปอร์ตด้วย
อย่าให้ไปเฉพาะชื่อทักษิณ เพราะมันคงมี 10 ชื่อ

5.- ทำ Facebook หรือ Website ต่อต้านการก่อการร้าย โดนลงใบหน้าของ

ขบวนการการก่อการร้าย ทั้งหมด ที่โดนหมายจับ รวมทั้งไอ้แม้วด้วย
ให้คนทั้งโลกเข้ามายลโฉม ผู้ที่มีส่วนในการเผา “เซ็นทรัลเวิร์ด”

ถ้าเข้าประเทศไหน ขอให้คนในโลกนี้ แจ้งทางการไทยด้วย

6.- พีทีวี มีส่วนในการโกหก หลอกลวง ปลุกปั่นหรือไม่ครับ นายก

ถ้ามีส่วนในการยุยงให้เผา ก่อการร้าย แล้วรัฐบาลควรแจ้งข้อหาให้หรือไม่

รายการถ่ายทอดที่นายตู่ นายเต้น นายกี้ ยุยงให้เผามีการออกอากาศซ้ำไปมา
ถือว่า เป็นการยุยงได้หรือไม่ เพราะไม่ใช่การออกอากาศสด
วันนี้ รัฐบาลจัดการไปถึงไหนแล้ว แล้วถามว่าสื่อที่ยุให้เผาบ้าน เผาเมือง
ควรเรียกว่า “สื่อ” หรือไม่ อันนี้ ต้องถามช่อง 3 ฮา

7.- ถ้าเสื้อแดง ต้องการออกฟรีทีวี ขอเสนออย่างตรง ๆ เลยว่า
รัฐบาลควรให้ออกได้ แต่ต้องออกพร้อม พธม ครับ
และ ควรมีคนกลาง ๆ ที่เป็นเสื้อหลากสีเข้าไปด้วย
อ้อ เอานักวิชาการ สันติวิธี(ยกเว้นการเผาเมือง) ไปออกด้วยก็ได้

ทาง พธม ควรจัดส่งคนที่ไปต้อนฝูงควายเข้าคอก จัดไปอย่าให้เสีย
เอาให้กลับเข้าคอกไม่ทัน พูดตรง ๆ อยากเห็นมานานมากแล้ว
รำคาญพวกพูดด้านเดียว พูดไม่มีตรรกะ แถไปเรื่อย ๆ 9ล9
ASTV และ พธม มีนักพูด นักวิชาการ พิธีกร เก่ง ๆ ทุกคน (พูดจริง ๆ )
ผมว่า เราจับฉลากกันไปยังได้เลย เชื่อไหม

ขอให้นายก สั่งสาทิตย์ จัดมาสักดอก เอาแจ่ม ๆ เลย
ออกมันทุกสัปดาห์ ต่อจากรายการนายกพบ ปชช ไปเลย
รับรองว่า เรตติ้งจะดีที่สุด ฉุดรายการนายกเป็นรายการยอดนิยมไปด้วยเลย
โฆษณา จะจองกันไม่ขาดสาย เจ้าของรายการจะรวยเละ (ขอ % ให้เจ้าของไอเดียด้วยนะ ฮา)

เชื่อใจ ความคิดผมได้เลย ในข้อนี้

8.- ต่อยอดจากข้อ 7 ว่าแล้วก็ได้ไอเดียเด็ดอีกอัน ให้นักข่าว ตปท ทำรายการอีกอัน
เป็นภาษาอังกฤษ แล้วเชิญ คนจากข้อ 7 มาฉะกันต่อในภาษาอังกฤษอีกรอบ
เจ้าภาพจะเป็นใครก็ได้ ทำมันทุกสัปดาห์ จะออกช่องไหนก็ได้ ฟรีทีวี BBC CNN Nation ASTV

วันดีคืนดี ให้เชิญไอ้แม้วมาออกทางโฟนอิน ต่อให้มันยก มาทั้งโขยงเลย
มาเจอกับ “นายกมาร์ค คุณสนธิ อ. เจิมศักดิ์ คุณสุทธิชัย หยุ่น”

ให้เวลา 3 ชั่วโมง ถ่ายทอดสดทั่วโลก ดูซิมันจะกล้าไหม !!

9.- อันนี้ สำคัญที่สุดของวันนี้ นายกต้องทำ เพื่อเป็นการไถ่โทษ ที่ปล่อยให้มีการล้างสมอง
คนเป็นล้าน ๆ ให้กลายเป็นฟายแดงติดเชื้อบ้าได้ขนาดนี้

รีบไปปรึกษา จิตแพทย์ นักจิตวิทยาที่เก่ง ๆ เรื่องการล้างสมอง
มาจัดการ กับพวกเสื้อแดง ที่ดูพีทีวี มานานจนเข้าขั้น “ติดยาเสพติด”

การที่รัฐบาล ปล่อยให้มีการล้างสมองอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยไม่ควบคุมให้ดีพอ
มันก็เหมือนให้ลูกเรา ไปลองกินเหล้า สูบบุหรี่ แล้วเราไม่เตือนให้ดี ไม่ปรามให้ดี
วันหนึ่ง มันก็เลยลองเสพยาบ้า แล้วต่อด้วยยาไอซ์ แล้วต่อด้วยผงขาว
เพียงเพราะ พ่อแม่ ไม่ควบคุมดูแลให้ถูกวิธี ไม่ตั้งกรอบให้ชัดเจน

“ปล่อยปละละเลย จากทีวีธรรมดา จนมันปลุกระดม ล้างสมองคน มาตั้งนาน”

ก็เหมือน

“ปล่อยให้สูบบุหรี่ จนกลายเป็นผงขาว มาตั้งนาน จนติดงอมแงม แล้วค่อยบอกว่า เลิกเถอะ”

ตอนนี้ นายกต้องไปหา “มืออาชีพมาบำบัดพวก โดนล้างสมอง” อย่างด่วนเลย
อยากรู้ว่า พวกโดนล้างสมองเป็นอย่างไร ส่งคนไปแอบถ่ายที่ไหนก็ได้
พวกเสื้อแดง จะพ่นประโยคเดิม ๆ ออกมาหมด นิยายเรื่องเดียวกันเดะเลย

10.- ให้นายก ฝากคุณปณิธาน เชิญ แดง ริเวอร์ ของ see the end (CNN) มาสัมภาษณ์หน่อย

จะฝากถามว่า What’s the heck do you think to say something bullchit like that?
Can you guarantee that Red army got no weapon?
… Etc …

11.- คุณสมพร เสนอมาว่า น่าจะตั้งค่าหัวแม้ว ผมว่าอันนี้รัฐบาลคิดอยู่ครับ
ลองดูความเหมาะสม หรือความเป็นไปได้ ก็ได้ครับ
แกนนำคนอื่นที่หนี ก็ควรจะมีครับ ให้มันอยู่ไม่สุข ต้องคอยหนีไปเรื่อย ๆ

…………………………………………………….

วันนี้ นึกออกแค่นี้ครับ

แต่น่าจะเป็นไอเดียที่ดี และน่าจะ Practical บางข้อด้วย

หวังว่า คงถึงมือนายก หรือ ศอฉ ตามเคยนะครับ

ปล. ชอบมีคนแซวว่า ทำไมว่างงานจัง ? ขอตอบว่า งานประจำก็มีครับ ไม่ยุ่งมาก
ช่วงนี้ประเทศสำคัญกว่า เลยต้องร่วมด้วยช่วยกันครับ

……………………………………..

