วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

โรดแมป เพื่อใคร ? / โดย อานิก อัมระนันทน์ ส.ส.สัดส่วน ปชป. 06 พ.ค. 2553

"ถ้าคุณยังโกรธนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ไม่ต้องให้โอกาสเขา แต่คุณจะให้โอกาสประเทศไทยได้ไหม ? "

แม้ส่วนตัวดิฉันเองไม่อยากให้ยุบสภาเร็ว และไม่ อยากถอยแม้คืบเดียวกับพวกอันธพาลกฎหมู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าข้อเสนอของนายกอภิสิทธิ์เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับ ประเทศ

หากแดงรับข้อเสนอนายกฯจริงๆ และหากทุกภาคส่วนของสังคมเข้ามีส่วนร่วมอย่างจริงจิงกับกระบวนการปฏิรูป จะมีอะไรดีได้บ้าง ?
  • ประเทศของเราจะมีโอกาสสมานฉันท์ได้ จริงๆ (รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย แต่ก็ดีกว่าไม่พยายามเริ่มทำ) มีโอกาสสร้างสันติสุขได้อย่างยั่งยืน
  • มีโอกาสพ้น จากวงจรอุบาทว์ของการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ซึ่งบางคนอาจมองว่าเริ่มเกิดขึ้นก่อนพวกแดงด้วยซ้ำ
  • มีโอกาสแก้ปัญหาสองมาตราฐานที่เกิด ขึ้นจริงในการใช้อำนาจรัฐในระดับต่างๆ โดยอาศัยความกดดันของสังคมทุกๆด้านในกระบวนการนี้
  • มีโอกาสที่คนรากหญ้ามีความรู้ความ เข้าใจว่า ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องดูแลเขาให้มีชีวิตที่มั่นคงได้ ซึ่งจะช่วยลดการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
  • มีโอกาสทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ลดการเมืองน้ำเน่าและการฉ้อราษฎร์บังหลวง ตัดวงจรการปฏิวัติรัฐประหาร
นายกบอกว่าจะทำโรดแมปอยู่ดี แต่ไม่สัญญาว่าจะเลือกตั้งเมื่อไรถ้าแดงไม่ตอบรับในเวลาที่กำหนด

การกำหนดวันเลือกตั้ง ๑๔ พ.ย.เป็นประโยชน์กับประเทศได้อย่างไร ??

หากเสนอ ๙ เดือนเหมือนเดิม หรือ ๘, ๗ เดือน จะไม่เป็นการยอมถอยเพียงพอ ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สนใจรับ ใช่ !๖ เดือนดูน่ากลัวสำหรับฝ่ายรัฐบาลและผู้สนับสนุน และอาจจะน่าเกลียดสำหรับคนที่ยึดมั่นถือมั่นว่า ต้องไม่ยอมถอยโดยเด็ดขาดกับกฏหมู่ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรก็ตาม ๖ เดือนจึงเป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะปฏิเสธยากสำหรับฝ่ายแดง

แต่พวกเขาก็คงสังเกต – ในขณะที่หลายคนอาจฟังไม่ทันอ่านไม่เจอ – ว่านายกฯได้วางเงื่อนไขว่าองค์ประกอบต่างๆของโรดแมป ต้องดำเนินไปอย่างราบรื่นเพียงพอทีจะให้มี “ความ ปรองดอง ความปกติสุขกลับคืนมาสู่สังคมได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นครับ รัฐบาลพร้อมที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่” หากฝ่ายแดงรับข้อเสนอนายกฯ ดิฉันมองว่า

๑. จะทำให้แดงสลายการชุมนุมเองโดยไม่ต้องฆ่าฟัน กัน นอกจากจะเป็นความโล่งอกของคนไทยจำนวนไม่น้อย (น่าจะ๖๐% ตามเอแบคโพล) ที่ไม่อยากเห็นการเสียเลือดเนื้ออีก ก็จะเป็นการเยียวยาภาพลักษณ์ประเทศไทยอย่างดียิ่ง ทั้งในมุมของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน

หลังเหตุการณ์ ๑๐ เมษา แม้แต่ประเทศประชาธิปไตยต้นแบบอย่างสหรัฐฯก็ได้เรียกร้องให้เรามีการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ตรงนี้จะมีส่วนสำคัญมากในการสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศไทย นานาประเทศจะได้จะได้เลิกห้ามคนของเขามาเที่ยวบ้านเราโดยเร็ว การที่เขามีทัศนคติที่ดีต่อรัฐไทย ย่อมจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศได้ฟื้นตัวได้เร็ววัน

๒. จะไม่เกิดการสูญเสียอื่นๆที่ย่อมเป็นผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เช่นการทำลายล้างสถานที่ในย่านธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการจลาจลอื่นๆซึ่งยังคงเกิดขึ้นได้ในภูมิภาค

