"ท่าทีของสหรัฐอเมริกา ที่แสดงผ่านแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ท่าทีของอียู ของอาเซียน และล่าสุดคือ ท่าทีของวุฒิสภา สหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนแผนปรองดองแห่งชาติ และการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี อีกทั้งยังประณามความรุนแรงที่กลุ่มเสื้อแดงเป็นผู้สร้างขึ้น เป็นสัญญาณว่า แผนโลกล้อมประเทศของ นช. ทักษิณ ล้มเหลว พังทลายโดยสิ้นเชิง และทำให้สถานะของเขาในโลกกว่างใบนี้ ยากลำบากยิ่งขึ้น จะกลับไปดูไบก็ต้องอยู่เฉยๆ เคลื่อนไหวไม่ได้ จะตระเวนอยู่ในยุโรป โดยใช้ชื่อปลอม ใ ช้พาสปอร์ตมอนเตรนิโกร หรือนิคารากัว ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถทำได้ แต่เมื่อกลายเป็นผู้ก่อการร้ายแล้ว จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับตัว หรือถูกขับไล่ออกนอกประเทศ"
หนึ่งสัปดาห์ผ่านพ้นไป หลังจากรัฐบาลและกองทัพ ตัดสินใจลงมือปฏิบัติการ กระชับวงล้อม ขอพื้นที่คืน เหตุการณ์บ้านเมืองดูเหมือนจะคืนสู่ความปกติสุขได้เกือบทั้งหมดแล้ว แม้จะยังคงมาตรการห้ามออกนอกบ้าน เคอร์ฟิวส์ ระหว่างสองยามถึงตี่สี่เอาไว้ แม้จะมีการคาดการณ์จากผู้รู้ทั้งหลายว่า ศึกบนดินจบแล้ว แต่สงครามใต้ดินเพิ่งจะเริ่มต้น แต่ ณ นาทีนี้ต้องถือว่า รัฐบาลควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้
แนวร่วมเสื้อแดง ทั้งนักวิชาการ สื่อบางค่าย อยู่ในอาการพูดไม่ออก ไปไม่เป็น เพราะตกอยุ่ในอารมณ์อกหัก ผิดหวัง กับจุดจบของสถานการณ์นี้ อารมณ์ที่ค้างกันมาตั้งแต่ 6 ตุลาคม2519 ก็ยังต้องค้างเติ่งต่อไป สมทบด้วยอาการใหม่ คือ เมาค้าง หรือแฮงก์โฮเวอร์ เพราะคาดหวังกับ ม็อบเสื้อแดงมากเกินไป
คงจะต้องใช้เวลาอี กพักใหญ่ กว่าจะปรับอารมณ์ เปลี่ยนจุดยืน คว้าเสื้อคลุมตัวใหม่มาสวม ระหว่างนี้ ก็หากินกับศพในวัดปทุมวนารามไปพลางๆก่อน
สำหรับ ตัวการใหญ่ นช. ทักษิณ ชินวัตร หลังศึกเผาบ้าน เผาเมืองครั้งนี้แล้ว ต้องถือว่า ขาดทุนป่นปี้ อาการหนักกว่าเดิม แผนการที่จะเอาโลกมาล้อมประเทศ ดึงต่างชาติมาแทรกแซง เป็นคนกลางเจรจาทวงคืนอำนาจ ที่กุนซือใหญ่ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ชี้ช่องให้ นอกจากจะล้มเหลวแล้ว ยังกลายเป็นว่า ตัวเองกำลังจะถูกประชาคมนานาชาติ ไล่ล่าเสียเอง หลังจากถูกศาลอาญาออกหมายจับ ข้อหาก่อการร้าย
อาการ สติแตก สั่งทนายทั้งไทย ทั้งเทศ ออกแถลงการณ์ ตอบโต้ ทันที่ทีศาลอนุมัติ หมายจับ ตามคำขอของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การทวิตเตอร์อย่างถี่ยิบกว่าปกติ มันฟ้องว่า การถูกตั้งข้อหาผู้ก่อการร้าย เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา ลำพังแค่สถานะนักโทษหนีคดี ก็ทำให้หาที่อยู่ที่ยืนในโลกนี้ได้อย่างยากลำบากแล้ว ต่อไปนี้ จะต้องหาที่ซ่อนตัวให้ดีๆด้วย
เพราะความผิดฐานผู้ก่อการร้ายนั้น เป็นอาชญากรรมสากลที่ประเทศต่างๆ มีข้อตกลงว่า จะร่วมมือกันป้องปราม สกัดกั้น โดยไม่เลือกว่า ผู้ก่อการร้ายนั้น จะถือสัญชาติอะไร ไปก่อการร้ายที่ไหน เจอที่ไหนต้องแจ้งเบาะแส หาทางจับตัว ส่งมาต่อสู้คดี พิสูจน์ความบริสุทธิ์ที่ประเทศไทย