จาก ผมเอง DrKon
ประธานชมรม การใช้กลยุทธ์ในการต่อต้านคนขายชาติ

.
DrKon
read more "คำแนะนำ ที่สำคัญ น่าสนใจ ถึง ศอฉ กับทุกท่าน (Updated Version 1.3 -26 May 10) เพิ่มข้อ 9-11 ครับ สำคัญด้วย !! / ความคิดเห็นที่ 87 - 26 พ.ค. 2553"

อนาคตของทักษิณ ชินวัตร ไปไม่ถึง กลับไม่ได้ / ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2553

"ท่าทีของสหรัฐอเมริกา ที่แสดงผ่านแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ท่าทีของอียู ของอาเซียน และล่าสุดคือ ท่าทีของวุฒิสภา สหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนแผนปรองดองแห่งชาติ และการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี อีกทั้งยังประณามความรุนแรงที่กลุ่มเสื้อแดงเป็นผู้สร้างขึ้น เป็นสัญญาณว่า แผนโลกล้อมประเทศของ นช. ทักษิณ ล้มเหลว พังทลายโดยสิ้นเชิง และทำให้สถานะของเขาในโลกกว่างใบนี้ ยากลำบากยิ่งขึ้น จะกลับไปดูไบก็ต้องอยู่เฉยๆ เคลื่อนไหวไม่ได้ จะตระเวนอยู่ในยุโรป โดยใช้ชื่อปลอม ใ ช้พาสปอร์ตมอนเตรนิโกร หรือนิคารากัว ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถทำได้ แต่เมื่อกลายเป็นผู้ก่อการร้ายแล้ว จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับตัว หรือถูกขับไล่ออกนอกประเทศ"

หนึ่งสัปดาห์ผ่านพ้นไป หลังจากรัฐบาลและกองทัพ ตัดสินใจลงมือปฏิบัติการ กระชับวงล้อม ขอพื้นที่คืน เหตุการณ์บ้านเมืองดูเหมือนจะคืนสู่ความปกติสุขได้เกือบทั้งหมดแล้ว แม้จะยังคงมาตรการห้ามออกนอกบ้าน เคอร์ฟิวส์ ระหว่างสองยามถึงตี่สี่เอาไว้ แม้จะมีการคาดการณ์จากผู้รู้ทั้งหลายว่า ศึกบนดินจบแล้ว แต่สงครามใต้ดินเพิ่งจะเริ่มต้น แต่ ณ นาทีนี้ต้องถือว่า รัฐบาลควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

แนวร่วมเสื้อแดง ทั้งนักวิชาการ สื่อบางค่าย อยู่ในอาการพูดไม่ออก ไปไม่เป็น เพราะตกอยุ่ในอารมณ์อกหัก ผิดหวัง กับจุดจบของสถานการณ์นี้ อารมณ์ที่ค้างกันมาตั้งแต่ 6 ตุลาคม2519 ก็ยังต้องค้างเติ่งต่อไป สมทบด้วยอาการใหม่ คือ เมาค้าง หรือแฮงก์โฮเวอร์ เพราะคาดหวังกับ ม็อบเสื้อแดงมากเกินไป

คงจะต้องใช้เวลาอี กพักใหญ่ กว่าจะปรับอารมณ์ เปลี่ยนจุดยืน คว้าเสื้อคลุมตัวใหม่มาสวม ระหว่างนี้ ก็หากินกับศพในวัดปทุมวนารามไปพลางๆก่อน

สำหรับ ตัวการใหญ่ นช. ทักษิณ ชินวัตร หลังศึกเผาบ้าน เผาเมืองครั้งนี้แล้ว ต้องถือว่า ขาดทุนป่นปี้ อาการหนักกว่าเดิม แผนการที่จะเอาโลกมาล้อมประเทศ ดึงต่างชาติมาแทรกแซง เป็นคนกลางเจรจาทวงคืนอำนาจ ที่กุนซือใหญ่ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ชี้ช่องให้ นอกจากจะล้มเหลวแล้ว ยังกลายเป็นว่า ตัวเองกำลังจะถูกประชาคมนานาชาติ ไล่ล่าเสียเอง หลังจากถูกศาลอาญาออกหมายจับ ข้อหาก่อการร้าย

อาการ สติแตก สั่งทนายทั้งไทย ทั้งเทศ ออกแถลงการณ์ ตอบโต้ ทันที่ทีศาลอนุมัติ หมายจับ ตามคำขอของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การทวิตเตอร์อย่างถี่ยิบกว่าปกติ มันฟ้องว่า การถูกตั้งข้อหาผู้ก่อการร้าย เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา ลำพังแค่สถานะนักโทษหนีคดี ก็ทำให้หาที่อยู่ที่ยืนในโลกนี้ได้อย่างยากลำบากแล้ว ต่อไปนี้ จะต้องหาที่ซ่อนตัวให้ดีๆด้วย

เพราะความผิดฐานผู้ก่อการร้ายนั้น เป็นอาชญากรรมสากลที่ประเทศต่างๆ มีข้อตกลงว่า จะร่วมมือกันป้องปราม สกัดกั้น โดยไม่เลือกว่า ผู้ก่อการร้ายนั้น จะถือสัญชาติอะไร ไปก่อการร้ายที่ไหน เจอที่ไหนต้องแจ้งเบาะแส หาทางจับตัว ส่งมาต่อสู้คดี พิสูจน์ความบริสุทธิ์ที่ประเทศไทย

ในขณะที่ข้อหาคอร์รัปชั่น มีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น เป็นเรื่องภายใน ที่แต่ละประเทศจะมีนโยบาย ท่าทีการปฏิบัติต่อที่แตกต่างกันไป ความร้ายแรง ความหนักหนาสาหัสของข้อหาก่อการร้ายจึงมีมากกว่ามาก

ถามว่า อะไร เป็นสาเหตุที่มาของ ข้อหาการก่อการร้ายที่ นช. ทักษิณ ได้รับ

วิญญูชน ที่ไม่ถูกครอบงำด้วยอคติ ย่อมรู้แจ้งด้วยตัวเองว่า เหตุการณ์ความรุนแรง อันสืบเนื่องมาจาก การชุมนุมของคนเสื้อแดงนับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน มาจนถึง การโจมตีด่านของทหานด้วยระบิดเอ็ม 79 ที่บ่อนไก่ ถนนราชปรารถ และสามเหลี่ยมดินแดง และมาสิ้นสุดที่ การเผาบ้านเผาเมือง หลังแกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อบ่ายวันที่ 19 พฤษภาคมนั้น มีการวางแผนมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มิได้เกิดจากอารมณ์โกรธแค้นของฝูงชน ที่ไม่ต้องการยุติการชุมนุม

นช. ทักษิณ ได้แสดงตัวอย่างเปิดเผยในหลายๆวาระว่า มีความเกี่ยวข้อง ผูกพันกับปฏิบัติการเหล่านี้มาตั้งแต่ต้น ทั้งการพูดจาปลุกระดม ยุยงผู้ชุมนุม ทั้งการสั่งการกับแกนนำ ยังไม่นับรวมถึง การให้การสนับสนุนทางการเงิน ที่ท่างการกำลัง สืบสวนสาวไปถึงโยงใยทางการเงินของบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม
การออกหมายจับ ในข้อหาก่อการร้าย จึงไม่ใช่การยัดเยียดข้อหา ด้วยการสร้างหลักฐานเท็จ แบบคดี 6 ตุลา ที่นช. กล่าวอ้าง แต่เป็นการออกหมายจับ เพราะ มีหลักฐานชัดว่า นช. ทักษิณ มีพฤติกรรมตามข้อกล่าวหา

ท่ามกลางความรุนแรง ที่ตัวเองเป็นผู้จุดชนวน นช. ทักษิณ เรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ เข้ามาแทรกแซง เป็นคนกลางในการเจรจา บริวารของเขา เรียกร้องให้กองกำลังสันติภาพเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย ขอให้อาเซียนยท่นมือเข้ามายุติสงครามกลางเมือง

นช. ทักษิณต้องการยกระดับปัญหาส่วนตัวของเขา ขึ้นสู่ความสนจของนานาชาติ ด้วยความหวังสว่า จะเป็นจุดเปลี่ยนชะตากรรมของเขา

ท่า ทีของสหรัฐอเมริกา ที่แสดงผ่านแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ท่าทีของอียู ของอาเซียน และล่าสุดคือ ท่าทีของวุฒิสภา สหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนแผนปรองดองแห่งชาติ และการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี อีกทั้งยังประณามความรุนแรงที่กลุ่มเสื้อแดงเป็นผู้สร้างขึ้น เป็นสัญญาณว่า แผนโลกล้อมประเทศของ นช. ทักษิณ ล้มเหลว พังทลายโดยสิ้นเชิง และทำให้สถานะของเขาในโลกกว่างใบนี้ ยากลำบากยิ่งขึ้น จะกลับไปดูไบก็ต้องอยู่เฉยๆ เคลื่อนไหวไม่ได้ จะตระเวนอยู่ในยุโรป โดยใช้ชื่อปลอม ใ ช้พาสปอร์ตมอนเตรนิโกร หรือนิคารากัว ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถทำได้ แต่เมื่อกลายเป็นผู้ก่อการร้ายแล้ว จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับตัว หรือถูกขับไล่ออกนอกประเทศ

ความพ่ายแพ้ในสงครามเผาบ้านเผาเมือง ความล้มเหลวของแผนการโลกล้อมประเทศ จึงทำให้นช. ทักษิณ อยู่ในสภาพจะไปข้างหน้าก็ไปไม่ถึง จะหันหลังกลับมาก็กลับไม่ได้แล้ว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072349
read more "อนาคตของทักษิณ ชินวัตร ไปไม่ถึง กลับไม่ได้ / ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2553"

