วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สถานการณ์ม็อบเสื้อแดง จากใจคนเกลียดพันธมิตร / Kornkarun Cheewatrakoolpong 17 พ.ค. 2553

หมายเหตุ: ยินดีให้เอาไปแชร์ต่อได้ค่ะ แต่ขอความกรุณาอย่าส่งเป็น fwd mail นะคะ ขอบคุณค่ะ
หมายเหตุ 2: เนื่องด้วยแรกเริ่มเดิมที เขียนขึ้นเพื่อแบ่งปันเพื่อน ๆ อ่าน จึงไม่ได้ชี้แจงอะไรมากมาย ข้อเขียนนี้ เป็นการวิเคราะห์และความเห็นส่วนตัวของเราซึ่งเกิดจากมุมมองและความคิดของเรา มิได้มีเจตนาให้ผู้ใดต้องเห็นเหมือน กัน ในสถานการณ์เช่นนี้ หากท่านคิดว่าสิ่งที่ท่านเชื่อ เกิดจากการประมวลและวิเคราะห์เป็นอย่างดี ก็เชื่อเช่นนั้นต่อไป ไม่มีจำเป็นอันใดที่จะต้องเปลี่ ยนมุมมอง เพราะท้ายสุดเวลาเท่านั้นจะบอก ได้ว่าความจริงคืออะไร โดยไม่จำเป็นว่าความคิดของเราหรือของใครต้องถูก ดังนั้นเราจึงขอไม่ออกความเห็น โต้แย้ง แต่ขอรับฟังมุมมองอื่นอย่างเดียว ค่ะ ส่วนจะคิดว่าเราแอ๊บเหลือง แอ๊บแดง แอ๊บชมพู แอ๊บเขียว แอ๊บขาวก็สุดแล้วแต่ค่ะ เพราะที่สุดแล้ว อย่างน้อยเรารู้จักตัวเราเองดีกว่าใครค่ะ ^^

อยากจะเขียนถึงสถานการณ์ที่เกิด ขึ้นในบ้านเมืองเราในครั้ง นี้ จากใจคนที่เกลียดพันธมิตรเป็นอย่าง มาก ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตร กรณีแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะถึงขั้นยึดสนามบิน และเห็นว่าการกระทำของพันธมิตรเป็นบ่อเกิดของความแตกแยกในประเทศครั้งนี้ส่วนหนึ่ง และจากใจคนที่ไม่ได้เป็น royalist ตามคำจำกัดความของสังคมไทย หากแต่มีความรักให้พ่อตามแบบผู้นำคนนึงที่เก่ง แต่ก็อ่านหนังสือหลายอย่างมาหมด แล้ว เหตุการณ์ 14, 6 ต.ค.ก็อ่านหมด หนังสือสายสังคมนิยมหรือจิตร ภูมิศักดิ์ก็อ่านหมด ของอ.ชาญวิทย์ก็ด้วย เรามั่นใจในความเป็นกลางของตนเองมาตลอด และมาถึงวันนี้เราประณามการกระทำของเสื้อแดงอย่างรุนแรง จนถึงจุดที่เราเห็นควรในการบังคับใช้กฏหมายโดยไม่ต้องมีการเจรจาหรือปรองดอง จึงอยากเขียนถึงหลาย ๆ ประเด็นที่รับรู้ให้หลาย ๆ คนเข้าใจ

1. Propaganda and brainwashed
ประเด็นที่ทางเสื้อแดงชอบนำมา ใช้ในการเล่นงานรัฐบาลคือการ ใช้นโยบายสร้าง propaganda เพื่อให้สังคมเกลียดเสื้อแดงอย่างไร้มูลความจริง เฉกเช่นสถานการณ์ใน 6 ต.ค. ในประเด็นนี้เราของแย้งในระดับ ความรุนแรงที่รัฐได้ใช้ และขอเพิ่มประเด็นของการใช้ propaganda ของแต่ละฝ่าย

