วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บี้ บอด ใบ้ กับสะใภ้ใจแดง / ASTV ผู้จัดการรายวัน 15 พฤษภาคม 2553

เด็ดดอกไม้รายทาง
โดย...อัญชะลี ไพรีรัก

พลเมืองไทยที่อาศัยอยู่รอบๆสี่แยกราชประสงค์ เกิดอาการ “บี้ บอด ใบ้” ไปตามๆกัน เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ เงื้อแล้วค้างอีกรอบ กับมาตรการที่ป่าวประกาศว่าจะ กดดันผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง ด้วยการตัดน้ำ – ตัดไฟ – ตัดสัญญาณโทรศัพท์ -ตัดการส่งเสบียงบำรุงกำลัง และ สุดท้ายฝันจะตัดตอนเอาผู้ชุมนุมที่ถูกกักขังอยู่ภายในให้ได้รับอิสรภาพ...จบ ทั้งเพ

แต่แล้วเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาวันใหม่ ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือใจคนเมืองกรุงฯที่เริ่มชินกับม็อบแดง ชินกับการเอาตัวรอดในสถานการณ์ร้อนแรงและชินกับอาการ “คาดไม่ถึง” และ “ประเมินต่ำ” ของนายกรัฐมนตรีที่พูดจนติดปากและขาดความน่าเชื่อถือศรัทธาแล้ว

ถึงสุดสัปดาห์นี้คาดว่า ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักพักค้างกลางสี่แยกราชประสงค์ - ราชดำริ โดยไม่สนใจความย่อยยับของบริบทการเมือง -สังคมไทยและเศรษฐกิจชาติ

ขณะเดียวกันรัฐบาลอภิสิทธิ์โดย “กอร์ปศักดิ์” นำภาษีของประชาชนทั้งประเทศ 778 ล้านบาทมาเยียวยาผู้ประกอบการ -คนทำงานย่านราชประสงค์ ที่มายื่นบิลเบิกค่าเช่าสำนักงาน และเงินเดือนให้พนักงาน ในช่วงม็อบแดงยึดราชประสงค์เฉพาะเดือนเมษายนก่อน ส่วนเดือนถัดมาค่อยมาว่ากันใหม่

คำประกาศยกเลิกวันเลือกตั้งมีขึ้น เมื่อแกนนำม็อบแดงเบี้ยวไม่ไปมอบตัวกับกองปราบและไม่ยุติการชุมนุมบนเส้นตาย ที่กำหนดไว้ร่วมกัน ทำให้รัฐบาลแข็งกร้าวประกาศมาตรการตัดน้ำ-ไฟ-สัญญาณโทรศัพท์และเสบียงอาหาร

แต่ผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยการต่อไฟจากหม้อแปลงใหญ่ และ จากเครื่องปั่นไฟที่มีมากกว่า 15 จุด ต่อน้ำจากหัวจ่ายสีแดงใช้กันอย่างเพลิดเพลินสบายอุรา ส่วนอาหารการกิน และน้ำท่า มีเมียตำรวจ-ทหารใหญ่หลายคนทำหน้าที่ผลิตและจัดส่ง โดยลำเลียงผ่านทางสวนลุมพินี จากเดิมที่เคยใช้เส้นทางผ่านจากโรงพยาบาลจุฬาฯ

เมื่อรัฐบาลเงื้อค้างอีกหน ก็หมดความน่าเชื่อถือที่เหลือน้อยนิด คำพูดคำจาไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์กลายเป็นเด็กอมมือในสายตาประชาชนส่วนหนึ่ง แต่ยังเป็นคนดี มีอุดมการณ์ น่ารัก ในสายตาแม่ยกอยู่เสมอ

ทว่า สุ้มเสียงคนรุ่นใหม่วน fb เริ่มมองนายกฯเปลี่ยนไป ในfb ของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ของ ”กรณ์ จาติกวณิช” หรือของ “ศิริโชค โสภา” เริ่มมีความคิดเห็นที่ฉุนเฉียวกับความล่าช้าและเอื่อยเฉื่อยของแผนปรองดอง ที่ดูเหมือนจะ “ดอง” ประเทศไทยให้อ่วมอรทัยเสียมากกว่า สังคม fb มองว่า แผนปรองดองแห่งชาติว่า ใช้ไม่ได้เสียแล้วสำหรับคนหน้าด้าน-เงินหนาอย่างทักษิณ และ ทหารแตงโม -ตำรวจมะเขือเทศที่เคียดแค้นอภิสิทธิ์จากเรื่องส่วนตัวและผลประโยชน์เป็นทุน เดิม

