เต้นสภาโจ๊ก ได้คืบเอาศอก ยันปักหลักแยกราชประสงค์ต่อ แต่ไม่ทิ้งบันไดโรดแมป ตอกหน้าไม่เชื่อลมปาก “มาร์ค” ย้อนถามวันเวลายุบสภาที่ชัดเจน แถมข้องใจถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายได้อย่างไร “ตุ๊ดตู่” ตามน้ำ อัดโรดแมปแค่นามธรรม จี้ รัฐบาล-กกต.กำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดก่อน “เหวง” เสนอ 5 ข้อย้อนเกล็ดอภิสิทธิ์ก่อนคิดปรองดอง
วันนี้ (5 พ.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า แนวทางของคนเสื้อแดงต่อแนวทางปรองดอง ถือว่าจบแล้ว เราตอบรับเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการสูญเสียของเจ้าหน้าที่และประชาชน ยืนยันข้อสรุปนี้ไปจนถึงการยุติการต่อสู้ หมายความว่า ถ้าแผนปรองดองเดินหน้าก็เดินหน้า แต่ถ้าสะดุดหยุดลงเราก็ยืนยันแนวทางสันติไม่เปลี่ยนแปลง ท่าทีของเราที่แสดงออกไปเราประสงค์ให้พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคร่วมรัฐบาล แสดงความชัดเจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก่อนเราถึงจะศึกษาตามแนวทางของเรา
“อยากให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นับหนึ่งให้เสร็จก่อนหลังจากมีท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ นายชวน หลีกภัย ซึ่งคาดว่า น่าจะมีข้อสรุปในวันที่ 6 พ.ค.ที่จะมีการประชุมพรรค เช่นเดียวกับการคัดค้านของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถ้าจบตรงนี้ปุ๊บ เราจะเริ่มนับสองแล้วจะมาประชุมแกนนำของเรา เพื่อไปร่วมนับสามกับรัฐบาล หมายความว่า นายกฯคิดการยุบสภาอย่างไรว่ามา เราก็จะคิดหาทางออกตามแนวทางสันติวิธีอย่างไรก็ว่ากันไป นปช.ไม่ได้มีหน้าที่พิจารณาเฉพาะในสิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอเท่านั้น เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ที่ไม่ต้องมาพิจารณาเฉพาะข้อเสนอของเราเช่นกัน ส่วนจะนำไปสู่ขั้นตอนปฎิบัติอย่างไรคงมีข้อสรุปอีกครั้ง ถ้าจะมองว่ายืดยาว หรือกระชับก็ได้ขึ้นอยู่กับว่านายกฯนับหนึ่งเสร็จเมื่อไหร” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อยากขอตั้งข้อสังเกตว่า เวลานี้สถานการณ์สำคัญของประชาธิปัตย์ ไม่ได้อยู่ที่ยุบสภา แต่อยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะคนในประชาธิปัตย์เคยมีมติไม่แก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดอง ซึ่งมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย คงต้องรอดูว่าจะมีมติอย่างไร เชื่อว่า ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญจะมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลอีก จึงเป็นตัวอธิบายว่าการนับหนึ่งของประชาธิปัตย์ยังไม่จบ ข้อสังเกตนี้ไม่ใช่การตั้งเงื่อนไขของนปช.อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ขั้นตอนการปรองดองดำเนินการอยู่เรา ยังไม่มีการกำหนดยุติการชุมนุมเวทีการต่อสู้ยังมีอยู่ ยังไม่มีการผ่อนคันเร่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง
“แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามแสดงท่าทีปรองดองสมานฉันท์ แต่การปฏิบัติยังมีการคุกคามอยู่ ในวันเดียวกันที่ นายอภิสิทธิ์ แถลงแนวทางปรองดองนั้น ทหารพยายามเข้าใกล้พื้นที่การชุมนุมตลอดเวลา สัญญาณนี้อธิบายรัฐบาลไม่เคยผ่อนคันเร่ง จึงเป็นสถานการณ์สู้รบกันอยู่ แต่เป็นความพยายามใช้สันติเข้ามาแก้ปัญหาเท่านั้น และแกนนำ นปช.จะทำการคุยเรื่องการยุติการชุมนุมก็ต่อเมื่อมีความชัดเจนจากนายกฯในการ กำหนดวันยุบสภาเท่านั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่รัฐบาลให้ดีเอสไอให้คดีก่อการร้ายเป็นคดีพิเศษ มีข้อสังเกตว่า สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายภาคใต้ มีการจับตายมีผู้ต้องสงสัยนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีผู้ต้องหารายใดถูกตั้งข้อหาว่า เป็นผู้ก่อการร้ายใช่หรือไม่ ถ้าไม่มีรายใดถูกตั้งข้อกล่าวหาอยากถามว่าแกนนำ นปช.ทั้ง 9 คน มีความรุนแรงมากกว่า ผู้ต้องหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร เรื่องนี้ประเทศไทยต้องการคำอธิบาย ถ้าไม่มีคำอธิบายขอกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ ใช้ข้อกล่าวหาการก่อการร้ายเล่นงานประชาชนในประเทศของเขาเอง หวังว่า นายกฯน่าจะแบ่งเวลาทำความเข้าใจเรื่องนี้
สำหรับการรับมือกับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้คุยกับฝ่ายสถานที่แล้วโดยจะทำฟูกที่นอนที่ทำจากไม้อัด สำหรับประชาชนที่พักค้างอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ เพื่อใช้ในการชุมนุมช่วงฤดูฝน เรามีมาตรการในการปรับสถานที่บริเวณที่ชุมนุม ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 6 พ.ค.เพื่อเป็นเครื่องยืนยันการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ทั้ง 5 ข้อของนายกฯไม่ได้เป็นโรดแมป แต่เป็นเพียงข้อเสนอที่ยังไม่มีรายละเอียดเป็นรูปธรรม เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องคุยอย่างชัดเจน ประสำคัญ คือ การกำหนดวันยุบสภาเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการกำหนดวันเลือก ตั้งเมื่อปี 2549 เอาไว้ว่ารัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องร่วมมือกันในการกำหนดวันเลือกตั้ง
“นอกจากนี้ มีข้อสงสัยมากมาย เช่น ถ้ามีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ก่อนยุบสภา และถ้าสรรหานายกฯในสภาใหม่ได้นายชวนเป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ จะยังยืนยันให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.หรือไม่ เช่นเดียวกับคดีความที่อยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นกรรมการในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อยากถามว่า จะยุติธรรมหรือไม่เพราะศอฉ.มีส่วนร่วมในการวางแผนทำร้ายประชาชนในวันที่ 10 เม.ย.จะให้คนที่มีส่วนทำร้ายประชาชนมาเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ได้อย่างไร” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า การกำหนดวันเลือกตั้งมาจากมิติการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2554 ที่ใช้เวลาประมาณ 105 วันตามกฎหมาย แต่เอาเข้าจริงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องซื้อโลงศพที่คนซื้อไม่ได้คนใช้ไม่ได้ ซื้อ ควรให้รัฐบาลเข้ามาทำ พวกเราไม่ต้องการถูกหลอกอีกครั้ง ถ้าจะเอาเรื่องของนักการเมืองเป็นหลัก ไม่คุ้มค่าต่อการเสียชีวิตของประชาชน โดยเรื่องของนักการเมืองต้องเอาไว้สุดท้าย
“เหมือนเป็นการกดดันให้คนเสื้อแดงยอมจำนน ยิ่งข่มเหงมากเท่าไหรการปรองดองจะไม่เกิดขึ้น เราไม่ยอมให้ถูกกดขี่ให้ยอมจำนน นายอภิสิทธิ์ต้องไปดูว่าต้องการปรองดองจริงหรือไม่ 5 ข้อนี้ยังเป็นนามธรรมต้องคุยให้เกิดขึ้นจริง ความชัดเจนต้องปรึกษากกต.ให้จบแถลงต่อสาธารณะแล้วค่อยมาว่ากันว่า 5 ข้อจะดำเนินการอย่างไร” นายจตุพร กล่าว
ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ตอนนี้บรรยากาศยังไม่เหมาะที่จะมีการดำเนินการในเรื่องการปรองดอง เพราะมีสัญญาณหลายอย่างที่ยังเป็นการคุกคามประชาชนอยู่ เช่น พบว่า มีทหารติดอาวุธครบมือประจำการอยู่บริเวณท่าเรือคลองแสนแสบหลายจุด โดยรอบบริเวณที่ชุมนุม จึงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ ได้แก่ 1.ยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานกาณ์ฉุกเฉิน 2.รัฐบาลต้องมีคำสั่งถอนทหารและตำรวจกลับที่ตั้งให้หมด 3.ยุติการใส่ร้ายป้ายสี นปช.4.ต้องอนุญาตให้เราเปิดสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลและสื่อของเราได้ตาม ปกติ 5.อย่าสร้างหลักฐานเท็จ ถึงจะมาพูดเรื่องการปรองดอง ภายใต้บรรยากาศแบบนี้จะช่วยให้การเดินหน้าเพื่อสร้างปรองดองทำได้ดีมากขึ้น
ที่มา http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000062053
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น