สื่อของรัฐ ใช้การนำเสนอข้อมูลในด้านเดียว อันนี้แน่นอน หมายถึงมีความจริงในอีกด้าน ที่รัฐเลี่ยงเสนอในบางสถานการณ์ ที่อาจจะสร้างผลเสียให้กับ ภาพลักษณ์ของตน รวมไปถึงการใช้ประเด็นหลัก 2 ประเด็นคือสถาบันและทักษิณ มาเป็นตัวชูโรงในการ discredit เหล่าเสื้อแดง แต่เราขอใช้คำว่า ไม่มีการบิดเบือน ในการนำเสนอข่าวหรือรายการของรัฐ แต่เป็นการเสนอด้านเดียว และการเพิ่ม degree เท่านั้น หมายถึง รัฐไม่นำเสนอสิ่งทีเป็นผลเสียกับตน แต่จะเสนอในด้านที่เป็นผลดี (เช่น นำเสนอการทำร้ายทหารของนปช. แต่ไม่นำเสนอภาพนปช.ถูกทำร้ายโดยทหาร) แต่สิ่งที่แตกต่างจากครั้ง 6 ต.ค. คือสิ่งที่รัฐนำมาใช้ เป็นสิ่งที่มีมูลความจริง ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ แกนนำเสื้อแดง มีกลุ่มคนที่คิดล้มล้างสถาบันอยู่ด้วยจริง ไม่ว่าจากคำพูดของแกนนำเองหลาย ๆ คน หนังสือ voice thaksin การเขียนบทความของกลุ่มแดงสยาม หรือคนสนับสนุนเสื้อแดง อย่างใจ อึ้งภากรณ์ และอีกหลาย ๆ คน ในขณะที่ทางเสื้อแดงไม่เคยออกมาห้ามปราม หรือตัดคนเหล่านี้ออกจากกลุ่ม อาจไม่ใช่ทุกคนที่มีความคิดดังกล่าว แต่มีคนกลุ่มนี้ในเสื้อแดงอยู๋จริง และได้รับการยอมรับจากกลุ่มเสื้อแดงเช่นกัน หรือกรณ๊ของการซ่องสุมอาวุธ ที่แม้จะมีผู้ชุมนุมที่ไม่มีอา วุธอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนที่มีอา วุธหนักอยู่เช่นกัน ข้อกล่าวหาของรัฐจึงมีมูลความจริง แตกต่างจากครั้ง 6 ต.ค.ที่เป้นเพียงข้อกล่าวหาที่ โคมลอย

สื่อของเหลือง มีการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือน หรือเรียกว่านำเสนอข่าวลือแบบไม่ได้ตรวจสอบหลายครั้ง แต่เนื่องจากพันธมิตรมีการลดบทบาท ลงอย่างมาก จึงขอข้ามประเด็นนี้ไป

สื่อของเสื้อแดง และการปราศรัยของเสื้อแดง มีลักษณะเป็น propaganda ที่ชัดเจนที่สุด เริ่มตั้งแต่การนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว การบิดเบือนข้อมูล การสร้างข้อมูลเท็จ รวมไปถึงการล้างสมองของคน เราจะเห็นพฤติกรรมการเปลี่ยนกระบวนการความคิดตามคำพูดของแกนนำได้หลายครั้ง และเราจะเห็นการเชื่อในสิ่งที่ เป็นไปไม่ได้ของเสื้อแดงหลาย ครั้ง แม้ว่าจะเป็นความเท็จที่เห็นชัด แค่ไหนก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เรารับรู้มาตลอดจากการติดตามข่าวสารทางซีกแดงไม่ว่าจากการปราศรัยผ่านวิทยุชุมชน หรือการติดตามเว็บบอร์ดของเสื้อ แดง ขอยกตัวอย่างการบิดเบือนข้อมูล ในหลายครั้ง