เวลานี้ผู้ประกอบ – ผู้อาศัย การย่านชิดลม – ราชประสงค์ -ราชดำริ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศต่างอพยพหนีการชุมนุมไปอยู่ภายนอก เพราะหมดหวังกับการสลายการชุมนุมด้วยสันติวิธี -ปรองดอง ยิ่งหลังจากมาตรการตัดน้ำ-ไฟไม่บรรลุผล ยิ่งไม่มีใครให้ความเชื่อถือรัฐบาลเด็กอมมือต่อไปอีก เพราะชีวิตความเป็นอยู่ในดงแดงของประชาชนย่านนี้รันทดและคับแค้น เพราะถูกทั้งข่มขู่ -รีดไถ และปล้นมาตลอดเกือบ 2 เดือนจนทนไม่ไหวแล้ว

คนกรุงเทพฯ เริ่มอ่อนล้า และ ถอดใจกับการเดินเกมแก้ปัญหาม็อบแดงของรัฐบาลอภิสิทธิ์ พวกเขาเริ่มลดเสียงโวยวายและค่อยๆยอมจำนนกับการมีม็อบแดง-ทหาร-ตำรวจ อยู่กลางเมือง และหลายส่วนหาทางแก้ปัญหาให้กับการค้าของตัวเอง ด้วยการเปิดตลาดนัดตามจุดต่างๆ รอบกรุงเทพฯ ได้ผลดีพอสมควร

ทางด้านทหารและตำรวจมีเรื่องน่าคุยไม่น้อย ตอนนี้ตำรวจมีภาพติดลบในสายตาประชาชน ส่วนทหารได้ความรักเป็นกอบเป็นกำ

ประชาชนแห่หาของกิน-ของใช้ติดไม้ติดมือไปฝากทหารแทบทุกจุดในกรุงเทพฯ ต่างจากตำรวจที่เหมือนลูกเมียน้อยไม่มีใครเหลียวแลแม้ยืนประจำการใกล้เคียง กัน
ทหารส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัดอย่างเร่งด่วน เพื่อภารกิจปกป้องกรุงเทพฯ จากมือเผาเสื้อแดง หลายสิ่งจึงขาดแคลน มีพี่น้องประชาชนขนของไปช่วยเหลือครบถ้วนไม่ขาดสาย โดยมี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ และ พี่หมี ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที จาก เอ เอส ทีวี เป็นโต้โผใหญ่

รอบแรกรับบริจาคพัดลมหลายร้อยเครื่อง เพื่อให้พี่น้องทหารที่นอนร้อนอยู่ในลานจอดรดของตึกใหญ่ๆหลายแห่งย่านสีลม – สาทร ถัดมาเป็น ซีม่า โลชั่น -แป้งเย็นตรางู - กางเกงใน - เสื้อกล้าม ผ้าเช็ดตัว สุดท้ายจึงเป็นรอบของข้าวปลา อาหาร ขนมนมเนย ...เท่านี้พี่น้องทหารก็สุขใจเหลือล้น

ส่วนพี่น้องทหารบาดเจ็บจากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่รพ.พระมงกุฏฯอีก 29 ราย โดยมีประชาชนไปเยี่ยมสม่ำเสมอ และ ได้รักการดูแลจากคณะแพทย์ - พยาบาลอย่างดีเยี่ยม ในจำนวนนี้มีสาหัสหลายรายทีเดียว หนึ่งในนี้คือ พ.ท.ณรงค์เดช นันทโพธิเดช ซึ่งเป็น 1 ใน 3แม่ทัพทีมพล.ต. วลิต โรจนภักดี ที่กระดูกขาหัก 3 ท่อนใส่เหล็กเต็มตัว และ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ

ส.ท.เจริญพร พลขับของพล.ต.วลิต มาจากพล. ร.2รอ. เล่าว่า เขาเห็นพล.ต.วลิตถูกระเบิดร่างลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วตกลงมากระแทกพื้นขาหัก ร่องแล่ง จากนั้นยังโดนกลุ่มเสื้อแดงรุมทุบตีน่าอนาถ กว่าที่ทหารคนอื่นๆจะเอาธงไตรรงค์คลุมร่างเขา และแสร้งว่าตายเพื่อพาออกไปส่งโรงพยาบาล