ที่เห็นและเป็นอยู่ : บันทึกเหตุการณ์ 19 พฤษภา '53 / ความคิดเห็นที่ 38 - 25 พฤษภาคม 2553 -

19/05/53

ราวเที่ยงคืนกว่าๆ: ผมได้รับโทรศัพท์ บอกว่ามีความเป็นไปได้ ที่จะมีความพยายามของทหาร ในการเข้ามากดดันการชุมนุมที่เวทีราชประสงค์ แหล่งข่าวที่รายงานผมน่าเชื่อถือพอสมควร แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็เพียงแค่การเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม โทรศัพท์ไปบอกทีมงานออกอากาศให้เตรียมพร้อม และเข้านอนไปตอน 01.00น. พิเศษหน่อยคือคืนนั้นผมเปิดเสียงโทรศัพท์ทิ้งไว้ตอนนอน

03.30น: โทรศัพท์ดังระหว่างผมนอนหลับไปได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมง; แหล่งข่าวคนเดิมโทรมารายงานความคืบหน้า ว่าปฏิบัติการทางทหารกำลังจะเริ่มแล้ว ผมโทรไปย้ำกับทีมออกอากาศ โทรไปรายงานให้บก.ที่โต๊ะ ตอนแรกเตรียมตัวออกจากบ้านทันที แต่บก.ที่โต๊ะเตือนสติไว้ว่าให้ออกจากบ้านหลังพระอาทิตย์ขึ้นดีกว่า เพื่อความปลอดภัย

07.00น: ออกจากบ้าน มุ่งหน้าราชประสงค์ ตั้งใจไปที่จุดไข่แดงของการชุมนุมของกลุ่มนปช.แต่มาตรการอันรัดกุมของทาง ทหาร ทำให้ต้องจอดรถอยู่ที่หน้าจามจุรีสแควร์ ไม่สามารถเข้าไปที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเหมือนทุกครั้งได้ บวกกับเหตุการณ์การปะทะกันระหว่าง นปช.กับทหารที่บริเวณสามย่าน ทำให้ตัดสินใจลงไปทำข่าวตรงจุดนี้ และทิ้งการทำข่าวการสลายการชุมนุมที่บริเวณแยกศาลาแดงไป

12.00น: หลังการปะทะกันรวม 3 รอบ; มีทั้งระเบิด M79, ประสุนจริงและกระสุนยาง, มีคนเจ็บอย่างน้อย 2 ราย เมื่อสงบลง ผมจึงตัดสินใจเดินเท้าจากสามย่านมุ่งหน้าอังรีดูนังต์ เพื่อไปติดตามสถานการณ์ที่เวทีราชประสงค์ ซึ่งบรรยากาศการเดินเท้า ณ จุดนั้น ระยะทางอย่างมาก 3 กิโลเมตร แต่สำหรับผม มันเป็น 3กม.ที่วังเวงที่สุดในชีวิต เพราะ บรรยากาศการปะทะกันเกิดขึ้นตลอดทั้งเช้าช่างดูรุนแรงจริงๆ

13.00น: รายงานสดรอบ 12.30น. เสร็จ ก็ได้รับข่าวการประกาศมอบตัวของแกนนำนปช. ซึ่ง ณ นาทีนั้นผมประหลาดใจ ระคนดีใจ เพราะการมอบตัวของแกนนำนปช. เท่ากับการยุติการชุมนุมและนั่นก็จะหยุดการเข้ามาสลายที่จุดไข่แดงของทหาร ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริง คนนับสิบนับร้อยอาจต้องสูญชีวิตลง รวมถึงหลายคนที่ผมเกาะติดสัมภาษณ์มาตลอดเวลา ซึ่งในขณะนั้น การประกาศยุติการชุมนุมของคุณณัฐวุฒิ และ คุณจตุพร เกือบทำให้ผมรู้สึกว่า นปช.นี่แหละ คือผู้ชนะในการประลองศึกการเมืองครั้งนี้แล้ว

14.00น: ไม่กี่นาทีหลังจากการมอบตัวของ 6 แกนนำนปช. จากความรู้สึกที่ดีที่ ณ นาทีนั้นผมมอบให้กับเหล่าแกนนำ ที่แม้ว่าหลายอย่างที่ผ่านมาผมไม่เห็นด้วย แต่การปักหลักอยู่กับผู้ชุมนุมจนนาทีสุดท้าย ก็ทำให้รู้ว่าแกนนำกลุ่มนี้ไม่ทิ้งคนของตัวเอง และ เมื่อถึงวินาทีสุดท้าย ก็รักษาชีวิตของผู้ชุมนุม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี ความรู้สึกที่ดีเหล่านั้นก็หมดลงด้วยเหตุการณ์ต่อไปนี้

14.20น: ท่ามกลางควันดำที่ก่อตัวขึ้นหลังเวทีนปช. นาทีนั้นผมยังเข้าใจว่าเกิดจากความคึกคะนองของผู้ชุมนุมไม่กี่คน (ในทีวียังรายงานไปเช่นนั้น) ไม่ได้มีความคิดเรื่องการเจตนาวางเพลิงห้าง Central World แม้แต่น้อย แต่ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่น่าตกใจ ผมเห็นคนพยายามจุดไฟเผาสวนรอบๆตัวอาคาร จากนั้นก็ขว้างยางรถยนต์สลับกับระเบิดขวดเข้าใส่เพื่อให้ไฟลุกมากขึ้น และภาพสุดท้ายที่จะได้เห็นจากในวิดีโอนี้ คือ ผมเห็นคนขว้าง 'ถังแก๊ซ' เข้าใส่กองเพลิง ยำชัดเจนถึงเจตนา ที่จะเผาอาคาร Central World ให้เสียหายได้มากที่สุด

15.30น: กว่าชั่วโมงที่ผมเป็นสักขีพยานกับความพยายามของ กลุ่มก่อการร้าย (ก่อนหน้านี้ไม่เคยเรียก แต่ครั้งนี้ผมว่าคำเรียกนี้เหมาะสมแล้ว) ที่ตั้งใจแผดเผาอาคาร Central World ให้ราบคาบ แบบที่ผมขอใช้คำว่า 'พยายามแล้ว พยายามอีก' เพราะหลายครั้ง ไฟก็มอดก็ดับไป แต่คนกลุ่มนี้ก็จะใช้วิธีการเดิม คือจุดไฟเผา-ขว้างระเบิดขวด-ปาถังแก๊ซ เพื่อบรรลุเป้าหมายให้ได้ จนถึงจุดหนึ่งผมก็เห็นควันไฟเหล่านี้ออกมาจากตัวอาคาร Central World ซึ่งเป็นจุกที่ผมเริ่มเศร้าใจกับความจริงที่ว่า อาคารแห่งนี้อาจจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่นาน

16.00น: เมื่อเริ่มตั้งสติได้ ผมก็เริ่มเดินสำรวจความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่ในรอบรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตรงข้าม Central World) ที่น่าเศร้าคือตำรวจกว่า 300-400 คน ไม่มีใครแสดงถึงความพยายามในการหยุดยั่งการกระทำของกลุ่มก่อการร้าย หนำซ้ำ ผมเห็นหลายคน'ซี้ดปาก'ด้วยความสะใจ ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงระเบิดดังๆ ตำรวจหลายคนควักกระเป๋าล้วงกล้องดิจิตอล เก็บภาพตัวเองกับควันโขมงเหนืออาคาร Central World ไว้เป็นที่ระลึก ราวกับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจดจำแห่งหนึ่ง

16.30น: หลังประสบความสำเร็จกับเป้าหมายเผาผลาญห้าง Central World กลุ่มก่อการร้ายเริ่มหันมาให้ความสนใจกับสื่อมวลชน รถถ่ายทอดสดของช่อง3 หลังได้ยินข่าว นปช.กลุ่มหนึ่งไปบุกที่อาคารสำนักงานที่พระราม4 ถึงกับต้องถอยรถมาจอดหลบ และ แกะป้ายสติกเกอร์โลโก้ช่อง3ออก

16.45น: ความรุนแรงลุกลามขึ้น; กลุ่มก่อการร้ายบางคน ชี้นิ้วเข้ามาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการชักปืนขึ้นยิงสาดกระสุนเข้ามาข้างใน ช่างภาพหลายสำนักพยายามเก็บภาพสำคัญนี้ไว้ นักข่าวหลานคนวิ่งหลบหนีแต่ก็ยังพยายามทำหน้าที่ในการรายงานข่าวของตัว เองอยู่ ผมหันไปสำรวจบรรยากาศโดยรอบที่น่าตกใจ (หรือไม่น่าตกใจ?) คือผมเห็นตำรวจก้มหลบหลังตัวอาคารแทบทุกคน เรียกได้ว่าหลบก่อนช่างภาพบันทึกข่าวซะอีก