1.1 กรณีการสั่งฆ่าคนของอภิสิทธิ์เมื่อ เม.ย. 52 โดยอาศัยคลิปตัดต่อเสียงของอภิสิทธิ์ ที่พิสูจน์มาหลายครั้ง ว่ามีการตัดต่อนาทีไหนบ้าง และ... แค่ฟังก็รู้ว่าตัดต่อ ด้วยจังหวะการพูดที่แปลกมหัศจรรย์ น้ำเสียงไม่สอดคล้องกับเนื้อหา และคลื่นแทรกอย่างน่าใจหาย ประกอบกับการไม่มีคนตาย ไม่ใช่แค่ผู้ตาย แต่ไม่มีคนสูญหาย ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมาก ปกติเหตุการณ์ในอดีตที่ถูกบิดเบือนยอดคนตาย จะมีการแจ้งคนสูญหายอยู่ กรณีนี้ไม่มีค่ะ เป็นศูนย์ รูปคนตายที่เล่นมาถึงทุกวันนี้ คือลุงคนที่เจ็บ แต่ไม่ตาย ก็อยากให้เค้าตายกันเหลือเกิน -"-

1.2 ประเด็นเรื่องการส่งกำลังมาช่วย เหลือของ UN หรือนาวิกโยธินสหรัฐยกพลที่สัตหีบมาช่วยเสื้อแดง -"- นิทานหลอกเด็กของแกนนำ ที่อยากให้คนเสื้อแดงทำความเข้าใจว่า การส่งกำลังช่วยเหลือของ UN มีการกำหนดขอบเขตไว้ชัดเจน คือจะทำการพิจารณาในกรณี การช่วยเหลือที่รัฐบาลร้องขอก รณีรัฐกลายเป็น failed states (เช่นเหตุการณ์ในโซมาเลีย) การช่วยเหลือในกรณีข้อพิพาทระหว่าง ประเทศ (เช่นเหตุการณ์คูเวต-อิรัก) หรือ การช่วยเหลือในกรณีที่มีความวุ่นวาย ในประเทศอย่างร้ายแรง ในระดับของ genocide

ในประเด็นนี้อยากจะขอยกตัวอย่าง ง่าย ๆ คือกรณีของรวันด้า ที่มีการส่งกองกำลังสังเกตุการณ์มาตลอดที่เริ่มมีเหตุการณ์รุนแรง และกองกำลัง UN ถูกสั่งให้ "ถอนกำลัง" ทันที่ที่สถานการณ์ตึงเครียดอย่างหนัก ณ ขณะที่ชาวฮูตูจับอาวุธขึ้นไล่ฆ่าชาวบ้าน (ที่ไม่ได้มาม็อบนะคะ)เผ่าทุตซี่นั้น ทาง UN นั่งเถียงกันว่ามันเข้าข่าย genocide หรือเปล่า? ไม่มีการช่วยเหลือของ UN ตลอดเหตุการณ์

ในขณะเดียวกัน ประเทศที่ UN/US ส่งกองกำลังเข้าไปช่วยเหลือ มีผลประโยชน์แอบแฝงเสมอ เช่น oil-for-food program กรณีอิรัก สังเกตุได้ว่า ประเทศที่เข้าไปช่วยเหลือ ถ้าไม่มีน้ำมัน ทอง ก็เพชร อย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 ประเภทนี้ค่ะ นับตั้งแต่หลังยุคสงครามเย็นมา (แต่ก่อนมีการเข้าไปช่วยด้วย political motives) ส่วนหนึ่งก็เพราะการพยายามคงงบประมาณทางการทหารของ US หลังสิ้นยุคสงครามเย็น นอกจากนี้ ยังมีรายงานถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง (ปล้น ฆ่า ล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะเด็กหญิง) โดยกองกำลัง peacekeeping forcce ของ UN

ขอความกรุณาเสื้อแดงเลิกฝันค่ะ จะประณามการยิง หรือใด ๆ ก็ตาม ไม่มีการเข้ามาช่วยพวกคุณแน่นอน สมัยกบฏพยัคฆ์ทมิฬ รัฐบาลก็ถูกประณามจากต่างชาติ ค่ะ สุดท้ายเสร็จสิ้น ชี้แจงได้ ต่างชาติก็ยอมรับค่ะ

