วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

“ทักษิณ” ไม่ได้ประโยชน์-แกนนำไม่การันตีพ้นคดี ม็อบก็ยังยื้อ !! / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 10 พฤษภาคม 2553

"ผ่าประเด็นร้อน"

แม้ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ จะไม่ยอมรับในทำนองว่าได้มีการเจรจาประสานกับบรรดาแกนนำในกลุ่ม “สามเกลอ” ในทางลับเพื่อตกลงเกี่ยวกับแผนปรองดองหรือ “โรดแมป” ของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่หลายคนที่ติดตามมาตลอดย่อมรู้ดีว่าทั้งสองฝ่ายมีการแอบพบปะพูดคุยในทาง “ใต้ดิน” กันมาระยะหนึ่งแล้ว

หลายคนก็เริ่มจับทางได้ตามความคาดหมายแล้วว่า สาเหตุที่ม็อบเสื้อแดงยังคงยื้อไปวันๆแบบไม่เห็นฝั่งแบบนี้ต่อไปอีกระยะ หนึ่ง ส่วนสำคัญที่สุดก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเจ้าของม็อบ หรือเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ยังไม่ได้ประโยชน์จากแผนปรองดองของ นายกฯ เท่าที่ควร โดยเฉพาะในเรื่องคดีทุจริตทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้วหรือกำลังรอขึ้นเขียงจะ ต้องได้รับการนิรโทษหรืออย่างน้อยต้องยื้อให้ได้ถึง สามศาล ไม่อยากให้จบแค่คำพิพากษาโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมืองเช่นปัจจุบัน

ส่วนเรื่องนิรโทษกรรมทางการเมืองค่อยมาว่ากันอีกขยักหนึ่ง ค่อยเล่นพร้อมกับคนอื่นทั้งพวกกลุ่ม 111+109 คนหรือจะบวกคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังได้ ซึ่งค่อยมาว่ากันในภายหลัง แต่เฉพาะหน้าต้องการเรื่องคดีส่วนตัวเรื่องได้เงินคืนก่อน หรืออย่างน้อยต้องการยื้อคดีให้ลากยาว รอให้คนของตัวเองเข้ามามีอำนาจแล้วมาว่ากันให้ครบเซ็ต

เมื่อตัวเองไม่ได้ประโยชน์และยังพอมีพลังอยู่บ้างก็ต้องสร้างกระแส ป่วนกันอีกรอบเพื่อกดดันฝ่ายตรงข้ามให้ทำตามใจตัวเอง โดยเฉพาะในเรื่องของ “ท่อ น้ำเลี้ยง” ที่ล่าสุดเริ่มมีข่าวยืนยันถึงการไหลเข้ามาแบบเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวอีกครั้ง อย่างน้อยเท่าที่เห็นมีการ “ขนคน” จากภาคอีสานเข้ามาเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นว่าไม่ได้ “โหรง เหรง” อย่างที่เข้าใจกัน

สิ่งที่ดำเนินไปแบบควบคู่กันไปก็คือ การก่อม็อบเที่ยวนี้ทำให้บรรดาแกนนำหลายสิบคน ทั้งระดับหัวแถวยันท้ายแถวต่างมีคดีอาญาติดตัวกันทั่วหน้าและที่หวาดผวากัน ก็คือข้อหา “ผู้ก่อการร้าย” มีอาวุธสงครามร้ายแรงไว้ในครอบครอง รวมไปถึงบางคนจะต้องคดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ คนเหล่านี้ยังไม่มีหลักประกันในเรื่องความปลอดภัย และการรอดพ้นจากการตั้งข้อหาร้ายแรงดังกล่าว จึงช่วยไม่ได้ที่แกนนำยังละล้าละลัง ไม่กล้าสลายการชุมนุมในทันที

นอกจากนี้ในสภาพความเป็นจริงสภาพของม็อบที่ต่างมีหลากหลายที่มา หลากหลายผู้นำ ไม่ได้ขึ้นตรงต่อกัน แม้ว่าจะขึ้นตรงต่อ “นายเงิน” เพียงคนเดียวก็ตาม การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาจึงขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถช่วงชิงผลประโยชน์ สร้างราคาให้กับตัวเองได้มากกว่ากัน และคนพวกนี้ก็ย่อมไม่มีความสุขหากจะต้องเลิกชุมนุมกลับบ้านใครบ้านมัน เนื่องจากไหนจะต้องถูกดำเนินคดียาวเป็นหางว่าวแล้ว โอกาสที่จะถูกตามเก็บก็มีสูง นอกเหนือจากการต่อสู้คดีที่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว รับรองเมื่อถึงเวลานั้นไม่มีสนุกแน่นอน

ขณะที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังจากเสียหายจนกู่ไม่กลับจากการเสนอแผนปรองดองกับโจรก่อการร้ายไปแล้ว ก็ต้องรีบยืนยันหลักการต้องออกมาขวางการนิรโทษ รวมไปถึงการปฏิเสธข้อเรียกร้อง “ใต้โต๊ะ” เสียงดังฟังชัดขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อท่าทีดังกล่าวของนายกฯเริ่มกลับมาพูดถึงเรื่อง “ปฏิรูป ประเทศ” มากกว่าการปรองดองดังเช่นแต่ก่อน ซึ่งแม้ว่าตามความเข้าใจจะต้องมีการหารือกับทุกฝ่าย ซึ่งนาทีนี้ก็ต้องย่อมรวมไปถึงพวก “ไพร่เสื้อแดง” รวมทั้งตัวแทนของไพร่แสนล้านอย่าง ทักษิณ อย่างแน่นอน

เมื่อแนวทางการเจรจาใต้โต๊ะจากตัวแทนทั้งสองฝ่ายเริ่มถูกเปิดออกมา และถูกรุมถล่มด่ากันพึมทั่วทิศ ทำให้นายกฯต้องปรับท่าทีใหม่ โดยเฉพาะในการเสนอแนวทางที่ชัดเจนขึ้น แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ประโยชน์ทำท่าจะไม่เป็นไปในทางที่ตัวเองต้องการ ซึ่งก็ให้บังเอิญว่าในช่วงนี้ได้เกิดเหตุกองกำลังติดอาวุธยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มเข้ามาอีกรอบ หลังจากเงียบหายไปพักหนึ่ง ทำให้เข้าใจว่านี่คือแผนข่มขู่รอบใหม่ เพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ

ดังนั้น หากพิจารณาทั้งกระบวนการก็ย่อมอ่านเกมได้ไม่ยากว่าสาเหตุสำคัญที่สุดที่ม็อบ เสื้อแดงยังไม่ยอมสลายไปในตอนนี้ เป็นเพราะเมื่อนานไปเริ่มมีท่าทางว่า ทักษิณ จะไม่ได้ประโยชน์ในเรื่องคดีทุจริตที่ตัวเองต้องการ ขณะที่แกนนำที่เวลานี้แม้ “ปากกล้า” แต่ “ขาสั่น” เต็มทนแล้ว แต่หากยังไม่การันตีในเรื่องความปลอดภัย และไม่ถูกตั้งข้อหาคดีร้ายแรง นาทีนี้ก็ต้องยื้อกัดฟันเสี่ยงตายจากกลุ่มติดอาวุธพวกเดียวกันไปก่อน !!

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000063938

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น