๓ วันผ่านไป หลังเหตุการณ์ "พฤษภา-เผากรุง" ฉากหน้าคล้ายว่าสงบ แต่ใต้ซากแห่งความสงบ เชื้อร้ายยังแผ่ซ่านรอวันปะทุ ผมอยากจะบอกว่า "ความจริงวันนี้" ของประเทศไทย เต็มไปด้วยคนบ้าประชาธิปไตย แต่ไม่รู้จักประชาธิปไตย เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อปี ๒๔๗๕ ผู้ใหญ่ไปเห็นไฟฟ้าในตะวันตก ก็อยากให้ประเทศไทยใช้ไฟฟ้าบ้าง ทั้งที่รากฐานสังคมไทยสว่างด้วยแสงนำทางจากเปลวเทียนหน้าองค์พระปฏิมา แต่คนหัวนอกบอกว่าต้อง "ประชาธิปไตย-ตีนฝรั่ง" เท่านั้น จึงจะเป็นแสงสว่างนำทางให้ประชาชนคนไทย
และเมื่อ "ดับไต้-ดับเทียน" เลียนประชาธิปไตยฝรั่ง หันหลังให้ธรรมาธิปไตย นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ ๗๘ ปีของการเลียนใช้ "ประชาธิปไตย-ไซส์ตีนฝรั่ง" ผลคือ
คนป่าเอา ประชาธิปไตยมาฆ่ากัน ฆ่ายังไม่หนำใจ ใช้ไฟ-คือประชาธิปไตยนั้น เผาบ้านเมืองทั่วทั้งประเทศ!
ผมฟังนักข่าวต่างประเทศเขารายงานเหตุการณ์ ในเมืองไทยกลับไปประเทศต้นสังกัดเขา และข่าวที่ถูกตีแผ่ไปทั่วโลก เขาบอกว่าสาเหตุใหญ่มาจาก "ความเหลื่อมล้ำ" ทางสังคมไทย พูดง่ายๆ คือ ความรวยและโอกาส กระจุกอยู่เฉพาะบางพวก-บางคน แต่ความจนกระจายสู่ประชาชนอันเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ
และเท่าที่ฟังผาดๆ คุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาฯ อาเซียน ท่านก็ไปพูดในสังคมอาเซียนแห่งหนึ่งวานนี้ ท่านก็บอกทำนองเดียวกันว่า "ความเหลื่อมล้ำ" ทางสังคมเป็นต้นเหตุ!
ผมคงไม่เถียง เพราะก็มีส่วนอยู่บ้าง แต่ต้องเถียงว่า "นี่..ไม่ใช่ต้นเหตุ" ของการเกิดสงครามกลางเมือง หรือสงครามก่อการร้าย ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ แน่นอน!!!
พูด ถึง "ความเหลื่อมล้ำ" ในมุมที่เป็นจริงก็คือ...ทักษิณผูกขาดความร่ำรวยด้วย "ระบบสัมปทาน" แต่ผู้เดียว แถมยังพยายาม "ผูกขาดอำนาจรัฐ" ผนวกเข้ากับการผูกขาดทางธุรกิจ ควบคุมขบวนการ "โกงกินชาติ" ครบวงจร เพื่อสร้างความร่ำรวยผูกขาดให้ตัวเองและคณะเบ็ดเสร็จ นำไปสู่การขจัดความเหลื่อมล้ำคือ ผลประโยชน์-อำนาจ ที่หลงเหลืออยู่กับคนอื่นบ้าง ด้วยการ...
พยายาม "รวบอำนาจ" แล้ว "ยึดประเทศ" ไปทั้งหมดเลย!
อะไรที่ทักษิณอยากได้ แล้วไม่ได้ นี่จะเป็น "ความเหลื่อมล้ำ" เป็น ๒ มาตรฐานสำหรับทักษิณและคณะพรรค
อะไรที่ผิดแล้ว ทักษิณอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ ติดสินบนไม่ได้ นี่ก็เป็นความเหลื่อมล้ำในทัศนะทักษิณและคณะพรรค!