ส่วน พ.อ.ร่มเกล้าที่เขาเห็นในภาพสุดท้ายและจำได้ติดตา คือ ภาพของผู้พันหนุ่มที่ถูกกระสุนระเบิดขมองจนกะโหลกเปิดเลือดไหลไม่หยุด ขณะที่ พ.ท.ณรงค์เดชมีสภาพที่ร่างกายนองไปด้วยเลือด
“ผมไม่เข้าใจว่าพี่น้องประชาชยทำกับเราได้ถึงเพียงนี้ เพื่อนๆของผมหลายคนตาย หลายคนบาดเจ็บสาหัส พวกเรามีเพียงโล่หและกระบอง เราจะทำร้ายประชาชนได้อย่างไร เวลาเราถอดเครื่องแบบออก เราก็คนไทยเหมือนกัน มาทำร้ายกันทำไม กลับมารักกันเถิด ทำไมไม่รักชาติ ทำไมไม่รักในหลวงแล้ว”...ทหารชั้นผู้น้อยแต่ใจยิ่งใหญ่ระบายความในใจ

ในเหตุการณ์ 10 เม.ย. มีงบจากกระทรวงกลาโหมให้พี่น้องทหารรายละ 10,000บาท งบจากผู้บัญชาการทหารบกรายละ 10,000 บาท เงินช่วยเหลือจากจากมูลนิธิสายใจรายละ 15,000 บาท งบจากรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงรายละ 20,000 บาท และเงินบริจาคจากประชาชนมีทั้งสิ้น 14 ล้านเศษ

เมื่อเดินคุยกับพี่น้องทหารผู้บาดเจ็บในแต่ละเตียง พบว่าทหารแทบทุกคนไม่เคยคิดแค้น ไม่เจ็บปวด แต่เจ็บใจที่ถูก “ไอ้โม่ง” ลอบยิงดุจหมาลอบกัด และ ไม่สบายใจเมื่อเห็นเสื้อแดงรุมตีทหารอย่างบ้าคลั่ง บางคนเดาว่า “พวกเขาทำไปโดยขาดสติเพราะยาเสพติดหรือเปล่า?”

สังคมไทยเริ่มชัดเจนกับความสัมพันธ์ห่างเหินระหว่าง ทหาร – ตำรวจ กับ รัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยไม่ให้ความสำคัญกับพรรคร่วมรัฐบาลที่นอกจากจะไม่นำพากับความเป็น – ตายของบ้านเมืองในยามนี้แล้ว กลับยังทำตัวเป็นนักการเมืองโคตรน้ำเน่ารุมทึ้งสมบัติชาติอย่างไม่เห็นหัวคน ไทยในยามเดือดร้อน

วันนี้วีระ มุกสิพงศ์ ร่ำร้องอยากกลับบ้าน เขาเหนื่อยและล้าเต็มที นอกจากนี้ยังเตรียมตัวออกไปรักษาตัวที่ต่างประเทศด้วย ขณะที่จตุพร – ณัฐวุฒิก็ห่วงอนาคตลูกน้อยจะกำพร้าพ่อก่อนถึงวัยอันควร ไม่นับถึงคนอื่นๆอยากกลับบ้านไปใช้เงินที่อมทักษิณไว้มากมาย

ขาดแต่ “ตะกี้ร์” และ “เสธ.แดง” ที่รับจ็อบมาจากนายใหญ่และทหารใหญ่ ให้จัดม็อบแดงต่อไป เป้าหมายคือ ล้มรัฐบาลอภิสิทธิได้ก็ดี และจะดียิ่งกว่าถ้าล้มเจ้าได้เลยในคราวเดียวกัน

เรื่องนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังทหาร – ตำรวจเกียร์ว่าง แถมยังได้รับ “จูบมัดจำ” หลักร้อยล้านบาทล่วงหน้า เพียงแค่นั่งนิ่งเฉยกับม็อบแดง และ สัญญาจะร่วมรัฐบาลด้วยกัน แก้รัฐธรรมนูญด้วยกัน และ นิรโทษกรรม 111 กับ 109 ด้วยกัน

อย่างนี้ใครไม่เอาก็โง่ เข้าข่ายควายบ้า500 ชาติ ยิ่งพรรคร่วมมาตรฐานชาติชั่ว สารเลวอย่างนี้มีหรือจะไม่ตาโตกับข้อเสนอที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิดปฏิเสธ

วันที่รัฐบาลล้มวันเลือกตั้ง วันที่ศูนย์อำนวยการฉิ่งฉับ ประกาศตัดน้ำ-ไฟหลายรอบแต่ไม่ทำจริงเสียที ในวันเดียวกันนั้น “นายหญิง” กับ “ หญิงกระจิดริด” พร้อมน้องสาว แก๊งหน้ากลมแห่งสันกำแพง นั่งเป็นประธานชี้นิ้วสั่งการให้แกนนำม็อบแดงทำโน่น และ สมาชิกพรรคฯทำนี่ รวมถึงแกนใต้ดิน จ้าละหวั่น พลุกพล่าน ยิ่งกว่ากองบัญชาการในราบ 11 เสียอีก

