รอยเตอร์เผยแพร่บทความถาม-ตอบ ต่อประเด็นที่ว่า ข้อเสนอเพื่อสันติของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสามารถผ่อนคลายวิกฤตการเมืองไทยได้หรือไม่
โดยคำถามข้อแรกได้แจกแจงรายละเอียดของข้อเสนอ ว่า นายกรัฐมนตรีได้ประกาศ "โรดแมพแผนปรองดองแห่งชาติ" เมื่อวันจันทร์ (3 พ.ค.) ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญ 5 ประการที่จะดำเนินการได้เร็วยิ่งขึ้น หากกลุ่มเสื้อแดงเห็นชอบด้วย
ประเด็นแรกคือ จะต้องไม่มีการดึงสถาบันกษัตริย์ลงมาเป็นเครื่องมือความขัดแย้งทางการเมือง หรือมีการละเมิดสถาบันกษัตริย์ หลังจากที่รัฐบาลกล่าวหาว่าสมาชิกเสื้อแดงบางส่วนมีเป้าหมายที่จะล้มล้าง สถาบันกษัตริย์
ประเด็นที่ 2 เรียกร้องให้มีการปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม ประเด็นที่ 3 คือ เสนอให้มีองค์กรอิสระเพื่อติดตามการทำงานของสื่อ เพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการรายงานข่าวโดยปราศจากอคติ ประเด็นที่ 4 เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง ทางการเมืองที่เพิ่งเกิดขึ้น และประเด็นที่ 5 คือ การปฏิรูปการเมือง ซึ่งจะรวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยอมรับแผนนี้ จะเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน หรือก่อนกำหนดการครบวาระของรัฐบาลกว่า 1 ปี
@ ทำไมกำหนดวันเลือกตั้งจึงเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว?
รัฐบาล ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์มักระบุว่าการกำหนดกรอบเวลาดังกล่าวก็เพื่อให้มี การพิจารณาและอนุมัติงบประมาณแผ่นดิน และสร้างความมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะดำเนินไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ปราศจากความรุนแรง แต่ทว่าประเด็นสูงสุดของการชิงชัยกลับเป็นเรื่องอื่นที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและ กลุ่มเสื้อแดงไม่ได้กล่าวถึง
บรรดานักวิเคราะห์ นักการเมือง และคนในแวดวงทหาร เปิดเผยว่า หัวใจของประเด็นนี้คือการโยกย้ายประจำปีภายในกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายบริหารระดับจังหวัด ซึ่งล้วนเป็นสถาบันสำคัญของประเทศ
การแต่ง ตั้งโยกย้ายจะมีขึ้นในเดือนกันยายน ก่อนมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ทั้งนี้ฝ่ายรัฐบาลและผู้นำทหารในขณะนี้ต้องการวางทายาทในตำแหน่งสำคัญ ก่อนมีการเลือกตั้ง ซึ่งหมายความว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่ก็จะไม่สามารถคุมประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ
และด้วยพันธมิตรในกองทัพ ตำรวจ และหน่วยราชการจังหวัดต่างๆ พร้อมงบเลือกตั้งก้อนใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์จะมีโอกาสดีกว่าที่จะได้เสียงสนับสนุนมากกว่าในการเลือก ตั้ง ขณะที่พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ก็มีแรงหนุนแข็งแกร่งให้พยายามท้าชิงชัยพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งเขตภาค เหนือและภาคอีสาน
@ผู้ประท้วงจะยอมรับเงื่อนไขหรือไม่?
เนื่อง จากเงื่อนไขข้อแรกเกี่ยวกับการเคารพสถาบันกษัตริย์ จึงทำให้กลุ่มเสื้อแดงน่าจะมีทางเลือกน้อย การปฏิเสธเงื่อนไขเหล่านี้จะยิ่งตอกย้ำความเชื่อของคนไทยที่ว่า กลุ่มเสื้อแดงโอนเอียงไปทางแนวคิดสาธารณรัฐ และการไม่รับข้อเสนอจะจุดชนวนความโกรธไม่พอใจ แม้แต่ในกลุ่มที่สนับสนุนฝ่ายเสื้อแดงเอง
นอกจากนี้ การปฏิรูปทางการเมือง การพิจารณาข้อเท็จจริงโดยองค์กรอิสระ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล้วนสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มผู้ประท้วง ดังนั้นข้อเสนอนี้น่าจะได้รับการตอบรับ
@ หากทุกฝ่ายเห็นชอบกับข้อเสนอ จะช่วยยุติวิกฤตได้หรือไม่?
หาก ทุกฝ่ายยอมรับข้อเสนอครั้งนี้ จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการปัญหา และลดความเสี่ยงเฉพาะหน้าที่จะเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้ แต่ไม่น่าจะแก้วิกฤตในระยะกลางและระยะยาว
กลุ่มเสื้อแดงพุ่งเป้าไปที่กลุ่มชนชั้นนำที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงมองว่าเป็นผู้ชักใยระบบการเมืองจากหลังฉากมาหลายทศวรรษ และมีอำนาจวางแผนก่อรัฐประหารหรือมีอิทธิพลต่อระบบตุลาการ ทั้งนี้หากมีความเข้าใจว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นอีก ก็มีโอกาสที่เสื้อแดงจะก่อจลาจลอีกเช่นกัน
การเผชิญหน้าเมื่อเร็วๆ นี้ยังทำให้จุดยืนที่ต่างกันแข็งกร้าวขึ้น ดึงให้เกือบทั้งประเทศเข้าสู่ความขัดแย้งของสีที่ต่างกัน ซึ่งบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังและทิฐิ ทั้งยังเพิ่มภาพที่น่าหวาดกลัวของสงครามกลางเมืองด้วย
แต่การกลับคืนสู่อำนาจของรัฐบาลที่เป็นพันธมิตรของทักษิณจะเผชิญกับการต่อต้านจากการเคลื่อนไหวของ "เสื้อเหลือง" เช่นกัน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1272968642&grpid=04&catid=00
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น