1.3เรื่องขำขันเป็นนิทานหลอกลวง รายวันของเสื้อแดงยังมีอีก มาก วันหลังจะค่อย ๆ ระลึกความจำรวบรวมให้ แต่ตอนนี้ขอกลับมาปัจจุบันก่อนยาวเกิน ณ ปัจจุบัน สถานการณ์การเต้าข่าว พูดง่ายๆ คือโกหกหลอกลวงอย่างชัดเจน ขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น ทหารแตงโมยิง RPG ถล่มราบ 11 ยึดอำนาจได้ สุเทพและนายกฯถูกยิงตายแล้ว ข่าวเหล่านี้ล้วนหลอกลวง (แน่นอน ไม่งั้นเมื่อวานอภิสิทธิ์จะแถลง ได้อย่างไร) แต่เสื้อแดงกลับเชื่อ ขอเทียบเคียงสถานการณ์นี้กับสมัยพฤษภาทมิฬ การสร้างข่าวลือไม่ว่าจะเป็นการ ช่วยเหลือของทหารบางฝ่าย หรือการตายของคนนั้นคนนี้ ถูกใช้เสมอในคืนก่อนเกิดเหตุการณ์รุนแรง ขอให้ทุกคนเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ และใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารค่ะ

เพราะเสื้อแดงและแกนนำ มีการนำเสนอความเท็จเยอะมากในวันนี้

2. เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และสถานการณ์การปราบปรามในปัจจุ บัน
2.1 ความพยายามในการปรองดองของรัฐบาล
สิ่งที่ขอนับถือในตัวคุณอภิสิทธิ์ คือความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการสร้างความปรองดอง หรือลดเงื่อนไขการเกิดสถานการณ์ รุนแรง ซึ่งจะเห็นได้จากการเปิดโต๊ะเจร จา ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนยอมทำยาม เกิดม็อบ รวมถึงสมัครและสมชาย และการประกาศแผนปรองดองในจังหวะเวลาที่แดงเพลี่ยงพล้ำเป็นอย่างมาก คือหลังเกิดเหตุการณ์บุกรพ.จุฬา ซึ่งสถานการณ์นั้น ม็อบคนน้อย มีความชอบธรรมในการปราบ จะทำเลยก็ได้ แต่คุณอภิสิทธิ์กลับเลือกการยื่นข้อเสนอปรองดอง เพราะรู้ว่าง่ายต่อการตอบรับ เป็นที่น่าเสียดาย ที่ทางแกนนำแดงนั้นขาดความจริงใจ นับตั้งแต่ใช้โต๊ะเจรจาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ + ปล่อยข่าวลือ หรือการเปลี่ยนท่าทีรายวันหลัง การนำเสนอแผนปรองดอง จากที่รับ แต่ขอวันยุบสภา >>> รัฐบาลให้วันยุบ >>> ขอการดำเนินการทางกฏหมายต่อสุเทพ >>> สุเทพมอบตัว DSI >> ไม่เอาจะเอากองปราบ (อย่าลืม จตุพรเป็นคนพูดเองวันแรกหลังเสนอแผนปรองดองที่แถลงการณ์ให้ DSI รับ 10 เม.ย.เป็นคดีพิเศษ และพรรคเพื่อไทยนำญาติฟ้องต่อ DSI เอง) ความไม่จริงใจดังกล่าวของทางเสื้อ แดง ทำให้แผนการปรองดองทั้งหมด ล้มพับไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งเหตุผลเบื้องหลังเพราะแท้จ ริง ยุบสภาไม่ใช่เป้าหมายเดียวของเสื้อ แดง

เสื้อแดงควรเลิกหลอกตัวเอง ถึงเรื่องรัฐบาลไม่มีปัญญาปราบ เพราะเขามีแน่ ความจริงก็คือ อภิสิทธิ์เป็นนายกฯพลเรือนที่ได้ back ทหารเข้มแข็งที่สุดตั้งแต่มีมา ในประวัติศาสตร์ไทย (แน่นอน ก็ทหารอุ้มชูขึ้นมา) ที่อภิสิทธิ์อยู่คือราบ 11 คนที่เป็นการ์ดหลังเม.ย. 52 คือทหารบูรพาพยัคฆ์ เลิกหลอกตัวเองว่าทหารไม่ช่วยได้ แล้ว และข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งของ ไทยคือ ทบ.คือขุมกำลังที่เข้มแข็งสุด ที่ไม่ว่าตำรวจ หรือทร. ไม่อาจเทียบได้ (ทร.หมดอำนาจตั้งแต่กบฏวังหลวงล้มเหลวต่อด้วยกบฏแมนฮัตตัน ส่วนตำรวจสิ้นอำนาจหลังเผ่าแพ้ต่อสฤษดิ์) ส่วนทหารเรื่องอื่น เดี่ยวจะเขียนต่อในอีกส่วนค่ะ