แต่งานการสิ่งใดจะราบลื่นไปได้ ก็ต้องมีน้ำมันหล่อลื่น ดังนั้นใต้โต๊ะประชุมใหญ่ค่ายชิน 3 ของขุนพลหญิงแห่งจันทร์ส่องฟ้า จึงมีกระสุนเป็นกอบเป็นกำ ยิ่งสลุตยาวนานแค่ไหนไม่มีหมด...ไม่อั้น แถมนายใหญ่ที่หมกตัวอยู่ในบาห์เรนสั่งลุยและทหารใหญ่ที่มอบกายใจให้ค่ายชิน สั่ง “ ท่าพัก” ดังนั้นแกนนำเสื้อแดงที่กำลังแตกคอก็ประสานเสียงร้องเพลงเดียวกันคอเป็นเอ็น งานนี้นายหญิงสั่งลุย หวังเอาม็อบแดงเป็นตัวต่อรองคดีที่ติดตัวและใกล้ติดคุก

งานนี้ต้องโทษรัฐบาลอ่อนแอ หัวดื้อ -ทหารเห็นแกตัว-ตำรวจเห็นแก่ได้ และ นักการเมืองเสือหิวน่ารังเกียจ ทั้งหมดนี้คือปฐมบทแห่งปัญหาที่ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาทักษิณได้ แถมยังกลายเป็นปัญหาสะสมต่อเนื่อง

อย่าถามว่า ทหารใหญ่ ใจชินคือใครจ้างให้ก็ไม่บอก เดี๋ยวน้องๆแถวร้านฮีโร่ สุขุมวิท 11 จะมาต่อว่าเอาได้ แต่ป้องปากแย้มได้นิดหน่อยว่า จะล้างแค้นนี้เพื่อน้องและผองเพื่อน

ดังนั้น เสธ.แดง น้องรัก จึงไม่ใช่ทหารบ้าบอคอแตกอย่างที่เราเห็น แต่เป็นทหารรับจ้าง ป่วนบ้าน ป่วนเมือง หวังเกิดจลาจลล้มกระดาน ล้มรัฐบาล ล้างไพ่ ส่วนจะเลือกตั้งหรือปฏิวัติได้ทั้งนั้น

เชื่อไม่เชื่อต้องเงี่ยหูฟัง “เต้น” ที่พักนี้ชอบไปพักผ่อนดื่ม-กินแก้ร้อนแก้เครียดจากทำม็อบแถว “ซิการ์ บาร์” ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุอยู่บ่อยๆ คนแถวนั้นสงสัยว่าเข้าไปใช้บริการได้ยังไง ทั้งแพงและต้องเป็นสมาชิก บอกได้คำเดียวว่า อย่าดูถูกเสี่ยเต้น เห็นอย่างนี้เถอะ...วันที่เดินอาดๆ เข้าไปจะใช้บริการ เพียงเห็นพนักงานทำท่าห้ามเข้าเท่านั้น เสี่ยเต้นควัก 50,000 บาทสดๆ วางเปรี้ยงกลางโต๊ะเป็นค่าสมาชิก...เห็นยัง...สู้แล้วรวย ช่วยไม่ได้

แต่ที่เห็นกันประจักษ์สายตา คือ ความสัมพันธ์ของแม่ผัว -ลูกสะใภ้ ค่ายราชครูเจ้าเก่าที่เพิ่งหันมาจูบปากรักกันได้ไม่นาน เหตุมาจากแม่ลูกสะใภ้ใจแดงดันสำรอกออกมาได้ว่า การงานบันเทิงของหล่อนไม่กระทบกระเทือนจากม็อบราชประสงค์ และสอนให้คนรู้จักหลีกเลี่ยงจะได้อยู่สุขกินสบาย ผลที่ตามมาหลังปากพล่อยคือ แม่ผัวคนดีตัดสัมพันธไมตรีที่เพิ่งสาน และประกาศกร้าวชาตินี้อย่ามาคืนดีกันอีกเลย แถมสั่งลูกชายตัวดี ถ้ารักดีให้ลาออกจากพรรคชั่ว ถ้าไม่รักดีให้ไปหามจั่วไสหัวออกจากตระกูลไปเลย

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000066902

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น