17.00น: ผมเดินเท้าออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้เส้นทางถนนอังรีดูนังต์ ครั้งนี้แค่เดินไม่ได้ครับ ผมวิ่งจ้ำอ้าว มุ่งหน้าจุดออกอากาศให้ได้เร็วที่สุด สาเหตุที่กลัวมากกว่าปกติ เพราะได้แวะสอบถาม อปพร.ที่พยายามเข้าไปดับไฟที่สยามสแควร์แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากกลุ่มก่อการร้าย ระดมยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่อปพร.ทั้งคำพูดนี้ไว้กับผมว่า "ไอ้น้องเดินออกไประวังละกัน กระสุนมันก็วิ่งไปทุกทิศแหละ"

18.00น: ออกอากาศรอบสุดท้ายสำเร็จ ผมเดินทางออกจากถนนอังรีดูนังต์ทันทีพร้อมกับถอดปลอกแขนนักข่าวสีเขียวออก หลังทราบข่าวว่าแกนนำนปช.ที่ดินแดง ปราศรัยมุ่งหมายทำร้ายสื่อมวลชน

ระหว่าง นั่งรถกลับมาที่บ้าน สิ่งที่อยู่ในสมองผม คือพระบรมราชโชวาทขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องของ 'หน้าที่' อย่างที่ผมทำหน้าที่นักข่าวของผม เกาะติดรายงานสถานการณ์ หลบกระสุน-หลบระเบิด เพื่อได้รายงานความคืบหน้าให้กับประชาชนได้รับทราบ ทำให้ผมสงสัยว่าตำรวจ 300-400 คนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ นาทีนั้น นาทีที่คุณมีกำลังคนและอาวุธมากกว่ากลุ่มก่อร้ายหลายเท่า พวกคุณไม่ได้มี 'หน้าที่' ที่ต้องออกปกป้องคุ้มครองชีวิตของประชาชนหรือ? หรือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ คือการ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

Nation Channel
ส่งต่อ มะเขือเทศ

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072348
read more "ที่เห็นและเป็นอยู่ : บันทึกเหตุการณ์ 19 พฤษภา '53 / ความคิดเห็นที่ 38 - 25 พฤษภาคม 2553 -"

เชือดผู้ว่าฯทำงานไม่คุ้มค่า-คิวต่อไปอย่าลืมตำรวจ !! / ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2553

ผ่าประเด็นร้อน

หาก พิจารณาจากผลงานการติดตามจับกุม และเข้าตรวจค้นบรรดาแกนนำทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่เป็นคนสำคัญใน เหตุการณ์จลาจลรอบใหม่เรียกได้ว่า ตำรวจทำผลงานได้ “ล้มเหลว” อีกเช่นเคย เพราะตามความเป็นจริงแล้วการควบคุมตัวระดับแกนนำที่มีชื่อทั้งหมดล้วนมาจาก การเดินเข้ามามอบตัวเองทั้งสิ้น ยังไม่สามารถตามลากคอมาได้สักคนเดียว แม้กระทั่ง “อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” และ “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” ก็ยังหลบหนีอย่างลอยนวล แถมยังมีข่าวให้เจ็บช้ำอีกว่ามีนายตำรวจบางคนพาไปกบดานเสียอีก ซึ่งหน่วยงาน “สีกากี” จะต้องมีการสังคายนากันครั้งใหญ่ เพราะสร้างวิกฤติศรัทธาแทบจะถึงขีดสุดแล้ว

แม้จะรู้ว่าคำสั่งย้ายด่วน 4 ผู้ว่าฯคือ ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานีและมุกดาหารเข้ามาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย จะมีรายการการเมือง “ผสมโรง” ฉวยโอกาสก็ตามที แต่เมื่อพิจารณาจากผลงานที่บรรดา “พ่อเมือง” เหล่านั้นทำได้อย่าง “น่าสะอิดสะเอียน” มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

เพราะหากพิจารณาจากเหตุการณ์จลาจลในวันนั้นก็เสมือนเปิดทางให้กลุ่ม “กุ๊ยเสื้อแดง” แค่ไม่กี่ร้อยคนรวมตัวกันเผาศาลากลางซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ทรัพย์สินของประชาชนทั้งประเทศวายวอดเป็นจุน

แม้จะรับรู้กันอยู่แล้วว่าในพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัดถูกเรียกว่า “เรดโซน” เป็นเขตอิทธิพลเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของกลุ่มคนเสื้อแดง และหลงเชื่อ ทักษิณ ชินวัตร งมงายใน “ประชานิยม” ที่ปล้นเงินของคนเสื้อแดงแล้ว “ตบตา” เอามาให้คนเสื้อแดงและคนจนทั่วไป สร้างบุญคุณจนแทบจะเรียกว่าชาตินี้ชดใช้กันไม่หมด

ขณะเดียวกันอย่าได้แปลกใจที่การเคลื่อนไหวอย่างคึกคักดังกล่าว ส่วนสำคัญมาจากการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือผสมโรงเปิดทางให้มีการเคลื่อนไหวอย่างเสรี ทำให้ขบวนการโจรก่อการร้าย “โพกผ้าแดง” ขยายเติบโตอย่างเสรีและไร้ขอบเขต

หากยังจำกันได้เมื่อย้อนกลับไปไม่นานพิจารณาเฉพาะแค่เหตุการณ์บุกยึด สถานีรถไฟขอนแก่นแล้วกักขบวนรถขนอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารที่กำลังส่งกำลัง บำรุงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ การปิดถนนมิตรภาพเพื่อตรวจค้นและกักตัวทหารและตำรวจไม่ให้เดินทางเข้า กรุงเทพฯเพียงแค่สงสัยว่าจะเดินทางเข้ามาสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเมือง หลวงเท่านั้น

เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงการเผาศาลากลางจังหวัดดังกล่าว มันสะท้อนให้เห็นถึงการทำหน้าที่ในการรักษาความสงบในพื้นที่ หรือการหามาตรการป้องกันเหตุร้าย โดยเฉพาะในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้อำนาจอย่างเต็มเปี่ยม แค่กลับกลายเป็นว่าข้าราชการเหล่านี้ทำงานไม่เอาไหน ไม่คุ้มค่ากับเงินเดือน ไม่คุ้มค่ากับความไว้วางใจ

อย่างไรก็ดีแม้ว่าอีกด้านหนึ่งเบื้องหลังคำสั่งโยกย้าย 4 ผู้ว่าฯดังกล่วย่อมมี “การเมือง” ที่ “ฉวยโอกาส” ผสมโรงอยู่ก็ตาม โดยเฉพาะจากกลุ่มการเมืองที่ต้องการช่วงชิงและเข้าไปควบคุมพื้นที่ในภาค อีสาน หรืออย่างน้อยต้องการเข้าไป “แทรก” ในบางพื้นที่ เพื่อละลายคู่แข่งทางการเมืองก็ตาม

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากระทรวงมหาดไทยในยามนี้อยู่ภายใต้การกุมบังเหียน ของพรรคภูมิใจไทย แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชวรัตน์ ชาญวีระกูล ก็ตาม แต่ใน “วงการ” ก็ยังรับรู้กันอีกว่าอยู่ในมือของ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้ที่มีอิทธิพลต่อรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน

ที่ผ่านมาปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า พรรคภูมิใจไทยพยายามโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยนอกฤดูกาลมา แล้วหลายครั้ง มีการโยกสลับเก้าอี้สำคัญอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดก็เพิ่งมีการโยกสลับตำแหน่งสำคัญ เช่น อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หนองคาย ศรีสะเกษ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อฐานเสียงในการเลือกตั้งทั้งท้องถิ่นและระดับชาติด้วย กันทั้งสิ้น

แต่ก็อย่างว่าในเมื่อ ผลพวงจากเหตุการณ์จลาจลเผาศาลากลางวายวอดเป็นจุนแบบนี้จะปล่อยให้คนที่รับ ผิดชอบสูงสุดในจังหวัดลอยนวลมันก็เกินไป เพราะหากเป็นสมัยก่อนต้อง “ประหาร” สถานเดียวเท่านั้น