2.2 เหตุการณ์ 10 เม.ย
เหตุการณ์ 10 เม.ย.นับเป็นปฏิบัติการที่ผิดพลาด รวมถึงการมีคนตายเกิดขึ้น สาเหตุเพราะบูรพาพยัคฆ์ประมาณผู้ ชุมนุมไว้ต่ำเกินไป การสลายการชุมนุมจึงยืดเยื้อ และการแทรกแซงของผู้ก่อการร้ายที่ซ่อนตัวในกลุ่มเสื้อแดงที่มีอาวุธสงคราม ทำให้ปฏิบัติการล้มเหลวโดยสิ้น เชิง เมื่อผู้บังคับบัญชาตั้งแต่วลิต ร่มเกล้า เกรียงศักดิ์ ไล่มาระดับเสธทั้งหมด โดนระเบิดบาดเจ็บหนัก- ตาย ทำให้ภาวะขาดหัวสร้างความระส่ำ ระสาย จนเกิดการยิงเกิดขึ้น แน่นอนมีผู้ชุมนุมบริสุทธิ์ล้มตายเป็นอย่างมาก แต่เพราะมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัว ในกลุ่มท่าน และทำการยิงทหารโดยใช้เหล่าผู้ชุมนุมเป็นบังเกอร์ จึงนับเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหด เป็นอย่างมาก เสื้อแดงควรเลิกหลอกตัวเองด้วยนิทานฮีโร่ข้างทางทนไม่ไหวที่ปชช.ถูกทำร้าย แล้วมาช่วยท่านได้แล้ว เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายนี่ล่ะ ที่ทำให้ท่านล้มตายกัน

2.3 เหตุการณ์ตั้งแต่ 14 เม.ย.เป็นต้นมา
ตั้งแต่เริ่มรู้ถึงการล้มของแผน ปรองดอง เราก็คาดการณ์มาตลอดถึงการสลาย การชุมนุม และการตายของผู้มาร่วมชุมนุม สาเหตุเพราะครั้งนี้ไม่เหมือนกับ ทุกครั้งที่ผู้ชุมนุมมาอย่าง ไร้อาวุธ มีคนกลุ่มที่ 3 มาสร้างสถานการณ์ทำให้วุ่นวายบ้าง แต่ครั้งนี้ ในกลุ่มผู้ชุมนุมเอง มีกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการ ฝึกฝน แฝงตัวอยู่เป็นจำนวนมาก (คงไม่ต้องพิสูจน์แล้วนะคะ M79 และปืนยิงมากันเปรี้ยง ๆ ใส่ทหารขนาดนี้) การเข้าสลายในครั้งนี้ จึงกลายเป็นการรบกันระหว่างฝ่าย รัฐ และผู้ก่อการร้าย โดยมีผู้ชุมนุมโดยบริสุทธิ์เป็นบังเกอร์ ย้อนกลับไปมองเหตุการณ์กองกำลังติดอาวุธสองฝ่ายจับอาวุธขึ้นสู้กัน ไม่ว่าจะเป็นกบฏวังหลวง กบฏบวรเดช ล้วนแต่มียอดคนตายเป็นหลักพัน คราวนี้ยอดคนตายถ้าจบที่เป็นหลัก ร้อย ก็ถือว่าทำดีแล้วค่ะ

นอกจากนี้อยากจะตั้งข้อสังเกตถึง ความแตกต่างระหว่างการประท้วง ครั้งนี้และในครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา

- ลักษณะการประท้วงในครั้งนี้ มีการสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ทั่วไปในรูปแบบที่เป็นการ คุกคามชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ใช่เพียงความเสียหายทางเศร ษฐกิจ พูดง่าย ๆ คือ การก่อการจลาจล และการใช้อาวุธหนักของกลุ่มคนเสื้อแดง ลักษณะการก่อจลาจลมีทั้งการเผาและพยายามเผา (lotus express ลุมพินีและบ่อนไก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กสิกร โรงแรมเซ็นจูรี่ ป้อมตำรวจ รถทหาร ตำรวจ ดับเพลิง ขยะ) การปล้น (7-eleven และพยายามงัดแบงค์กรุงเทพ ทุบเกษร ไม่รวมถึงการรีดไถทรัพย์สินผู้ ที่ต้องสัญจรผ่านด่านเสื้อแดง มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา) การทำร้ายร่างกายประชาชนทั่วไป หรือการหลอกลวงให้ประชาชนที่ใช้ท างติดเข้าไปในพื้นที่ปะทะ (การ์ดนปช.ปิดทางและบังคับคนเข้า พื้นที่ทั้งบ่อนไก่และราช ปรารภที่มีการยิงกัน หรือการโกหกว่ารร.พระหฤทัยรับคนที่เดือดร้อนให้มาอยู่ได้ทั้ง ๆ ที่ถูกปิดและมีการ์ดเสื้อแดงคุม เป็นการโกหกให้คนทั่วไปมาถูกทำร้ายอย่างน่าละอายมาก ๆ ของม็อบแดง) ลักษณะดังกล่าว สร้างผลกระทบต่อจิตใจของคนทั่วไปรุนแรงกว่าความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจที่พันธมิตรทำ (แม้จะตีกัน แต่พธม.ก็ตีกับแดง หาใช่คนธรรมดา จะมีก็เพียงการปรามาสหรือด่าเท่านั้น)

ไม่รวมถึง M79 จำนวนมากที่ลงตามจุดต่าง ๆ ซึ่งถึงวันนี้ ถ้าใครยังคิดไม่ได้ว่ามาจากไหน ก็ควรไปกินอาหารเสริมสมองเพิ่ม ความสามารถในการประมวลผลได้ แล้ว

- รัฐบาลมีการทำงานที่เป็นลำดับขั้น ตอนมาก จนช้าไม่ทันใจ และในบางครั้งช้าจนส่งผลเสียด้วยซ้ำ (เช่น ยึดรปส.ได้เพราะรัฐบาลรอขอหมาย ศาล -''-) หากจบเหตุการณ์ไปแล้ว การจะ defense ตัวเองต่อคนในประเทศและประชาคมโลกไม่ใช่สิ่งที่ยากเลย และม็อบก็ช่วยรัฐบาลอีกชั้นด้วย การก่อจลาจล และใช้อาวุธหนัก justify การปราบของรัฐบาลเรียบร้อย แม้จะมีการพลาดทำให้ bystanders ตาย แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติในภาวะสงครามที่สามารถ defense โทษหนักได้อย่างแน่นอน

- ยุคข้อมูลข่าวสารเช่นนี้ ข่าวแพร่กระจายเร็ว ภาพและคลิปจากสองฝ่ายมีเป็นจำนวนมาก การสืบหาความจริงทำได้ไม่ยาก แตกต่างจากอดีตที่การปิดข้อมูลทำได้ง่าย

3. ความขัดแย้งในหมู่ทหาร
มีการวิเคราะห์มากมายถึงความขัด แย้งในหมู่ทหารอันเป็นที่มา ของการชี้เป้าทำร้ายทหารระดับ สูงของบูรพาพยัคฆ์ในปฏิ บัติการวันที่ 10 เม.ย. รวมถึงประเด็นของทหารจากสายวงศ์เทวัญ ซึ่งถือว่าเป็นผู้กุมอำนาจทบ.มายาวนาน โดยส่วนตัวมีความเห็นต่างในเรื่องนี้เหตุเพราะคนที่หมดอำนาจโดยสิ้นเชิงหาใช่วงศ์เทวัญ อย่างน้อยวงศ์เทวัญก็ยังนั่งแท่นใน 5 เสือทบ.ได้ และมีความเป็นไปได้จะแทรกคิวเป็น ผบ.ทบ.ต่อจากคณิต ปฏิบัติการสูญญากาศในช่วงลาดหลุมแก้วและ 10 เม.ย. ของวงศ์เทวัญจึงน่าจะเกิดจาก power play ที่อยากได้ line up ต่อจากคณิตให้ได้ และปฏิบัติการตั้งแต่ 14 พ.ค.เป็นต้นมา ก็น่าจะยืนยันการรอมชอมของ 2 ฝ่ายหลักในทบ.ได้ เพราะตั้งแต่ 14 พ.ค.มานั้น ทบ.เลือกใช้บริการทหารจากวงศ์เทวัญล้วน ๆ