๓. จะทำให้แกนนำเข้ามอบตัวหรือ ถ้าไม่มอบก็สมควรตามจับดำเนินคดีต่างๆ นิติรัฐก็ยังเป็นนิติรัฐ แม้จะต้องรอต้องอดทนอดกลั้นกันเป็นแรมเดือน นายกฯได้พูดชัดว่าจะไม่นิรโทษคดีอาญา ซึ่งแปลว่า แกนนำ พวกหมิ่นสถาบันและผู้ก่อการร้ายจะไม่ลอยนวลเป็นเยี่ยงอย่าง

แต่พวกเราก็ควรช่วยกันติดตามเป็นหูเป็นตาช่วยกันเสาะหาผู้กระทำผิดร้ายแรง เพื่อนำสู่การจับกุมดำเนินคดีต่อไป ที่สำคัญกลไกของรัฐที่มีหน้าที่ในส่วนนี้ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วง

๔. การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น "เร็ว" ซึ่งต้องเป็นตามเงื่อนไขโรดแมป "จะช่วยนำไปสู่ความปรองดองอย่างแท้จริง" อันนี้เป็นคำพูดคุณอภิสิทธิ์ ซึ่งอาจความได้ ๒ ทาง

* ทางหนึ่งเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนกับ ๓ ข้อข้างบน ใช่ ! มันเป็นการยอมถอยต่ออันธพาล แต่ลองนึกดูว่า ถ้าเป็นชีวิตจริงของคุณเองที่โดนข่มขู่คุกคามถึงชีวิตและครอบครัว แล้วไม่มีตำรวจไม่มีใครช่วยได้ หากคุณมีอุบายสักอย่างที่จะแก้ไขปัญหา มีหนทางให้มันหยุดการคุกคามได้แล้วยังอาจตามจับเข้าคุกทีหลัง แม้จะต้องเสียศักดิ์ศรีเสียหลักการบางอย่างในระยะสั้น แต่ไม่ต้องเสียชีวิตหรือแขนขาของคุณหรือคนที่คุณรัก คุณจะทำไหม?

การยืดหยุ่นในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรวมถึงระยะเวลาการเลือกตั้ง เพื่อปกป้องชีวิตคนเป็นร้อยเป็นพันที่ไม่ใช่ผู้ร้าย เพื่อเปิดโอกาสสร้างสันติสุขที่ยั่งยืน เพื่อลดความเสียหายอื่นๆที่อาจคาดไม่ถึง มันจะคุ้มกันไหม?

หลักนิติรัฐจำเป็นต้องอยู่เหนือหลัก มนุษยธรรมเสมอหรือ?

* อีกทางหนึ่ง ดิฉันตีความว่าเนื่องจากมีประชาชนจำนวนมาก (อาจเกือบถึงครึ่งประเทศถ้าดูจากคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทย) ปักใจเชื่อว่ามีทหารหรืออำมาตย์เบื้องสูงมาแทรกแซงการเมือง ทำให้ทักษิณถูกปฏิวัติ มีการทำรัฐธรรมนูญใหม่(แม้มีประชามติก็เถอะ) และต่อมาก็มีการพลิกขั้วการเมืองทำให้อภิสิทธิ์ได้มาเป็นนายกรัฐนมตรี การยอมเลือกตั้งใหม่นี้จึงเป็นการล้างกระดาน ล้างอคติของคนจำนวนมาก เป็นการขจัดข้ออ้างว่ามีความไม่ชอบธรรมที่ทำให้คนฉยโอกาสหาความชอบธรรมในการ ใช้กฎหมู่ในอนาคตได้อีก

โรดแมปจึงเป็นการปรองดองกับประชาชนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งที่มี ความเห็นแปลกแยกด้วยความเชื่อดังกล่าว ไม่ใช่การปรองดองกับแกนนำกฏหมู่ ผู้ก่อการร้าย หรือผู้กระทำผิดต่อสถาบัน เพราะคดีอาญาจะไม่มีการนิรโทษ

ความแปลกแยกเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับระบอบประชาธิปไตย ดูประเทศต้นแบบอย่างสหรัฐฯก็เคยต้องสะสางผ่านสงครามกลางเมืองมาแล้ว บ้านเราถ้าไม่ ”ลงทุน” เสาะหาสันติวิธีมาลองแก้ไขอย่างจริงจัง ก็อาจหนีไม่พ้นสงครามกลางเมือง ซึ่งจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าเป็นบรรยากาศที่คนไทยได้ลิ้มชิมรสในหลายสัปดาห์ ที่ผ่านมา

