วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2553

รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นหน่วยงานในสังกัดสภากาชาด ตั้งขึ้นมา 96 ปี แล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก โดยยึดตามปณิธานของ ร. 6 ผู้ก่อตั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์ในหลวงเพื่อปวงชน โดยอัญเชิญพระนามของพระบิดาของพระองค์

ในยามสงคราม รพ.จุฬา เป็นหนึ่งในสถาบันหลัก ที่ได้รับการยอมรับ และให้เกียรติจากทุกฝ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ตามหลักมนุษยธรรม แม้ในสงครามมหาเอเซียบูรพา ทั้งสองฝ่ายเคารพในกติกาสากล แม้แต่ในยามที่ประเทศมีปัญหาขัดแย้งทางการเมือง ก็ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่จะมีการล่วงละเมิดการทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากความขัดแย้งดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น 14 ต.ค. 2516 หรือ 16 ต.ค. 2519

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่บ้านเราเกิดเหตุการไม่สงบ เมื่อ พ.ค. 2535 ในตอนนั้น ผมปฏิบัติงานเป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ในสหรัฐอเมริกา CNN ได้เสนอข่าวการปะทะ ดังกล่าว และมีภาพธงกาชาด ที่ถูกยิงจนมีรูโหว่ เป็นธงที่รถพยาบาลคันหนึ่ง ไม่ทราบว่าถูกกระสุนลูกหลงจากฝ่ายใด แต่ตัวรถและเจ้าหน้าที่ ไม่เป็นไร

ตอนนั้น จำได้แม่นยำว่า ปฏิกริยาหนึ่งของเพื่อนแพทย์ และชาวอเมริกันอื่นๆ รู้สึกตกใจและ มองว่าบ้านเราป่าเถื่อนมาก ขนาดรถพยาบาลยังถูกลูกหลง ทั้งๆที่ในสากล คนที่มีจิตใจเป็นคนปกติ หรือมีคุณธรรมอยู่บ้าง จะไม่มีใครเขาโจมตีรถที่ส่งคนเจ็บ หรือ รถพยาบาลกัน ตอนนั้น สำนักข่าวต่างประเทศให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าวเป็นข่าวใหญ่ เพราะในอารยประเทศ ไม่มีใครเขายอมรับได้

ในช่วงที่ประเทศเรา มีปัญหา กับ ผกค. ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอิสาณ ทางชายแดนพม่า หรือ ทางใต้ ก็จะเป็นที่ทราบกันว่า นักรบทุกฝ่าย มีคุณธรรมพอ และ ไม่เคยปรากฏ ว่า โรงพยาบาล หรือ รถพยาบาล ถูก โจมตี หรือถูกคุกคามจากคู่กรณีเลย

แม้ในปัจจุบัน สถานการณ์ไม่สงบในภาคใต้ โรงพยาบาล และบุคลากร ทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่ ก็ได้รับการให้เกียรติจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ไม่เคยปรากฏว่า รพ. หรือรถพยาบาล จะถูกข่มขู่คุกคาม แสดงให้เห็นความมีคุณธรรม และมนุษยธรรมในทุกฝ่าย ถึงจะอยู่ห่างไกล ในป่าเขา

แต่อนิจจา...... ใจกลางกรุงเทพแดนศิวิไล

เมื่อวันที่ 10 เมษา เหตุการณ์ที่ถนนราชดำเนิน ได้เห็นภาพ คนเจ็บที่กำลังจะถูกส่ง รพ. ถูกทำร้ายโดยกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างป่าเถื่อน
ความจริงอีกอย่าง ที่ไม่ได้มีการบันทึกไว้ ก็คือ ในกลางดึกของคืนวันที่ 10 เมษา ก็ได้เริ่ม มี รถบรรทุก 3 คัน ติดป้าย นปช. แหลมฉบัง เข้ามาจอดปิดถนน และปิดทางเข้า ห้องฉุกเฉิน รพ.จุฬาลงกรณ์ เพื่อป้องกันการส่งต่อผู้บาดเจ็บมาที่ห้องฉุกเฉิน และมีการ์ด ถืออาวุธปลายแหลมตรวจตรารถที่อาจจะเข้ามาส่งคนเจ็บ ซึ่งก็ทำให้ผู้ป่วยอื่นๆ ก็เข้ามาไม่ได้ด้วย ยกเว้นแต่จะวิ่งอ้อมไปเข้าทางอังรีดูนังต์
การปิดทางเข้าดังกล่าวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ยาวมาจนถึง เช้าวันที่ 12 เมษา ท่ามกลางการก่นด่าของชาวบ้านที่เดือดร้อนฝรั่งนักท่องเที่ยวที่จะมา รพ. ก็ชูนิ้วกลางให้ กลุ่มผู้ไม่หวังดีจึงยอม ถอยออกไปตาม ถ.ราชดาริ ตอนช่วง 10 โมงเช้าของวันที่ 12 โดยถอยประมาณ 10 เมตร แต่หลังจากนั้น 2-3 วัน ก็กลับมาปิดทางเข้าอีก ทำให้คนไข้ฉุกเฉิน และ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้ามาได้อีกครั้ง