ขณะ เดียวกันข้าราชการอีกหน่วยงานหนึ่งที่ต้องพูดถึงและตำหนิควบคู่กันไปก็คือ “ตำรวจ” เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายมาจนถึง วันนี้ เป็นเพราะ “ไม่ได้ทำหน้าที่” ของตัวเองอย่างเข้มแข็งสมกับที่เป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” มิหนำซ้ำยังไปเข้าด้วยช่วยเหลือกลุ่มผู้ก่อการร้าย เห็นดีเห็นงามไปกับคนเหล่านั้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ภาพ ที่ปรากฎในสังคมโลกออนไลน์ ใน “เฟชบุก” หรือแม้กระทั่งภาพข่าวทางสถานีโทรทัศน์ที่ออกมาเปิดโปงผลงานของตำรวจถือว่า ได้สร้างความ “เจ็บปวด” ให้กับคนไทย โดยเฉพาะภาพที่ “รีสอร์ตหรู” ในค่ายนเรศวร ชะอำ เพชรบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัวบรรดา “หัวโจก” คนเสื้อแดงที่เพิ่งสั่งเผาบ้านเผาเมืองมาหมาดๆให้ที่พักพิงดูแลอย่างดี เหมือนกับเป็นการไปพักผ่อนชายทะเลหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจมาอย่างหนัก ทั้งที่ “ควันไฟ” ที่ราชประสงค์ยังไม่ทันมอดดีเสียด้วยซ้ำ

นอก จากนี้หากพิจารณาจากผลงานการติดตามจับกุม และเข้าตรวจค้นบรรดาแกนนำทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่เป็นคนสำคัญใน เหตุการณ์จลาจลรอบใหม่เรียกได้ว่า ตำรวจทำผลงานได้ “ล้มเหลว” อีกเช่นเคย เพราะตามความเป็นจริงแล้วการควบคุมตัวระดับแกนนำที่มีชื่อทั้งหมดล้วนมาจาก การเดินเข้ามามอบตัวเองทั้งสิ้น ยังไม่สามารถตามลากคอมาได้สักคนเดียว แม้กระทั่ง “อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” และ “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” ก็ยังหลบหนีอย่างลอยนวล แถมยังมีข่าวให้เจ็บช้ำอีกว่ามีนายตำรวจบางคนพาไปกบดานเสียอีก ซึ่งหน่วยงาน “สีกากี” จะต้องมีการสังคายนากันครั้งใหญ่ เพราะสร้างวิกฤตศรัทธาแทบจะถึงขีดสุดแล้ว

เมื่อ พิจารณาพฤติกรรมและข้อเท็จจริงดังกล่าวของข้าราชการที่ไม่ได้ทำหน้าที่ให้สม กับความรับผิดชอบ ทั้งระดับผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจในพื้นที่ดังกล่าว มันก็ย่อมถึงเวลาที่จะต้องมีการปฏิรูปกันอย่างขนานใหญ่ เพื่อให้ข้าราชการเหล่านี้รู้จักหน้าที่ เป็นมืออาชีพ เป็นผู้ที่รักษาความสงบ ไม่ใช่เติมเชื้อไฟให้กับบ้านเมืองเหมือนอย่างทุกวันนี้ แม้ว่า 4 ผู้ว่าฯถูกเด้งสังเวยไปแล้ว และแม้ว่ามีกลิ่นไอของการเมืองผสมอยู่ แต่มันช่วยไม่ได้ ขณะที่ คิวต่อไปอย่าลืมตำรวจ เพราะสร้าง “โบว์ดำ” ได้ประทับใจจริงๆ !!

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072348
read more "เชือดผู้ว่าฯทำงานไม่คุ้มค่า-คิวต่อไปอย่าลืมตำรวจ !! / ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2553"

ข่าวเล่า ข่าวลือ ความสิ้นหวัง และแผนลอบสังหาร…อภิสิทธิ์-อนุพงษ์-สุเทพ-กษิต-เนวิน / สำราญ รอดเพชร 25 พฤษภาคม 2553

ทำไมใช้วิธีสัมภาษณ์ตัวเองอีกแล้ว เลียนแบบอาจารย์แก้วสรร อติโพธิเหรอ?

- ไม่เกี่ยว สิบยี่สิบปีก่อนก็เคยใช้วิธีการนี้ ไม่มีอะไรหรอก แบบนี้แหละดิบๆ ตรงไปตรงมา นานๆ ใช้แบบนี้ที

งั้นเข้าเรื่อง คุณคิดว่าสุดยอดแล้วบทเรียนของเมษา-พฤษภาเลือด 53 คืออะไร แบบชัดๆ น่ะ อย่าเล่นลิ้น?

- ไม่เล่นลิ้นนะ สุด ยอดของบทเรียนเหตุการณ์เมษา-พฤษภาเลือด 53 ก็คือการไม่รู้จักสรุปบทเรียนจากเหตุการณ์เมษาเลือด 52 ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ไง วันนี้ถ้าไม่รู้จักสรุปบทเรียนอีกประวัติศาสตร์มันก็จะซ้ำรอยอีก

เอาแบบเป็นกรณีศึกษาหน่อยสิ

- ก็ได้ 1) รัฐบาลไม่รู้จักสรุปบทเรียน 2) คิดแคบวิธีคิดผิด คิดว่าประเทศนี้ตัวปัญหาคือพวกเหลือง พวกแดง ตัวเองไม่เกี่ยว ข้อมูลข่าวสารก็ไม่เพียงพอ 3) อำนาจรัฐอ่อนแอล้มเหลว โดยเฉพาะตำรวจ 4) นายกฯ และรองนายกฯ ด้านความมั่นคงอ่อนด้อยประสบการณ์ ไม่รู้จักปรึกษาผู้ใหญ่ทั้งในพรรค (ประชาธิปัตย์) และนอกพรรค 5)กองทัพไม่เป็นเอกภาพหน่อมแน้มไปหน่อย 6) ขบวนการ องค์กรสันติวิธีของบ้านเรามีปัญหา โอ๊ยยยย..อีกหลายข้อ

ข้อมูล เบื้องต้นตั้งแต่ 12 มี.ค. 53 จนถึงวันนี้มีคนตาย 88 คน บาดเจ็บอีกประมาณ 1,900 คน แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ยังได้รับแรงสนับสนุนอย่างแข็งขันนะ

- ไม่ได้ว่าอะไรนะ ส่วนตัวผมก็เห็นใจ สงสารท่าน แต่เรื่องบ้านเมืองต้องแยกออก

ใช่หรือไม่ว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้บกพร่อง ผิดพลาดอย่างที่คุณกำลังกล่าวหา วิพากษ์วิจารณ์

- ผมยังยืนยันว่าแม้ท่านนายกฯ จะทำดีที่สุดแล้ว แต่ 2 เดือนเศษ รัฐบาล กองทัพก็ทำพลาดเยอะ แต่อย่าให้พูดตอนนี้เลย ตอนนี้ที่รัฐบาล นายกฯ ได้รับความเห็นใจ เพราะต้นทุนท่านนายกฯ อภิสิทธิ์สูงมาก ที่สำคัญที่สุดผมอยากจะบอกว่า ความ ชั่วช้าเลวร้ายของคนเสื้อแดงที่ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง ก่อการจลาจล ปล้นบ้านปล้นเมืองมันได้กลบเกลื่อนความผิดพลาดของรัฐบาลซะจนมองแทบไม่เห็น

แต่ ก่อนถ้าเกิดเหตุประท้วงเผาเบ้านเผาเมือง คนตายแค่ 10-20 คน ผู้นำรัฐบาลต้องไปแล้ว ดังนั้นครั้งนี้น่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ของสังคมหรือเปล่า?

- ผมยังไม่เชื่อขนาดนั้นนะ ไม่ใช่นวัตกรรมอะไรทั้งนั้น แต่น่าจะเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงและชะตากรรมบ้านเมืองมากกว่า...เป็นเรื่อง ของจังหวะบ้านเมืองที่ต้องเป็นอย่างนี้ กองทัพแหยงคำว่าปฏิวัติรัฐประหาร ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่มีใครกล้าคิดกล้าทำนอกกรอบ มีแต่แอบคิดแอบฝันแอบจินตนาการ บวกกับตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ท่านมีต้นทุนเหลือพอที่พอจะประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองได้... ดังนั้นตอนนี้คนที่คิดว่าบ้านเมืองจะพลิกโฉมไปสู่การผ่าตัดใหญ่ สุดท้ายก็กินแห้ว บ้านเมืองฝีแตกจริงแต่เลือดกับหนองปนกันมั่วไปหมด นายกฯ อภิสิทธิ์ก็ได้แต่ให้เรากินยาแก้ปวดไปเรื่อยๆ...

ฟังคุณพูดมานี่ รู้สึกวังเวงนะ...