การปล่อยให้ทักษิณยึด ครองประเทศ แล้วใช้เศษเงินแจกจ่ายบริวาร-ข้าราชการ-ประชาชน ในเครือข่ายของเขา และใครที่ไม่สวามิภักดิ์ ไม่ยอมเป็นพวก "กระทืบให้ตาย-เผาให้หมด" และ-ใครก็ได้ที่เป็นคนในเครือข่ายของเขา "ทำอะไรก็ได้" ตำรวจไม่จับ
นี่แหละ...แบบนี้แหละ คือสังคมที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำตามที่ทักษิณและคณะพรรคต้องการ!?
ต้น เหตุของ "สงครามก่อการร้าย" มันมาจาก "ความเหลื่อมล้ำ" ตรงนี้ และอย่างนี้ ไม่ใช่จับเปลือกๆแล้วกระเดือกๆ ไปพูดเป็นว่าเหตุมาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคมในแง่ของความรวย-ความจน ในแง่ของไพร่-อำมาตย์เพ้อเจ้อ จะไปว่าฝรั่งมันไม่รู้ประสาก็ยกไว้ แต่สำหรับคนไทย ถ้ายังพลอยเข้าใจไปอย่างนั้น
ไม่เหนื่อย แต่น่าอนาถ!?
ผม ฟัง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. และ "นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" แถลงวานนี้ตามลำดับ ประเด็นหนึ่งที่ผมจับความได้ว่า ทาง ศอฉ.จะทยอยคืนงานให้กับตำรวจ ผมฟังแล้วเสียววาบ และคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ ถ้ารู้ว่า ศอฉ.หรือพูดตรงๆ คือ "ทหาร" จะถอนกลับที่ตั้ง คืนภารกิจปราบกบฏทั้งหมดนี้ให้ตำรวจวัน-สองวันนี้
เผลอๆ ประสาทหลอน หรืออาจมีบางคน "ช็อก" ตายไปเลย!
ผมเอง เพื่อเห็นแก่สถานการณ์โดยรวม พยายามไม่เพ่งเล็งบทบาท-ท่าที-การทำงานของตำรวจ เพราะอะไรที่อดทน-อดกลั้นได้เพื่อขจัดความแตกแยกให้มากที่สุดก็อยากจะทำ แต่ถ้า ศอฉ.และนายกฯบอกว่า จะเร่งคืนงานในหน้าที่ให้ตำรวจ และ กทม. ผมก็อยากจะบอกตามตรงว่า
ชาวบ้าน "ไม่ไว้ใจตำรวจ" ครับ!?
ตำรวจกับ ขบวนการเสื้อแดง หรือพูดให้ชัด รวมไปถึงบทบาทตำรวจกับขบวนการก่อการร้าย ๑๙ พฤษภานี้ มันกินใจประชาชนไปอีกนาน!
ยิ่งในต่างจังหวัดด้วยแล้ว ความเหลื่อมล้ำสูงมาก คือขบวนการทักษิณ "ผูกขาด" อำนาจประชาชนไว้ฝ่ายเดียวชนิดไร้ขอบเขตกฎหมาย จะเผาสถานที่ราชการ โรงพัก ศาลากลาง หรือจะฆ่าใคร กระทั่งจะให้ใครเข้าจังหวัดได้-หรือไม่ได้
พวก ข้านี่แหละ..ประกาศิตเสื้อแดง คือกฎหมาย!
บอดี้-เสื้อแดง แค่เครื่องใน-เสื้อกากีบ้าง เสื้อเขียวบ้าง และที่มองข้ามกันไปทั้งที่เป็น "แกนใหญ่" ในการขับเคลื่อนแดงทั้งแผ่นดินคือ "ส.ส.ในพื้นที่" ผนึกบารมีคนการเมืองท้องถิ่น และเจ้าพ่อ-มาเฟียที่หากินเลาะตะเข็บกฎหมาย
ตรง นี้แหละคือตัวการของเหตุการณ์ ๑๙ พฤษภา ไม่ใช่เรื่องเหลื่อมล้ำทางสังคมบ้าบออะไร เพราะคนไทยไม่เคยมีใครอดตาย มีแต่นักการเมืองเอาไปแจก-เอาไปบำเรอจน "ท้องแตกตาย" จนประเทศไทยกลายเป็นรัฐ "การเมืองเลี้ยง" ไปแล้ว!