ตั้งแต่ ประมาณ 15 เมษา การมาปิดครั้งนี้ มาแบบ full option คือ มีเต้นท์จำนวนหนึ่ง มี รถขยายเสียง ดังหนวกหูมาก มีรายการบันเทิง ทั้ง สุราและนารี มีสาวโคโยตี้ เต้นบนรถบรรทุก จนคนไข้ โดยเฉพาะ ที่ ICU และ ห้องเด็กอ่อน คนไข้หลังผ่าตัดหัวใจ รวมถึงที่ประทับสมเด็จพระสังฆราช ถูกรบกวนจากเสียงตลอดคืน ผู้ชุมนุมหัวโล้นบางคนที่แต่งกายเลียนแบบพระ มีอาการคล้ายเมาสุรา และเกาะขอบเวที ดูโคโยตี้อย่างตั้งใจด้วย เป็นภาพที่น่าอนาถใจมาก

วันดีคืนดี ก็จะมีกลุ่มอันธพาล ถือไม้ปลายแหลม และไม้หน้าสาม เข้ามาในห้องฉุกเฉิน เพื่อแสดงการคุกคาม 2 ครั้ง และอีกครั้งไปที่ตึก สก. อ้างว่าจะขอค้นหาบุคคลต้องสงสัย

ด้านหน้าตึก ภปร. ก็จะมีพวกนี้ เตรียมไม้ปลายแหลมจำนวนมาก และอาวุธไม่ทราบชนิด ใส่ถุงและใส่กล่อง ซุกอยู่บริเวณพุ่มไม้หน้าตึก

ขณะเดียวกัน ก็มีการนำถังแก็สจำนวนหนึ่งมาวางข่มขู่ไว้ พร้อมต่อสาย และ นำน้ำมันมาราดไว้ บนยางรถยนต์เก่าที่มาวางหน้า รพ. พร้อมทั้งประกาศว่า ถ้ามีการสลายการชุมนุม ก็จะระเบิดถังแก็สเหล่านี้

ขณะเดียวกัน ทางด้านหน้า การ์ด นปช ก็ทำการตรวจค้นทุกคนที่จะเข้ามา ห้องฉุกเฉิน แพทย์หลายคนถูกกรรโชกทรัพย์ ผู้ช่วยพยาบาลสาว ถูกข่มขู่ว่าจะฉุดไปข่มขืน ถ้าไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจค้น รถแพทย์บางคนถูกทุบ เพราะไม่ยอมให้อันธพาลค้นรถขณะจะเลี้ยวเขาตรวจผู้ป่วยฉุกเฉิน บางคนถูกส่องด้วยลำแสง laser แบบเดียวกับที่เห็นในข่าว วันที่ พ.อ.ร่มเกล้า ถูกยิงเสียชีวิต การคุกคามแบบนี้มีมาต่อเนื่อง บางท่านไปแจ้งความว่าถูกการ์ด นปช. ค้นปล้นเอาโทรศัพท์มือถือ iPhone ไป ตำรวจกลับบอกว่า แค่ของหายเล็กๆน้อยๆ ทำไมต้องแจ้งความ ?!?!?

ช่วงนั้นได้เห็นรถของสตรีคนหนึ่ง ที่วิ่งอยู่บนถนนพระราม4 ตรงข้ามตึกจงกลณี ช่วงประมาณ 10 โมงเช้า สวนกับขบวนรถของกลุ่มเสื้อแดง แล้วกดแตร แสดงความไม่พอใจ ผลคือ ถูกกลุ่มคนเข้าไปทุบรถ และขึ้นไปกระทืบบนฝากระโปรง ตำรวจที่ยืนอยู่ใกล้สี่แยก ทำเป็นมองไม่เห็น

วันที่ 21 เมษา ความตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มชาวสีลมแสดงความไม่พอใจ ได้เห็นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เตรียมถังแก็ส น้ำมันมาราดที่ยางรถ และไม้ปลายแหลมจำนวนมากขึ้น