- ไม่ทราบครับ แต่ผมรู้สึกคล้ายๆ ว่าอยากจะไปบวชซักเดือนครึ่งเดือน สงบสติอารมณ์ ผมว่าสุดท้ายมันต้องธรรมาธิปไตย...

เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไปบวช ขออีก 2 เรื่องสำคัญ เรื่องเสธ.แดงก่อน คุณคิดว่าใครสั่งปลิดชีวิตเสธ.แดง พวกเหลือง พวกแดง พวกน้ำเงิน...

อย่าไปแยกสีให้ปวดหัวเลยครับ กรณีเสธ.แดงผมว่ารัฐบาล กองทัพ รู้ดี แต่ประสาชาวบ้านอย่างเราก็วิเคราะห์กันไป สรุปว่ามี 2 ทฤษฎี ทฤษฎีแรก เชื่อว่าสีเขียวสั่งเก็บเพื่อปิดปากเสธ.แดงที่รู้ความลับหลายเรื่องของกองทัพ ผู้นำกองทัพ ทฤษฎีที่สอง ฝ่ายเสื้อแดง หรือแดงตัวพ่อสั่งเก็บ เพราะเห็นว่าเสธ.แดงโอเวอร์ รีแอ็กเกินไปแล้ว มากเกินไปแล้ว คุมยากแล้ว เสือกรู้ความลับกูอีก..

วันนี้ผมเชื่อตามทฤษฎีหลังนะ แม่ทัพเสื้อแดงสั่งเก็บเสธ.แดง รายละเอียดวางแผนอย่างไร...คุณย้อนไปดูวันเกิดเหตุ จุดเกิดเหตุ ต้นเหตุการสัมภาษณ์เอาเอง

แล้วเรื่องขบวนการลอบสังหารผู้นำฝ่ายบริหาร ฝ่ายต่างๆ ล่ะ จริงไหม ปล่อยข่าวสร้างราคากันรึเปล่าเห็นพรรคคุณก็ผสมโรงกับเขาด้วย?

- พวกผมพูดเรื่องเผาบ้านเผาเมือง การวินาศกรรม การลอบสังหารก่อน ศอฉ. ก่อนรัฐบาลพูดตั้งหลายเดือน เขามาผสมโรงกับเราต่างหาก (555) การลอบสังหารนี่เป็นแผนการหนึ่งของปฏิบัติการแดงสยองหนนี้...หลายฝ่ายเชื่อ ว่าตอนนี้แผนการลอบสังหารยังไม่ถูกยกเลิกนะ

งั้นใครบ้างที่ตกเป็นเป้าสังหาร

- ข่าวผมตอนแรกนี่มี 2 อ. ครับ อภิสิทธิ์กับอนุพงษ์ วันก่อนคุยโทรศัพท์กับอาจารย์ปราโมทย์ (ขอปิดนามสกุล) อาจารย์ปราโมทย์บอกว่าข้อมูลของท่านมี 4 คนคือ 1) อภิสิทธิ์ 2) สุเทพ 3) กษิต 4) เนวิน

ถ้าจริงอย่างคุณว่า แสดงว่าทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างดี..

- โธ่คุณ ผมพูดไปหลายครั้งแล้วว่าเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อ19-20 พ.ค.น่ะไม่ใช่อาฟเตอร์ช็อก แต่เขาเตรียมการไว้แล้ว เอาเป็นว่าฝ่ายกองทัพแดงน่ะเขา เตรียมการทำศึกทำสงครามหนนี้มาเป็นปีๆ เขามีมากกว่าแก้ว 3 ประการ แก้ว 3 ประการตามทฤษฎีของเหมาเจ๋อตงคือ พรรค, มวลชน หรือแนวร่วมและกองกำลัง แต่กองทัพแม้วมีแก้วอีก 2 ประการคืออะไรรู้มั้ย เงินกับสื่อไง สรุปว่าเขามีแก้ว 5 ประการนะ 1) พรรค 2) มวลชน 3) กองกำลัง 4) เงินและ 5) สื่อ..ทั้งในประเทศต่างประเทศ..

ตกลงบ้านเมืองเราจะไปทางไหนกัน

- ไปข้างหน้าสิครับ แต่ข้างหน้ามันมีทางหลายแพร่งให้เลือก จะไปทางไหนก็แล้วแต่พี่น้องคนไทย บ้านเมืองมันขนาดนี้แล้ว..

แล้วคุณเห็นว่าควรจะไปแพร่งไหน...

- แพร่งที่ต้องผ่าตัดใหญ่น่ะต้องมากกว่าปฏิรูปปรองดองธรรมดาๆ แพร่งไหนก็แพร่งนั้นล่ะ แต่พูดก็พูดเถอะวันก่อนโน้น (14 พ.ค.) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล พูดถึงทางออกประเทศไทยว่านักการเมืองต้องถวายคืนพระราชอำนาจ ประเทศไทยต้องปฏิวัติ ไม่ใช่รัฐประหารนะ ต่อมาคุณเปลว สีเงิน พูดว่าถึงเวลาต้องงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พ.ค.อาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพ เขียนบทความเรื่อง “จดหมายถึงนายกรัฐมนตรีและพี่น้องชาวไทย” เสนอให้นายกฯ ยุบสภา ลาออก เพื่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง

ทั้งสามท่านคิดไปในแนวทางเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่าสังคมไทยยังแบ๊ะๆ ทำไงได้ ผมไม่โกหกตัวเองเลยว่า ผมเสียดายที่.....

คุณถึงอยากไปบวช..

แหม! ใจคอคุณจะให้ผมไปบวชจริงๆ หรือ...!?

samr-rod@hotmail.com

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072054
read more "ข่าวเล่า ข่าวลือ ความสิ้นหวัง และแผนลอบสังหาร…อภิสิทธิ์-อนุพงษ์-สุเทพ-กษิต-เนวิน / สำราญ รอดเพชร 25 พฤษภาคม 2553"

ใครยังอยากรับใช้ทักษิณ...ระวัง “หลัง” ให้ดี...ระวังชีวีจะหาไม่ / ไทยทน 25 พฤษภาคม 2553

ปริศนา “ใคร...ยิง เสธ. แดง” ยังเป็นเรื่องคาใจประชาชนมากมาย ระยะหลังเห็นกระแสคาดเดาว่า ‘ทักษิณ’ คือผู้สั่งเอง มีเพิ่มสูงขึ้นมาก ฐานที่ เสธ.แดง เป็นคนเดียวที่เชื่อมโยงทักษิณ กับการก่อการร้าย ด้วยคำพูดลักษณะว่า “จะรับแผนปรองดองไม่ได้นะ ต้องถามท่านทักษิณก่อน เพราะแผนนี้ ท่านไม่ได้อะไร” ฯลฯ เป็นเหตุให้ทักษิณเดือดร้อน จนอาจเป็นเหตุเป็นหลักฐานให้ ในเวลาต่อมา ศอฉ. จึงสั่งอายัดรายการทางการเงินกับรายชื่อร้อยกว่ารายชื่อซึ่งเชื่อมโยงท่อน้ำ เลี้ยงการก่อการร้ายหลายจุดในไทยก็อาจเป็นได้

... ในหน้า 4 ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 22 พฤษภาคม 2553 โดย “กระสุนทอง” ยังวิเคราะห์ ลักษณะเดียวกันว่า เสธแดงอาจถึงคราวเพราะ “เป็นคนปากโป้ง ... แม้แต่ ‘ทักษิณ’ ก็เถอะ เปิดเผยต่อสาธารณะว่าโทรศัพท์มาบอกให้ ตั้งแกนนำม็อบรุ่น 2 เดินหน้าต่อ ระหว่างที่แกนนำม็อบบางส่วน จะยอมหยุด ... การปากโป้งดังกล่าวนี้เป็นผลให้ ‘ทักษิณ’ ถูกเพ่งเล็งเกี่ยวข้องก่อการร้าย เสียภาพนักประชาธิปไตย” และวิเคราะห์ว่า ผู้เชี่ยวชาญฟันธงว่า น่าจะเป็น ปืนสไนเปอร์ วินเชสเตอร์ ใช้กระสุนลาปัวขนาด 0.308 ทำจากฟินแลนด์ มีวิถียิงไกล 1,200 เมตร แต่ส่วนใหญ่จะยิงระยะ 300-400 เมตร ... การยิง เหยื่อสังหารของสไนเปอร์ต้องเป็นเป้านิ่ง จะได้ผลเต็มร้อย เรียกว่าต้องนำ “เหยื่อกระสุน” ไปสู่ “จุดยิง” ซึ่ง เสธ แดงไม่ถึงกับไปที่นั่น ทุกวัน ในเวลาเดียวกัน เว้นแต่มีคน “จัดการ” ให้ไปตรงนั้น ซึ่งก็ต้องเป็นคนที่เสธ แดงไว้ใจ ขอสังเกตนี้จึงน่าคิดว่าเป็นไปได้สูงที่การฆ่าเสธ แดงนี้ มีโอกาสเป็นของ “นายใหญ่ทักษิณ” เพื่อ “ฆ่าปิดปาก (โป้ง)” หรือ “ฆ่าตัดตอน” อย่างที่ถนัดหรือไม่ ?