4. บทสรุป
ณ ตอนนี้ เสื้อแดงไม่สามารถชนะได้ เลิกฝันถึงประชาชนชนะเสมอได้แล้ว ประการแรก การประท้วงโดยประชาชนไทย ชนะได้โดยการเกื้อหนุนจากปัจจัย ภายนอกเสมอ ย้อนเวลาสมัยเลือกตั้ง 2500 ประชาชนประท้วงชนะได้เพราะสฤษดิ์ช่วย หากไม่มีร้าวลึกระหว่างสฤษดิ์และเผ่า คงไม่ได้เห็นการขึ้นไฮปาร์คเข้าข้างผู้ประท้วงของสฤษดิ์ รวมถึง 14 ต.ค. และพ.ค.ทมิฬที่ล้วนได้ปัจจัยภาย นอกเกื้อหนุน

ประการที่ 2 กำลังทหารครั้งนี้ ที่ใช้อยู่ยังไม่ใช่ที่สุดที่ทบ.ทำได้ ทหารบูรพาพยัคฆ์แท้ ๆ และดั้งเดิมที่เคลื่อนตัวมาจาก ปราจีน และสระแก้ว ยังอยู่ในราบ 11

ประการที่ 3 การต่อสู้ประชาชนที่มักหยิบยกกันมาใช้ปลุกขวัญแดง เป็นลักษณะการลุกฮือของคอมมิวนิสต์ เป็นหลัก หากสังเกตวิธีการต่อสู้ของแดง ในขณะนี้ ก็ถอดแบบลอกมาจากการจับอาวุธขึ้น สู้ของบอลเชวิก และเน้นการใช้กลุ่มคนเฉกเช่นคอมมิวนิสต์สายเหมา ข้อสำคัญที่จะชนะได้นั้น คือองค์ประกอบที่รัฐจะต้องล้มเหลวในการคุมกำลัง (เหมาชนะเจียงได้ด้วยผลบุญจากสงคราม โลกครั้งที่ 2 ด้วย ส่วนบอลเชวิกชนะ ณ จุดตกต่ำของโรมานอฟ รวมถึงการแปรพักตร์ของทหารจำนวน มาก) และที่สำคัญกว่าคือ "การชนะใจคน" ซึ่งม็อบแดงไมสามารถทำได้ สิ่งที่ม็อบแดงทำ คือทำให้คนเดือดร้อน และถอยห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะพฤติกรรมที่ไม่ต่างกับ "โจร" จึงสร้างความชอบธรรมในใจคนที่รู้สึก ว่าควรมีการปราบปรามได้ ดังนั้น การนำความตายของม็อบแดง มาปลุกความรู้สึกของคนทั่วไปหรือคนกลาง ๆ จึงไม่สำเร็จ แทนที่จะเหมือนปกติ ยิ่งม็อบคนยิ่งร่วม (ปฏิวัติรัสเซียหรือฝรั่งเศส เริ่มต้นด้วยคนจำนวนน้อย และขยายแนวร่วมขึ้นเรื่อยๆ)

ดังนั้น อยากให้ม็อบแดงได้สติ อย่าทำสงครามที่ไม่มีวันชนะ อย่าทำให้คนถอยห่างจากคุณมากขึ้น อย่าเชื่อนิทานหลอกม็อบไปวัน ๆ ของผู้นำ ... กลับบ้านเถอะ เมื่อนั้น ท่านไม่ตาย และความสงบสุขจะคืนสู่ประเทศไทย...

จากใจคนเคยขาว...

http://www.facebook.com/note.php?note_id=119520528082863&id=849400430

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น