วันที่ 22 เมษา เกิดเหตุ ยิง M79 ที่แยกศาลาแดง มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก แต่หลายรายไม่สามารถเข้ามาใน รพ.จุฬา ทั้งๆที่อยู่ใกล้ที่สุด เพราะถูกกลุ่มคนเสื้อแดงปิดกั้น และทำร้ายผู้บาดเจ็บ เป็นภาพที่น่าสังเวชในความไม่มีมนุษยธรรมมาก
หลังจากนั้น ก็มีการคุกคามเจ้าหน้าที่เพิ่มมากขึ้น

ผู้ชุมนุม จำนวนหนึ่ง ใช้ด้านหน้าของตึก ภปร.เป็นที่ขับถ่าย และ หลับนอน โดยใช้ห้องน้ำของคนไข้เป็นที่อาบน้ำ
มีการตรวจพบ ตึก ภปร. ถูกยิง กระจกทะลุ 3 รู ที่ชั้นล่าง และ 1 รูที่ชั้น 8 อีก 1 รูที่ชั้น 10

วันที่ 28 เมษา นปช.ประมาณ 200-300 คน ก็อ้างว่าจะเข้าไปตรวจค้นในตึก สก. นำโดย สส.ไร้มนุษยธรรม พรรคเพื่อไทย ชื่อ นาย พายัพ ปั้นเกตุ บุกเข้าไปใน ward ใน ICU และห้องอื่นๆ และมีอีก 10กว่าคน ถืออาวุธเดินไปทั่ว รพ. เข้าไปไกลถึง อาคารหอสมุดคณะแพทย์ เข้าไปคุกคามนิสิตแพทย์ด้วย

วันที่ 29 เมษา มีข่าวว่าอาจมีการขอคืนพื้นที่ นปช.ทำการปิดกั้น ตามประตูหลายจุด ทำให้ คนไข้และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าออกจาก รพ.ได้ และตอนช่วงประมาณ บ่าย 3 โมง ก็มีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น ทำให้เกิดการแตกตื่น ผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไป ได้แตกฮือกันเข้ามาในบริเวณ รพ. และ ตึก ภปร. เป็นจำนวนมาก จนแทบจะเหยียบกันตาย

จากเหตุการณ์ถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องและรุนแรง ทาง รพ. ตัดสินใจ ปิดการให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ และ ญาติ ในวันที่ 30 เมษายน และ refer คนไข้ทั้งหมดไป รพ.อื่น ประมาณ 60 แห่ง ซึ่งเป็นความเจ็บปวดมากของวิชาชีพ หลายคนน้ำตาคลอ หลายคนร้องไห้

หลังจากนั้น เมื่อ สากลโลกรุมประนามการกระทำอันป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม นปช.และ พรรคเพื่อไทย ก็บอกว่า เพียงเข้ามาดูเฉยๆ ตื่นตกใจกันไปเอง รพ.ทำเกินกว่าเหตุ จึงเป็นความเท็จ โกหกคำโต โกหกซ้ำแล้ว ซ้ำอีกอย่างไม่ละอาย

ยิ่งกว่านั้น ในตอนแรกรับปากว่า จะยินยอมเปิดพื้นที่ เมื่อ วันที่ 1 พ.ค. แต่ ก็ขยับมาเล็กน้อย แค่ 2 ช.ม. แล้วกลับมาปิด เหมือนเดิม เหมือนที่เคยทำเมื่อช่วง 14 เมษา

แม้กระทั่งวันนี้ ถูกแรงกดดันจากสังคม ก็ยังไม่รักษาคำพูดเหมือนเดิม โดยถอยไปปิด บริเวณหน้าตึก สก. และ หน้าตึก วชิรญาณ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับ ก็ยังถูกปิด ด้วย ยางรถยนต์ชุบน้ำมัน และไม้ปลายแหลม จำนวนมากอย่างเดิม

และขณะเดียวกัน ก็ไปพูดบนเวที ไปคนละเรื่อง และปลุกระดมชาวบ้าน ว่า แพทย์และพยาบาลในเครื่องแบบหมอ เป็นทหารที่ปลอมตัวมา และมีอาวุธด้วย ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน ให้เกิดความหวาดระแวงไปอีก

ความปลอดภัย และสิทธิมนุษยชนของคนไข้ถูกละเมิดอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถูกละเมิด
กาชาดถูกคุกคามและละเมิด
ไม่มีอารยชนที่ใดเขาทำกันแบบนี้
การก่อการร้ายที่ว่ากันว่าเลวที่สุด ก็ยังไม่เลวเท่านี้
สงสารประเทศไทย

ที่มา ความคิดเห็นที่ 80 / http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000061058

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น