หากวิเคราะห์ดู คนที่ต่อต้านทักษิณไม่น้อย เคยสนับสนุนทักษิณมาแล้วในอดีตแทบทั้งสิ้น

... สนธิ ... จำลอง ...พิภพ ... สุริยะใส ... สมศักดิ์ ... กษิต ... ดร. สมคิด ... ดร. สุรเกียรติ ฯลฯ

ทุกคน “หักหลัง” ทักษิณเช่นนั้นหรือ? หรือ ทุกคนเห็นชัดตรงกันแล้วว่า ทักษิณ เป็นคนที่เป็นคนช่างหักหลัง ช่างทรยศ จนถึงขั้น “ทรยศชาติ” รับพระคุณแผ่นดินมาสูงสุด กลับโกงชาติ และทำลายชาติ อย่างที่ไม่เคยมีใครนึกถึงได้มาก่อน จึงเป็นคนที่ “คบไม่ได้” สำหรับท่านเหล่านี้

จะว่าไป กระบวนการคนที่ทำงานให้ทักษิณ ก็ล้วนแล้วแต่มีการ “หักหลัง” กัน เป็นเรื่องธรรมดา

ส.ส. พรรคเพื่อไทย เป็นแก้วประการแรก ชวนฐานเสียงของตัวมาเป็น “มวลชน” องค์ประกอบประการที่ 2 ในแก้ว 3 ประการ แต่เมื่อรวมกับแก้วประการที่ 3 คือ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” แล้ว “มวลชน” ก็ได้ถูกหักหลังให้กลายเป็น “โล่มนุษย์” สำหรับเสี่ยง “ตาย”

มีการปลอมคลิปเสียงว่า “นายกฯ อภิสิทธิ์ สั่งฆ่าประชาชน” หรือ การโกหกว่า “ทหารฆ่าประชาชน” ทำให้เป้าหมายสำคัญคือ การที่จะต้อง “หาศพ” มาเป็นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ คนเสื้อแดง หลายพันหลายหมื่นคน เกิดความรู้สึกร่วมกัน ในลักษณะ โกรธ เกลียด ชิงชัง นายกฯ และ ทหาร

ภาพแปลกภาพหนึ่ง คือ ภาพสุดท้ายที่วัดปทุมวนาราม แม้เป็นหลังกระบวนการกระชับวงล้อม ด้วยยุติการชุมนุมแล้ว ก็ยังมีกำลังไม่ทราบฝ่าย ฆ่าประชาชนประมาณ 6 ศพ เอาไปกองไว้ที่วัด ประชาชนจำนวนไม่น้อย ยังมีอารมณ์ “ปกป้องศพ” เพราะ กลัว “ทหารจะเอาไปซ่อน”... จะได้เอาศพไปแห่ระดมประชาชนได้เพิ่มขึ้นอีก

แต่พี่น้องเหล่านั้น ลืมไปหรือไม่ว่า เมื่อพิจารณาจำนวนศพสิบๆศพ เพื่อจะพยายามยัดเยียดว่า “ทหารฆ่าประชาชน” (ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าใครฆ่ากันแน่) แล้ว ก็ไม่สามารถเทียบได้กับ พี่น้องเสื้อแดงกว่า 3,650 คนที่ “ทหารไม่ฆ่าประชาชน” หากทหารเป็นพวก “บ้าเลือด” แบบทักษิณ การที่ประชาชนคนเสื้อแดงมาข่มเหงคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณราช ประสงค์และข้างเคียงเป็นเดือนๆนั้น ทหารก็คงฆ่าประชาชนไปมากแล้ว ยิ่งหากจะหาว่าเป็นพวก “กระหายเลือด” อาจฆ่าประชาชนมือเปล่าได้เป็นพันเป็นหมื่นคนได้

ยิ่งมีใครก็ไม่รู้ วิ่งไปจากกลุ่มคนเสื้อแดง เข้าศูนย์การค้าใหญ่ เพื่อเผา และมีอีกหลายคน ชวนกันให้ขวางรถดับเพลิง “กระทั่งรถดับเพลิง เพื่อลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ยังมีภาพคนเสื้อแดงขวางการกู้ภัย” ก็ยิ่งอาจมีเหตุผลข้ออ้างให้ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายตำรวจทหาร ยิงทำร้ายประชาชนที่ขวางเหล่านั้น แต่ก็ยังดีที่รัฐบาล ทหารตำรวจ เลือก “คุณค่าของคน” ยิ่งกว่าทรัพย์สิ่งของภายนอก ไม่ทำร้ายไม่ฆ่าประชาชน

... ด้วยประชาชน ไม่ว่าเป็นคนสีใด ก็พี่น้องคนไทยทั้งสิ้น
... และด้วยทหารก็เป็น “ทหารของประชาชน” ไม่ใช่ “ทหารฆ่าประชาชน” และตำรวจ ก็เป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของประชาชน” เช่นกัน

ขอให้การเห็นคุณค่าคนเสื้อแดง ไม่มีความรุนแรง ด้วยความรัก ความอดทนของนายกฯ กองทัพ คนราชประสงค์ และ คน กทม. ที่มีต่อพี่น้องไทยที่เข้ามาข่มเหงคนบริเวณราชประสงค์ (โดยหลายคนไม่รู้ตัว) โดยจัดส่งพี่น้องกลับบ้านอย่างเรียบร้อยนั้น เป็นหลักฐานแห่งความเป็น “พี่น้องไทยร่วมชาติ” และให้คนไทยคืนดีกัน รักกันเป็น “ขวานไทยใจหนึ่งเดียว” ตลอดไป

และขอให้เป็นหลักฐานเพื่อจุดประกายปัญญาว่า นี่พวก ส.ส. พรรคเพื่อไทย หลอกเรามาตายหรือเปล่า ? นี่ตอนจะส่งกลับ ดูเหมือน ส.ส. ก็อิดๆออดๆไม่อยากเปิดเผยความจริง แต่ก็หลบไม่พ้น เมื่อชาวบ้านไร้เดียงสา เปิดโปงว่า “ส.ส. เป็นคนพามา เพื่อความสบายใจ ก็ขอให้พากลับด้วย” จึงต้องยอมรับว่า เป็นคนพาพรรคพวกมากันเอง แต่ชาวบ้านก็น่าจะถาม ส.ส. เหล่านั้นด้วยนะว่า

“แล้วนี่ ท่าน ส.ส. รู้ไหมว่าเอาพวกเรามาเสี่ยงเกือบตายขนาดนี้ ?”

“นี่ขนาดทหารไม่โหดร้ายอย่างที่ แกนนำ นปช. บอก ยังตายไปหลายคน (จากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย) และตนเองก็รู้สึกเสี่ยงตายอย่างมาก” หากเขาโหดร้ายอย่างที่ ส.ส. ว่า “ศพ” ที่ให้เพื่อนๆ อารักขาอาจเป็น “เรา”

แล้วครอบครัวได้รับเงินชดเชยจากทักษิณคนละแสนบาท หากเป็นเช่นนั้น ส.ส. จะชดเชยกับอะไรแทนชีวิตเราได้หรือ ? จะชดเชยอะไรกลับไปให้ครอบครัวของเรา ? ชวนให้เราชาวคนเสื้อแดงรัก แต่ล่อให้มาเป็น “โล่มนุษย์” หรือ “เป้าสังหาร” เพื่อใช้ศพไปสู่ความสำเร็จในการสร้างความโกรธเกลียดชิงชังมากขึ้น เข้ามาร่วมกันสร้างความวุ่นวายมากขึ้น เผาบ้านเผาเมือง พามาเสี่ยงตายแล้วจะบอกว่า “รักเรา” ได้อย่างไร?