ขอย้ำ เรื่องความเหลื่อมล้ำซึ่งมีอยู่จริงใน "ชีวิตจริง" ตามธรรมชาติ ไม่ใช่ต้นตอของเหตุที่เกิด แต่ธรรมชาติของคนไทยระดับชาวบ้าน ชอบระบบ "ลูกพี่อุปถัมภ์" ยิ่งได้คนมีสี แถมมีเงินให้หนุนหลัง อย่าว่าแต่เผาเมืองเลย ให้คว่ำประเทศเอาสวรรค์จมดิน เอาด้านนรกขึ้นฟ้า มันก็ทำให้
พูดไปก็ยาว แต่ก็เพราะ "ประชาธิปไตย" ที่ไม่ออกแบบตามไซส์ตีนคนไทย นั่นแหละบ่มเพาะมา!
สมมุติเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทหารกลับที่ตั้ง คืนความเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายให้ตำรวจแต่เพียงผู้เดียวเหมือนเดิม แล้วคิดซิว่า เมื่อการชุมนุมจบ แต่การก่อการร้ายยังไม่จบ เพิ่งเริ่มขยายตัว แล้วจะปล่อยให้ตำรวจโดยลำพังปราบผู้ก่อการร้าย
แบบนี้...ยกประเทศให้ กบฏทักษิณครองไปเลยไม่ดีกว่าหรือ จะได้ไม่ต้องฆ่า-ต้องเผากันอีก
เพราะ คน "ไม่เอาทักษิณ" เขารักสันติอยู่ในที่ตั้ง ไม่กล้าโผล่หัวออกมาแอะอะไรหรอก จริงมั้ย!?
กรุงเทพฯ เคอร์ฟิวเข้าคืนที่ ๓ ผมจะบอกให้ ศอฉ.ทราบ เคอร์ฟิวแล้วสุจริตชนไม่ออกมา-ก็ใช่ แต่โจรมันออก มันขี่มอเตอร์ไซค์คุกคามไปทั่ว ศอฉ.จะแบ่งอำนาจ-แบ่งเวลาครองเมืองกับโจร ๓ ทุ่ม-๖ โมงเช้า "โจรครอง" ๖ โมงเช้า- ๒ ทุ่ม "รัฐบาลครอง" อย่างนี้ไม่ดีแน่ เพราะการปล่อยท้องถนนโล่งว่าง ไม่มีทั้งทหารและตำรวจมาตรวจตรา หรือตั้งด่านตามจุดสำคัญๆ ยามค่ำคืน
ชาวบ้านจะนอนหัวถึงหมอนได้อย่างไร ผมเองยังต้องนอน "กอดปืนใหญ่" เฝ้าโรงพิมพ์ กลัวจะทำลั่นใส่หว่างขาตัวเองจะตายไป!
ดึกดื่นคืนค่ำในเขตเคอร์ฟิว คุณตำรวจไม่อยากพูดถึง ขอให้ ศอฉ.จัดหน่วยทหารนั่งรถขับตระเวนเป็น "สายตรวจ" ตระเวนไปตามถนนต่างๆ ให้ทั่วฝั่งพระนคร และฝั่งธนฯ หน่อยเถอะ ชาวบ้านได้ยินเสียงรถยนต์แทนเสียงมอเตอร์ไซค์จะได้หายใจทั่วท้องหน่อย บางทีตรงไหนชาวบ้านมีเรื่องอะไรจะให้ช่วยเหลือเร่งด่วน จะได้พึ่งพาได้บ้าง
อย่า เพิ่ง "ปล่อยเกาะ" ชาวบ้านเลยครับ ตอนนี้ถ้าไม่มีทหาร ชาวบ้านก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร เพราะฝ่ายอื่น พูดไปก็คล้าย "ฝากเนื้อไว้กับสุนัขหิว" ชาวบ้านก็ได้แต่สยิวกันไปเท่านั้น!
