วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"ชาญวิทย์"ชี้"พ.ค.อำมหิตเลวร้ายสุดรอบ100ปีสลาย ม็อบ"มาร์ค"ได้แค่ใจคนกรุง-เผาทุนรบ.เชื่อ"แม้ว"มีเอี่ยว / มติชนออนไลน์ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำเครือข่ายสันติประชาธรรม กล่าวว่า เหตุจลาจลทั้งในกทม.และต่างจังหวัดเมื่อวันที่ 19 พ.ค.เป็นเหตุการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่เพียงแต่สัญลักษณ์ทางอำนาจรัฐจะถูกเผา แต่สัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจยังถูกทำลายย่อยยับ ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้แตกต่างไปจากเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 หรือ 17 พ.ค.2535 โดยเป้าหมายการเผาสถานที่เหล่านั้น เพราะต้องการทำลายกลุ่มนายทุนที่เป็นฐานอำนาจให้กับรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเหตุลุกฮือดังกล่าวมีทั้งการจัดตั้งและเป็นไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้แม้รัฐบาลจะสามารถสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์สำเร็จ ส่วนตัวคิดว่าเกมการเมืองต่อไปอาจจะลงใต้ดิน หรือเข้าไปในไซเบอร์สเปซ ทั้งเว็บไซต์ อีเมล์ เฟซบุ๊ค มายสเปซ และยิ่งรัฐบาลไปปิดเว็บไซต์ต่างๆ ก็เหมือนกับเกมวิ่งไล่จับหนู แล้วหนูที่เกิดจะเป็นหนูรุ่นใหม่ๆทั้งสิ้น ซึ่งตนคิดว่าน่าเป็นห่วงมากๆ


นายชาญวิทย์ กล่าวว่า เหตุจลาจลวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะนับแต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณถูกปฏิวัติ เมื่อปี 2549 ก็เกิดวิกฤตการเมืองแบบ Non Stop (ไม่หยุดหย่อน) ทั้งปี 2550 ที่ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ปี 2551 หลังเลือกตั้งใหม่ ได้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่ก็ถูกโค่นล้มจนได้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี 2552 เกิดเหตุการณ์สงกรานต์เลือด จากนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯถูกลอบสังหาร และปี 2553 เกิดเหตุการณ์พฤษภาอำมหิต ตนจึงยังมองไม่เห็นว่าวิกฤตครั้งนี้จะจบอย่างไร เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ปรองดองกับอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว มีทางเดียวคือต้องเอาชนะให้เด็ดขาด ซึ่งเป็นไปได้ว่ารัฐบาลอาจใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป เหมือนที่นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อปกครองประเทศนับ 10 ปี


"การสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ อาจทำให้ได้พื้นที่คืนมา แต่ถ้าเทียบกับพื้นที่ทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์จะถือว่าเป็นที่แคบมากๆ เพราะได้ใจมวลชนแค่ในกทม. ภาคใต้และตามเมืองใหญ่ๆเท่านั้น ไม่ได้ใจมวลชนในภาคเหนือและภาคอีสาน อย่าลืมว่าไม่ว่าจะมีการบิดเบือนระบอบประชาธิปไตยเพียงใด สุดท้ายก็ต้องมีการเลือกตั้งอยู่ดี ถึงเวลานั้น 1 คนเท่ากับ 1 เสียง ถึงเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะตกที่นั่งลำบาก จึงอาจเป็นไปได้ว่ารัฐบาลอาจยุบสภาเร็วนี้ เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงเวลาที่คิดว่าตัวเองได้เปรียบทางการ เมืองอยู่ แม้ว่าผมจะคิดว่าการยุบสภาในเวลานี้ ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาอะไรได้แล้วก็ตาม" นายชาญวิทย์ กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามเป็นไปได้หรือไม่จะอาศัยพระบารมียุติปัญหาเช่นเหตุ การณ์พ.ค.2535 นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ตนยังนึกไม่ออกว่าพระองค์ท่านจะออกมาอย่างไร เพราะไม่ว่าใครจะออกมาทำอะไรเวลานี้ ถึงจะได้ใจอีกฝ่ายแต่ก็จะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ สถาบันจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรได้ เนื่องจากวิกฤตตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้คนกลางในสังคมไทย ทั้งสื่อ นักวิชาการ กระทั่งพระสงฆ์ เสียงดังน้อยลงเรื่อยๆ พูดอะไรออกไปคนก็ไม่ค่อยฟัง ถึงขนาดบิณฑบาตความรุนแรง ก็ยังไม่มีใครมาใส่บาตร เป็นเหตุให้ฝ่ายผู้ชุมนุมพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่สากล ดึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เข้ามาแก้ปัญหา

ที่มา : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274329841&catid=01

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น