แรกๆ ก็หลอกเราว่าเป็นการมาเรียกร้องประชาธิปไตย เพื่อให้มีการยุบสภา แผนปรองดองของนายกฯอภิสิทธิ์ก็ประมาณว่าจะมีการยุบสภาภายในเวลาประมาณไม่ เกิน 5 เดือน เราก็ชนะแล้ว อยากจะกลับบ้านแล้ว กลับไม่ยุติการชุมนุม

มีแต่การปลุกเร้าอารมณ์ให้เราโกรธ หลังจากที่เคยใช้หลักฐานเท็จ คือคลิปเสียงนายกฯ ปลอมโดยการตัดต่อ 70 กว่าจุด และ คราวนี้ก็มีการเป่าหูว่า “ทหารฆ่าประชาชน” “ทหารฆ่าประชาชน” จนคนเสื้อแดงกลัวมาก เมื่อแกนนำ นปช. มอบตัว และประกาศยุติการชุมนุม หลายคนกลัวว่าเมื่อเผชิญทหาร ต้องตายแน่ แต่ที่สุด พี่น้องเสื้อแดงหลายพันคน ก็ได้กลับบ้านเป็นหลักฐานว่า นายกฯ อภิสิทธิ์และทหารไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น

เขาสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนโกรธจนสุดๆ หลายคนก็กลายเป็นอาคารคลั่ง ถึงขั้นเผาทรัพย์สิน เตรียมระเบิดมากมาย และทำให้ภาครัฐโกรธสุดๆ และดูจะมีความชอบธรรมในการสลายการชุมนุมด้วยมาตรการเฉียบขาด แล้วแกนนำก็ “หักหลัง” ประชาชนทุกครั้ง โดยนาทีที่ “เสี่ยงตาย” ที่สุด แกนนำจะไม่เคยอยู่เลย ก็เข้าใจได้ ว่าเขามีครอบครัวของเขาต้องดูแล แต่มาคิดอีกที แล้วเราที่อยู่ในที่ชุมนุมในนาทีนั้นเล่า ... 2 มาตรฐานหรือไม่?

ยิ่งเมื่อมองไปที่ทักษิณ ผู้บอกกับพวกเราว่า “วันใดเสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะมาอยู่กับพี่น้อง จะมานำพี่น้อง” แต่เสียงปืนไม่ทันแตก ครอบครัวหนีไปต่างประเทศเสียก่อน

คราวนี้ ก่อนการชุมนุม ลูกๆ ก็ต้องหนีไปต่างประเทศ แต่กลับต้องบอกว่า “ไปนิทรรศการ จองไว้นานแล้ว” ที่น่าสงสัยคือ ทำไมต้องโกหกคนเสื้อแดงด้วย ? และภายหลัง ก็ทำเป็นตายหรือเป็นมะเร็งร้าย ให้ครอบครัวใช้เป็นข้ออ้างหนีความเสี่ยงไปต่างประเทศใช่หรือไม่ ? แล้วก็ไปช็อปปิ้งฝรั่งเศส ไปดูหนังเมืองคานส์... เป็น 2 มาตรฐานหรือไม่ ?

แล้วเราจะปล่อยให้พี่น้องเพื่อนๆ ของเราถูกหลอกให้เข้ามาเป็น “โล่มนุษย์” หรือ “เป้าสังหาร” อีกเช่นนั้นหรือ ? เขาจะบาป เราไม่อยากร่วมบาปด้วยอีกแล้ว และหากเรารู้ทั้งรู้ว่า เพื่อนพี่น้องญาติมิตรจะถูกหลอกอีก แล้วเราก็ไม่บอก เกิดคราวหน้าต้องตายไปจริงๆ เราจะพ้นบาปกรรมใน “กระบวนการหลอกคนไปตาย” หรือ?

สำหรับระดับแกนนำ ดูกรณี “เสธ. แดง” เป็นกรณีศึกษาให้ดี หลังจากที่เริ่มปิดไม่อยู่ว่า “ทักษิณนั่นแหละ ที่มีเหตุจูงใจให้ฆ่า เสธ. แดง มากที่สุด ในฐานะที่เป็นคนเดียวที่ผูกโยงทักษิณกับการก่อการร้าย” ... “สมควรตาย”

ระยะนี้ กลับเริ่มมีคำพูด ทำนองยกย่อง เสธ. แดงว่าเป็น “ฝ่ายกองทัพ” “เป็นสายลับแทรกเสื้อแดง” มีวิดีโอสัมภาษณ์ “3-4 ปีที่แล้ว” กับเอเอสทีวี เรื่องคอมมิวนิสต์ดีๆไปพันธมิตร กับ ประชาธิปัตย์ คอมมิวนิสต์ไม่ดีเกาะกับทุน (ทักษิณ) เหมือนเป็นวิดีโอ ยกย่อง เสธ. แดง จากพวกเสื้อเหลือง แต่จริงๆ แล้ว “แม้รายการมาจากเอเอสทีวี แต่ไม่ใช่เอเอสทีวี” ไม่ใช่จากกองทัพแน่ เพราะขนาดเรื่องของวีรบุรุษ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร. 2 รอ.-ผบ.บูรพาพฆัคฆ์ ผู้ที่อยู่ในการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเมื่อปี 2552 จนสงบเรียบร้อย ไม่มีการสูญเสียชีวิตพี่น้องคนไทยร่วมชาติ ก็ยังไม่ได้ทำ

แต่ถ้าดูดีๆ ถึงการเติมคำบรรยาย จะเน้นไม่ใช่เพื่อยกย่อง เสธ. แดง แต่ “เน้นให้คนเสื้อแดงที่ดู รู้สึกเริ่มโกรธเกลียด เสธ.แดง” มากกว่า เช่นการเติมคำ ‘ทักษิณ’ ในบางครั้ง ทั้งๆที่ไม่ได้พูด เพื่อเชื่อมโยงให้กระทบจิตใจคนเสื้อแดง เพราะระคายทักษิณที่เขารัก และกล่าวดูถูกคอมมิวนิสต์ที่อยู่ข้างทักษิณ

แสดงว่าเริ่มปิดไม่อยู่แล้ว แม้ว่าจะเนียนขนาดที่โทรมาให้กำลังใจลูกสาวเสธ. แดง และกล่าวชมว่า “เข้มแข็งเหมือนพ่อ” ส่งโนมินีสมชายไปเยี่ยม ก็พูดคำเดียวกัน “เข้มแข็งเหมือนพ่อ” อารมณ์ลูกสาวก็ยังเชื่อว่า ไม่ว่าจะเห็นเหมือนหรือต่างกับพ่ออย่างไร ก็เคารพที่พ่อจะทำงานให้กับทักษิณ สอดคล้องกับคนเสื้อแดงที่ไปช่วยกันดูแลทักษิณ แต่วันนี้ กลับมีคลิปยูทูป จากผู้จัดทำไม่ทราบฝ่ายที่มีเนื้อหาให้ชาวเสื้อแดงรัฐไทยใหม่เกลียดเสธ.แดง

สอดคล้องคำโบราณที่ประยุกต์ได้ว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่า ..(เสธ. แดง)...” หรือไม่ ?

การปะทะของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ทำให้มีคนไทยตายไปหลายสิบคน แต่ประชาชนก็เห็นพี่น้องคนไทยกว่า 3,650 คนกลับบ้านโดยไม่ถูก “ทหารฆ่าประชาชน” อย่างที่ฝังสมองไว้ ก็น่าจะทำให้ประชาชนยังไม่เชื่อว่ามี “ทหารฆ่าประชาชน” อีกต่อไป

การตายของ เสธ. แดงคนเดียว ก็กลับมีพิรุธให้คนกลับมาสงสัยทักษิณมากขึ้น...

ครั้งต่อไป อาจเป็น “ระดับแกนนำ” จึงจะมีพลัง และกลบเกลื่อนเป้าเดี่ยวอย่าง เสธ.แดงไป แกนนำที่ฉลาด และหลบหนี อาจจะรู้ว่า ถ้าเจอเจ้าหน้าที่รัฐ อาจแค่จับกุม แต่ถ้าเจอทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ กองกำลังไม่ทราบฝ่ายใจดำ ก็อาจถึงตายได้ และอีกกลุ่มจึงแทบจะวิ่งไปขอมอบตัว เพราะกลัวว่าจะตายเสียก่อน

ถึงนาทีนี้ แกนนำแต่ละคนมองกัน ก็ระวังหลังกันด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่า ใครจะเอาความดีความชอบ ด้วยการหา “เหยื่อ” ซึ่งจะเป็นวีรบุรุษ ระดับแกนนำ อย่าง เสธ. แดง ที่อาจจะต้อง “สละชีพ เพื่อรัฐไทยใหม่” หรือ “สละชีวิต เพื่อทักษิณ” ต่อไปก็ได้ครับ

ไทยทน (รักชาติไทย ด้วยใจอดทน)


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072009
read more "ใครยังอยากรับใช้ทักษิณ...ระวัง “หลัง” ให้ดี...ระวังชีวีจะหาไม่ / ไทยทน 25 พฤษภาคม 2553"