ที่นายกฯ ต้องยอมเลือกตั้งเร็วนี้ ไม่ใช่เอาตัวรอด แต่เป็นความพยายามที่จะพาประเทศไปให้รอด ถ้าไม่ใช่ทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริงแล้ว ใครจะยอมสูญเสียอำนาจตัวเองเร็วกว่าสิทธิอันชอบธรรม ที่สามารถจะยึดยื้อต่อไปได้อีกมากกว่า ๑ ปี แล้วการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้กลับมาเป็นนายกฯอีก หลายคนมองว่ายิ่งเลือกตั้งเร็วโอกาสกลับมาสู่อำนาจยิ่งน้อยด้วยซ้ำ

ถ้าฝ่ายตรงข้ามแดงกลัว พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับมาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ หรือกลัวผู้ก่อการร้ายต่างๆจะได้อภัยโทษ ก็ต้องมาร่วมผนึกกำลังกันในการเลือกตั้ง ไม่ใช่ขัดขากันเอง

ใครที่มีจิตสาธารณะมีศักยภาพและมีความพร้อม ก็ต้องลงมาช่วยกันเป็นผู้สมัคร หรือมาสนับสนุนนักการเมืองน้ำดีให้ได้รับเลือกตั้งเยอะๆ

คุณอภิสิทธิ์ได้ลั่นวาจาไว้ใน วันแรกที่โปรดเกล้าฯ ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าเขาจะเลือกหรือจะชอบตนหรือไม่ โร๊ดแม็ปนี้เป็นการทำตามสัญญาประชาคมที่ได้ให้ไว้ ไม่มีผู้นำที่ไหนจะทำให้ทุกคนถูกใจไปได้หมดหรอก

แต่ผู้นำที่มีความกล้าหาญ มีวิสัยทัศน์ต่อภาระหน้าที่ที่กว้างและไกล มีความเสียสละ จะเลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม แม้จะต้องถูกด่าทอ หรือแม้จะต้องสูญเสียอำนาจ และอาจเสียฐานคะแนนเสียงอีกด้วย

ถ้าคุณยังโกรธนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ไม่ต้องให้โอกาสเขา แต่คุณจะให้โอกาสประเทศไทยได้ไหม ?



ขอคัดลอกการถอดเทปบางส่วนเพื่อให้ผู้อ่าน ได้พิจารณา (อ่านฉบับเต็มได้ที่ www.abhisit.org)
  • "..ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรานั้น อาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วก็มีรากฐานมาจากความไม่เป็นธรรมที่มีอยู่ในสังคม ที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ...ถ้าเราปล่อยให้เกิดความรู้สึกอย่างนี้ เงื่อนไขเหล่านี้ครับจะถูกดึงเข้ามา และสามารถสร้างความขัดแย้ง ไม่ใช่เฉพาะในทางการเมือง แต่เป็นความขัดแย้งในทางสังคมได้อย่างกว้างขวาง .."
  • " ข้อเสนอทั้งหมดนี้ เป็นข้อเสนอที่เป็นคำตอบทางการเมือง แต่การดำเนินคดีในความผิดทางอาญาต่าง ๆ นั้น ก็ยังเดินหน้าต่อไปตามปกติ "
  • " กระบวนการนี้ไม่อาจที่จะบรรลุเป้าหมายได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ... ไม่มีการขัดขวาง ไม่มีการมาสร้างความแตกแยก เคลื่อนไหวในลักษณะที่สร้างความวุ่นวายปั่นป่วน หรือเกิดการปะทะกัน ผมมั่นใจครับว่าเราใช้ระยะเวลาไม่นานนัก เราก็จะสามารถที่จะนำความปรองดอง ความปกติสุขกลับคืนมาสู่สังคมได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นครับ รัฐบาลพร้อมที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนนั้นได้มีโอกาสตัดสินใจทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ผมคิดว่าถ้ากระบวนการการปรองดอง และเหตุการณ์ของบ้านเมืองสงบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.การเลือกตั้งนั้นสามารถ จัดให้มีขึ้นได้ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินการ "
  • "อาจจะเป็นข้อเสนอที่ไม่ถูกใจใครแม้แต่คนเดียวก็ได้ แต่ผมคิดว่านั่นคือลักษณะของข้อเสนอในการที่จะเป็นการปรองดองอย่างแท้จริง เพราะว่าการปรองดองที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้นั้น นั่นหมายความว่าไม่มีใครได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ และทุกฝ่ายต้องพร้อมที่จะยืดหยุ่น พร้อมที่จะถอย พร้อมที่จะเสียสละ ข้อเสนอที่ผมได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนในวันนี้ ผมเชื่อมั่นด้วยความบริสุทธิ์ใจจากการสดับตรับฟังจากฝ่ายต่าง ๆ ว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ "
http://www.democrat.or.th/th/news-activity/article/detail.php?ID=4620

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น