ความจริง บ้านเมืองมีหลายเรื่องที่ต้องพูด-ต้องแก้ไขเร่งด่วน แต่ขณะนี้ "เร่งด่วนที่สุด" คือรัฐบาล-ศอฉ.ควรสร้างความอุ่นใจให้ประชาชนด้วยการปราบโจรก่อการร้าย และอยู่ในถนนให้ประชาชนเห็น ควบคู่ไปกับรัฐบาลฟื้นฟูเมือง ลบภาพบาดตา-สะเทือนใจที่กบฏทักษิณฝากทิ้งไว้เป็นบาดแผลในใจไปอีกนาน...เท่า นาน
ผมขอยืนยันว่า บาดแผลบ้านเมืองเวลานี้ จะให้ "การเมืองปกติ" อันมีขบวนการโจรก่อการร้าย "สวมเสื้อนอก" ลอยหน้าปะปนอยู่ในระบบด้วยเป็นฝ่ายรักษากันเอง
บาดทะยักกินประเทศแน่ นอน!
ผมขอย้ำ ประชาธิปไตยที่ "คนไทยไม่ได้ออกแบบเอง" ที่ใช้กันมา ๗๘ ปี ไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย ถึงเวลาที่คนไทยต้อง "ออกแบบประชาธิปไตย" ใช้กันเอง และคนไทยนั้นต้องไม่ใช่แค่คนรู้ตำรา คนร่างหนังสือเป็นกฎหมายเท่านั้น ส่วนหนึ่งต้องมาจากรัตตัญญูชน ปราชญ์ชาวบ้านแต่ละท้องถิ่น และผู้คนแต่ลักษณะอาชีพ กระทั่งโสเภณีเขาก็คือคน ควรต้องให้มีส่วนร่วม
ลองสังคมทิ้ง ศีลธรรม-ทิ้งศาสนา ไปยึดทุนและวัตถุเป็นสรณะ ฉิบหาย ไปไม่รอดแน่ และมันก็จะไปสรุปลงที่ "โกงแล้วเอามาแบ่งชาวบ้าน ไม่เป็นไร"!?
ใช่...ไม่ เป็นไร แต่มันจัญไรสถานเดียว!?
ระบบรัฐสภาประชาธิปไตยลอกแบบฝรั่ง มันแค่รูปแบบและพิธีกรรม ฝรั่งเขาออกแบบตามลักษณะสังคมของเขา ฝรั่งเขากินอาหารทีละจาน ไม่เห็นว่าจน แต่คนไทยลองกินทีละจาน มีแต่คนว่าจน-เป็นคนข้าวแกง ดังนั้น คนไทยยังเข้าแถวไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ต้องยึดให้อยู่ในกรอบ "ศีลธรรมและศาสนา" ไว้
แล้วเราก็จะศิวิไลซ์ เป็นเอกลักษณ์ไทย ที่ใครๆ ทั่วโลกอิจฉา ไม่เชื่อลอง!
ตอนนี้เราจำเป็น ต้องยึดรูปแบบระบบรัฐสภา ทั้งที่รู้ชัด-เห็นชัดแล้วว่าคนใน "การเมืองระบบสภา" นำประชาชนแตกสามัคคีขยำขยี้ประเทศชาติปี้ป่น แต่นั่นแหละเข้าทำนอง "ใช้พิษล้างพิษ" ต้องคิดวิธีใช้ระบบสภาเป็นเครื่องมือจัดรูปแบบแก้ไขปัญหาสังคมชาติ การเมืองนำการทหาร หรือการทหารนำการเมือง ไม่ใช่ทั้งนั้น วันนี้ "การทหาร-การเมือง" ต้องไปด้วยกัน ก่อนถึงขั้นปฏิรูปใหญ่ "ย้ายส่วนราชการ" ทั้งหมดออกไปสร้างเป็น "เมืองใหม่"
ปล่อยให้กรุงเทพฯ เป็น "เมืองฟ้าอมร" ปลอดการเมือง สำหรับคนไทย และคนทั้งโลกนิรันดร์เถอะครับ.
ที่มา http://www.thaipost.net/news/220510/22402
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น