ในขณะที่ข้อหาคอร์รัปชั่น มีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น เป็นเรื่องภายใน ที่แต่ละประเทศจะมีนโยบาย ท่าทีการปฏิบัติต่อที่แตกต่างกันไป ความร้ายแรง ความหนักหนาสาหัสของข้อหาก่อการร้ายจึงมีมากกว่ามาก
ถามว่า อะไร เป็นสาเหตุที่มาของ ข้อหาการก่อการร้ายที่ นช. ทักษิณ ได้รับ
วิญญูชน ที่ไม่ถูกครอบงำด้วยอคติ ย่อมรู้แจ้งด้วยตัวเองว่า เหตุการณ์ความรุนแรง อันสืบเนื่องมาจาก การชุมนุมของคนเสื้อแดงนับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน มาจนถึง การโจมตีด่านของทหานด้วยระบิดเอ็ม 79 ที่บ่อนไก่ ถนนราชปรารถ และสามเหลี่ยมดินแดง และมาสิ้นสุดที่ การเผาบ้านเผาเมือง หลังแกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อบ่ายวันที่ 19 พฤษภาคมนั้น มีการวางแผนมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มิได้เกิดจากอารมณ์โกรธแค้นของฝูงชน ที่ไม่ต้องการยุติการชุมนุม
นช. ทักษิณ ได้แสดงตัวอย่างเปิดเผยในหลายๆวาระว่า มีความเกี่ยวข้อง ผูกพันกับปฏิบัติการเหล่านี้มาตั้งแต่ต้น ทั้งการพูดจาปลุกระดม ยุยงผู้ชุมนุม ทั้งการสั่งการกับแกนนำ ยังไม่นับรวมถึง การให้การสนับสนุนทางการเงิน ที่ท่างการกำลัง สืบสวนสาวไปถึงโยงใยทางการเงินของบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม
การออกหมายจับ ในข้อหาก่อการร้าย จึงไม่ใช่การยัดเยียดข้อหา ด้วยการสร้างหลักฐานเท็จ แบบคดี 6 ตุลา ที่นช. กล่าวอ้าง แต่เป็นการออกหมายจับ เพราะ มีหลักฐานชัดว่า นช. ทักษิณ มีพฤติกรรมตามข้อกล่าวหา
ท่ามกลางความรุนแรง ที่ตัวเองเป็นผู้จุดชนวน นช. ทักษิณ เรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ เข้ามาแทรกแซง เป็นคนกลางในการเจรจา บริวารของเขา เรียกร้องให้กองกำลังสันติภาพเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย ขอให้อาเซียนยท่นมือเข้ามายุติสงครามกลางเมือง
นช. ทักษิณต้องการยกระดับปัญหาส่วนตัวของเขา ขึ้นสู่ความสนจของนานาชาติ ด้วยความหวังสว่า จะเป็นจุดเปลี่ยนชะตากรรมของเขา
ท่า ทีของสหรัฐอเมริกา ที่แสดงผ่านแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ท่าทีของอียู ของอาเซียน และล่าสุดคือ ท่าทีของวุฒิสภา สหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนแผนปรองดองแห่งชาติ และการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี อีกทั้งยังประณามความรุนแรงที่กลุ่มเสื้อแดงเป็นผู้สร้างขึ้น เป็นสัญญาณว่า แผนโลกล้อมประเทศของ นช. ทักษิณ ล้มเหลว พังทลายโดยสิ้นเชิง และทำให้สถานะของเขาในโลกกว่างใบนี้ ยากลำบากยิ่งขึ้น จะกลับไปดูไบก็ต้องอยู่เฉยๆ เคลื่อนไหวไม่ได้ จะตระเวนอยู่ในยุโรป โดยใช้ชื่อปลอม ใ ช้พาสปอร์ตมอนเตรนิโกร หรือนิคารากัว ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถทำได้ แต่เมื่อกลายเป็นผู้ก่อการร้ายแล้ว จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับตัว หรือถูกขับไล่ออกนอกประเทศ
ความพ่ายแพ้ในสงครามเผาบ้านเผาเมือง ความล้มเหลวของแผนการโลกล้อมประเทศ จึงทำให้นช. ทักษิณ อยู่ในสภาพจะไปข้างหน้าก็ไปไม่ถึง จะหันหลังกลับมาก็กลับไม่ได้แล้ว
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072349
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น